สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 29, 2013, 08:01:02 am



หัวข้อ: สวนโมกข์ระอุ.!! สงฆ์แตก-สั่งสร้างสิ่งทันสมัย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 29, 2013, 08:01:02 am


(http://www.posttoday.com/media/content/2013/08/27/826C493485ED49F895F339E6FEED5286.jpg)

สวนโมกข์ระอุ.!!สงฆ์แตก-สั่งสร้างสิ่งทันสมัย

กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ร่อนจดหมายเปิดผนึก ห่วงทิ้งแนวคิดเดิมยุคพุทธทาส หลังสงฆ์ในวัดแตกเป็น 2 กลุ่ม เจ้าอาวาสใหม่สั่งปรับปรุง"โบสถ์ธรรมชาติ"ให้ทันสมัย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ได้แชร์ จดหมายเรื่อง "จากเพื่อนสวนโมกข์ถึงเพื่อนสวนโมกข์" ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยระบุว่าเป็นจดหมายที่เขียนถึง กัลยาณมิตรของสวนโมกขพลาราม เพื่อแจ้งข่าวให้ทราบถึงทิศทางของสวนโมกข์ที่กำลังเดินออกไปจากสิ่งที่ท่านพุทธทาสได้วางไว้ในอดีต....

เนื้อความในจดหมายระบุว่า สถานการณ์ภายในวัดสวนโมกข์ทุกวันนี้ไม่สู้ดีนัก สงฆ์แตกออกเป็นสองกลุ่มจากการตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่มาแทนเจ้าอาวาสคนเก่า  แม้ท่านสุชาติ เจ้าอาวาสคนใหม่ จะเป็นที่ชื่นชอบและเคารพนับถือของคนจำนวนไม่น้อย แต่เนื่องจากท่านออกจากวัดไปเป็นเวลานาน อีกทั้งยังไม่มีทักษะความเป็นผู้นำและความสามารถในการเข้ามาบริหารจัดการวัด

หลังจากท่านเข้ามารับตำแหน่งแทนอ.โพธิ์ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สวนโมกข์เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ โดยท่านทองสุข ธมมวโร พระมหาเถระซึ่งมีบทบาทในการสร้างงานหลายๆชิ้นของสวนโมกข์ในอดีต หลังจากที่ไม่มีส่วนร่วมกับวัดเป็นเวลานานกว่า20 ปี ได้เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสวนโมกข์ ในฐานะเจ้าอาวาสเงาผู้อยู่เบื้องหลังท่านสุชาติ 

 :welcome: :welcome: :welcome:

งานแรกของสวนโมกข์ในยุคของเจ้าอาวาสคนใหม่ คือ การเข้ามาควบคุมจัดการเรื่องเงิน โดยต้องการแยกบัญชีวัดออกจากธรรมทานมูลนิธิ มีการตั้งข้อกล่าวหาว่าคุณเมตตา พานิช ซึ่งดูแลเงินวัดในนามประธานธรรมทานมูลนิธิมาตั้งแต่สมัยท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ นำเงินวัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว การบริหารเงินของธรรมทานมูลนิธิโดยมีคุณเมตตาเป็นผู้ดูแลหลักอยู่เพียงคนเดียวถูกมองว่าไม่โปร่งใส 

ระบบการเงินของสวนโมกข์ถูกเซ็ตขึ้นใหม่ โดยสวนโมกข์ขอกลับไปสู่ความเป็น "วัดธารน้ำไหล" ภายใต้มหาเถรสมาคม วัดมีบัญชีแยกจากธรรมทานมูลนิธิ และพระสามารถบริหารเงินและนำเงินมาใช้ได้อย่างเป็นอิสระโดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากธรรมทานมูลนิธิ

ต่อมาท่านจ้อย พระประจำเคาน์เตอร์รับบริจาคเงิน ถูกบีบให้ออกจากการทำหน้าที่ดังกล่าว โดยมีการส่งหนังสือทางการแจ้งปลดท่านจ้อยอย่างสายฟ้าแลบ พร้อมทั้งยังปลดท่านออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วย

ต่อมาเป็นคิวของท่านสิงห์ทอง พระอุปัฏฐากย์ ผู้อยู่ใกล้ชิดกับอ.พุทธทาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เช่นเดียวกัน มีความพยายามจะปลดท่านสิงห์ทองออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถึงขนาดจะจับท่านสึก โดยตั้งข้อหาซุกซ่อนเงินบริจาคตั้งแต่สมัยพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ จนท่านสิงห์ทองต้องลี้ภัยออกจากสวนโมกข์เป็นระยะเวลาหนึ่ง


(http://www.posttoday.com/media/content/2013/08/27/913F42BB6BB9448CB369328EFAE9767A.jpg)

เมื่อพระรุ่นเก่าๆ ที่เคยมีบทบาทในยุคเจ้าอาวาสคนก่อนถูกขับออกไป สวนโมกข์ก็มีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานตรงเคาน์เตอร์รับเงินบริจาคใหม่ โดยมีการให้พระพรรษาน้อยๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน มีการติดกล้องวงจรปิด 2 ตัวตรงจุดรับเงินบริจาค  มีการเชื่อมความสัมพันธ์กับโครงสร้างคณะสงฆ์ภายนอกอย่างเจ้าคณะอำเภอ เพื่อให้ "วัดธารน้ำไหล" กลับสู่ระบบสงฆ์ของรัฐ ไม่ใช่ระบบลอยและเป็นสังฆะอิสระอย่างที่เคยเป็นมา

และล่าสุดมีการริเริ่มโครงการ "ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบเขาพุทธทอง"  โดยท่านทองสุขเป็นผู้ควบคุมจัดการเบ็ดเสร็จโดยที่เจ้าอาวาสคนปัจจุบันและพระมหาเถระรูปอื่นๆ ภายในสวนโมกข์แทบไม่รู้เห็น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการขุดถมดิน ลงฐานรากคอนกรีตขนานใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลง "โบสถ์ธรรมชาติแบบสวนโมกข์" ให้ทันสมัย ดูดียิ่งขึ้น

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ในฐานะคนนอก และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสวนโมกขพลาราม นอกเสียจากนับตนเป็นกลุ่มบุคคลผู้ปรารถนาