หัวข้อ: สกว.หนุน 'มจร' ชงวิจัย 'จัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธ' เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 14, 2013, 06:57:37 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/08/08/ka9a9hgba7jk98eb7hdb5.jpg) สกว.หนุน'มจร'ชงวิจัย'จัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธ' สกว.หนุนโครงการท่องเที่ยวทางเลือกในท้องถิ่น อาจารย์ 'มจร' เสนองานวิจัย 'การพัฒนารูปแบบและกระบวนการจัดการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย' 8ส.ค.2556 ดร.จันทรวิภา ธนะโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. เป็นประธานการประชุม เวที สกว. (TRF Forum) เรื่อง “การท่องเที่ยวทางเลือก (Alternative Tourism)” ซึ่งจัดโดยโครงการกิจกรรมการเชื่อมโยงงานวิจัยกับภาคนโยบาย สกว. เพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัยได้นำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในชุดโครงการวิจัยด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวต่อสาธารณชนและบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผลักดันให้เห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการท่องเที่ยว อันจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ อ.กาญจนา สมมิตร จากมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น นำเสนอผลงาน “การวิจัยเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงบำเพ็ญประโยชน์ในเขตภาคเหนือตอนบน” ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในลักษณะผสมผสานระหว่างกิจกรรมอาสาสมัครกับการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ เพื่อให้มีโอกาสช่วยเหลือสังคม โดยผู้จัดกิจกรรมเป็นผู้จัดยานพาหนะ ที่พัก อาหาร กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ และการนำเที่ยว ซึ่งอาจดำเนินการเต็มรูปแบบหรือจัดสรรบริการเพียงบางส่วน ทั้งนี้ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ รองลงมาคือเชียงราย ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่อคน 87,000 บาท หรือ 872 ล้านบาทต่อปี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเป็นกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยในทวีปเอเชียและอเมริกาเป็นหลัก ตามด้วยยุโรป เดินทางด้วยตัวเองเป็นส่วนมาก โดยรับทราบจากสถานศึกษา อินเตอร์เน็ต และเพื่อน :welcome: :welcome: :welcome: ปัจจัยที่มีผลต่อการท่องเที่ยวมากที่สุด คือ บุคลากรที่ให้บริการ รองลงมาลักษณะทางกายภาพ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นเอกลักษณ์ และสินค้าทางการท่องเที่ยวมีความหลากหลายของกิจกรรมและวัฒนธรรม ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ มีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ส่วนแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงบำเพ็ญประโยชน์ พบว่ายังมีจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง อาทิ ขาดการประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชัดเจนและไม่ทันสมัย สินค้าและกิจกรรมยังไม่ตรงกับความต้องการของชุมชนและใช้เวลาพัฒนานาน โปรแกรมไม่ชัดเจน ขาดสุขลักษณะที่ดีไม่และไม่เอื้อต่อการให้บริการ ผู้ให้บริการขาดทักษะด้านภาษา ระบบการให้บริการในองค์กรไม่ต่อเนื่อง เป็นต้น (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/08/08/h57ac9gjh9fga6c8kc9cj.jpg) ขณะที่ ผศ. ดร.วิรุณสิริ ใจมา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวถึงงานวิจัย “รูปแบบและกิจกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายที่เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุชาวต่างชาติ” ว่านักท่องเที่ยวสูงอายุต่างชาติเป็นกลุ่มที่มีอำนาจซื้อสูงและมีเวลาพร้อมที่จะมาท่องเที่ยวใจจังหวัดเชียงราย ซึ่งทรัพยากรเดิมเริ่มทรุดโทรมลง จึงต้องเพิ่มมูลค่าและสอดคล้องกับลักษณะที่เนิบช้าของจังหวัด โดยศึกษาความต้องการการของนักท่องเที่ยว รูปแบบของการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยว สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารการตลาดด้านโปรโมชั่นให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบ พฤติกรรมโดยรวมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากยุโรปโดยได้รับคำแนะนำจากเพื่อน จุดประสงค์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว และต้องการเรียนรู้งานด้านหัตกรรมและซื้อสินค้าเป็นของที่ระลึกหรือของใช้ อาทิ ผ้าทอ และชอบท่องเที่ยววัดเพื่อเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ต้องการกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมไทย อาทิ นวดแผนไทย รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ปลูกพืชแบบธรรมชาติ รวมถึงกิจกรรมทางศาสนา ต้องการห้องพักสะอาด อากาศดี การเดินทางไม่ลำบากและมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ทางลาดสำหรับรถเข็น ลิฟท์ บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน wifi เป็นต้น รวมถึงให้มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลายนอกเหนือจากโบราณสถาน และทำสื่อเผยแพร่ที่มีข้อมูลด้านประวัติศาสตร์มากขึ้น :49: :49: :49: ส่วนงานวิจัย “การพัฒนารูปแบบและกระบวนการจัดการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย” คุณสายชล ปัญญชิต อาจารย์คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาได้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งการเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ศึกษาประวัติศาสตร์และพุทธศิลป์ แต่ยังมีการบริหารจัดการแบบบูรณาการระหว่างวัด ชุมชน สังคม ภาคธุรกิจค่อนข้างน้อย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การทำนุบำรุงศาสนากับธุรกิจควรจะดำเนินไปด้วยกันอย่างสมดุลและไม่เสียภาพลักษณ์ เช่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง อบต. และ อบจ. เข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีการจัดการขยะ ทำความสะอาดบริเวณวัด และดำเนินการอยู่ในขอบเขตธุรกิจที่เหมาะสม :25: :25: :25: ทั้งนี้นักท่องเที่ยวได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับประติมากรรม จิตรกรรม สถาปัตยกรรม การเที่ยวชมบริเวณวัดในเชิงพุทธศิลป์ เพื่อชื่นชมความสวยงามวิจิตรตระการตา โดยชาวไทยจะท่องเที่ยวตามเทศกาลและวัฒนธรรมประเพณี และพบว่าพื้นที่ภาคใต้และอีสานเป็นประตูสำคัญของการเปิดเข้าสู่อาเซียน โดยเฉพาะภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี มีชาวมาเลเซียและอินโดนีเซียเข้ามาท่องเที่ยววัดภูมิภาคมากขึ้น เช่นเดียวกับนครพนมและมุกดาหารที่มีกท่องเที่ยวจากเวียดนามและลาวให้ความสนใจมาเที่ยววัดท้องถิ่นที่มีความคาบเกี่ยวหรือความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการท่องเที่ยวเพื่อยกระดับความรู้ของนักเรียนนักศึกษามากขึ้นในด้านวรรณคดีไทยและศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาวัดและเป็นศูนย์กลางการจัดการความรู้ของท้องถิ่น ขอบคุณภาพข่าวจาก www.komchadluek.net/detail/20130808/165421/สกว.หนุนมจรชงวิจัยจัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธ.html#.UgrGYaxYxGp (http://www.komchadluek.net/detail/20130808/165421/สกว.หนุนมจรชงวิจัยจัดการท่องเที่ยวเชิงพุทธ.html#.UgrGYaxYxGp) |