หัวข้อ: ตำนานพระพุทธรูป ๖๖ ปาง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 21, 2013, 08:07:49 am (http://www.onab.go.th/images/stories/news/Buddhajayanti04s.jpg) ตำนานพระพุทธรูป ๖๖ ปาง พระพุทธจริยาตอนหนึ่ง ๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงให้ปรากฏในสมัยหนึ่ง ๆ ซึ่งพอจะประมวลกันเข้าในพุทธจริยา ๓ ประการ ได้ดังนี้ :- พระพุทธจริยาในเวลาที่ทรงบำเพ็ญ เพื่อความตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ นับแต่แรกเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ จนถึงเวลาตรัสรู้และเวลาเสวยวิมุตติสุข อันเป็นเวลา ๖ ปี ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พระองค์โดยเฉพาะ เรียกว่า อัตตัตถจริยา ถ้าจะกำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ก็จะได้ถึง ๑๗ ปาง โดยนับแต่ปางที่ ๑ คือ ปางอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต จนถึงปางที่ ๑๗ คือปางรับสัตตุก้อน สัตตุผง พระพุทธจริยาที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พระประยูรญาติ โดยเฉพาะซึ่งก็มีส่วนน้อยเรียกว่า ญาตัตถจริยา ถ้าจะกำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ ก็จะได้เพียง ๔ ปาง คือ ปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ปางโปรดพระพุทธบิดา ปางห้ามพระญาติแย่งน้ำในสมุทร และปางโปรดพระพุทธมารดา พระพุทธจริยาที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชนทั่วไปไม่จำกัดชาติ ชั้น วรรณะ ตลอดเทพดา พรหม ยักษ์ ที่สุดจนสัตว์เดรัจฉาน ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลก รวมทั้งการแสดงธรรม การบัญญัติพระวินัยแก่พระสงฆ์สาวก เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระพุทธศาสนา ในฐานะที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้า อันเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประชากรเรียกว่า โลกัตถจริยา กำหนดด้วยพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งตัดจากอัตตัตถจริยา ๑๗ ปางและญาตัตถจริยา ๔ ปาง รวมเป็น ๒๑ ปางออกเสีย คงเหลือ ๔๓ ปาง เป็นส่วนโลกัตถจริยาทั้งสิ้น รวมพระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งแสดงพระพุทธจริยาของพุทธเจ้าทั้งมวลเป็น ๖๖ ปาง ก่อนแต่จะทราบตำนานของพระพุทธรูปปางต่างๆ ทั้งหมดนั้น สมควรจะทราบสถานที่และเวลาซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จประทับบำเพ็ญพระพุทธจริยาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลดังกล่าวอันเป็นมูลฐานสำคัญแห่งการบังเกิดตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นี้. (http://www.onab.go.th/images/stories/news/Buddhajayanti05s.jpg) สถานที่และปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษา จำเดิมแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือน ๖ แล้ว เดือน ๘ ก็เสด็จไปแสดงธรรมจักรโปรดพระปัญจวัคคีย์ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และทรงจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดพระปัญจวัคคีย์ภิกษุอันเป็นพรรษาแรก ซึ่งจัดลำดับกาลได้ดังนี้ :- พรรษาที่ ๑ ปีระกา เสด็จจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันโปรดพระปัญจวัคคีย์และพระยสกับมิตรสหาย พรรษาที่ ๒ ปีจอ พรรษาที่ ๓ ปีกุน และ พรรษาที่ ๔ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวัน พระนครราชคฤห์ โปรดพระเจ้าพิมพิสารและเสวกามาตย์ราชบริพารกับทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตลอดบริวาร พรรษาที่ ๕ ปีฉลู ทรงจำพรรษาที่กุฏาคารสาลาป่ามหาวันพระนครไพสาลี พรรษาที่ ๖ ปีขาล ทรงจำพรรษาที่กูฏบรรพต พรรษาที่ ๗ ปีเถาะ ทรงจำพรรษาที่ปัณฑุกัมพลสิลาอาสน์ใต้ร่มไม้ปาริชาติในดาวดึงส์สวรรค์ แสดงอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา พรรษาที่ ๘ ปีมะโรง ทรงจำพรรษาที่เภสกลาวัน (ป่าไม้สีเสียด) ใกล้เมืองสุงสุมารคีรี ในภัคคชนบท พรรษาที่ ๙ ปีมะเส็ง ทรงจำพรรษาที่โฆสิตาราม ในเมืองโกสัมพี พรรษาที่ ๑๐ปีมะเมีย ทรงจำพรรษาที่ภัททสาลมูล ในป่าปาลิไลยวัน อาศัยช้างปาลิไลยกะปฏิบัติบำรุง (http://www.onab.go.th/images/stories/news/Buddhajayanti01s.jpg) พรรษาที่ ๑๑ ปีมะแม ทรงจำพรรษาที่บ้านนารายพราหมณ์ พรรษาที่ ๑๒ ปีวอก ทรงจำพรรษาที่ปุจิมณฑมูล ร่มไม้สะเดา ที่นเรฬุยักษ์สิงอยู่ใกล้เมืองเนรัญชา พรรษานี้ทรงบัญญัติพระวินัยตั้งสิกขาบทไว้เป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุเป็นประถม พรรษาที่ ๑๓ ปีระกา (รอบที่สอง) ทรงจำพรรษาที่ปาลิยบรรพต พรรษาที่ ๑๔ ปีจอ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนาราม พระนครสาวัตถี พรรษาที่ ๑๕ ปีกุน ทรงจำพรรษาที่นิโครธาราม พระนครกบิลพัศดุ์ โปรดพระพุทธบิดาและพระญาติ ตลอดเสด็จห้ามพระญาติวิวาทกันเพราะเหตุแย่งน้ำในสมุทร พรรษาที่ ๑๖ ปีชวด ทรงจำพรรษาที่อัคคาฬวเจดีย์วิหาร เมืองอาฬวี โปรดอาฬวกยักษ์ พรรษาที่ ๑๗ ปีฉลู พรรษาที่ ๑๘ ปีขาล และ พรรษาที่ ๑๙ ปีเถาะ รวม ๓ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเวฬุวนาราม พระนครราชคฤห์ พรรษาที่ ๒๐ ปีมะโรง จนถึงพรรษาที่ ๔๔ รวมเป็น ๒๕ พรรษานี้ ทรงจำพรรษาที่พระเชตวนารามแลที่บุพพารามสลับกันคือที่พระเชตวนาราม ๑๙ พรรษา ที่บุพพาราม ๖ พรรษา (http://www.onab.go.th/images/stories/news/Buddhajayanti02s.jpg) พรรษาที่ ๔๕ ปีมะเส็ง ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ปีที่เสด็จปรินิพพานทรงจำพรรษาที่เวฬุวคาม ใกล้พระนครไพสาลี ครั้นออกพรรษาแล้ว จึงเสด็จโปรดเวไนยสัตว์ยังนครต่าง ๆ จนถึงเมืองกุสินารา ในวันเพ็ญกลางเดือน ๖ วิสาขมาส และเสด็จปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ประมวลสถานที่พระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับบำเพ็ญพุทธกิจ โปรดเวไนยสัตว์ นับแต่แรกตรัสรู้จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามบาลีอาคตสถานด้วยประการฉะนี้ บรรดาสถานที่พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในเทศกาลจำพรรษาก็ดี นอกพรรษาก็ดี ล้วนเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์ ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธเวไนย์เป็นคุณเตือนใจพุทธศาสนิกให้สร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ไว้เป็นอนุสรณ์และใส่ใจสักการบูชา เพราะเหตุนั้น พระพุทธรูปจึงมีปางต่าง ๆ จะประมวลยกมาแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเริ่มแต่เสด็จออกทรงผนวชก่อนตรัสรู้ และตรัสรู้แล้ว เสด็จโปรดพุทธเวไนยสัตว์ ตลอดเวลา ๔๕ พรรษา และเสด็จดับขันธปรินิพพาน. ข้อมูลจากหนังสือ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร) http://www.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=761:2009-07-17-16-46-05&catid=79:2009-07-17-16-15-34&Itemid=279 (http://www.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=761:2009-07-17-16-46-05&catid=79:2009-07-17-16-15-34&Itemid=279) |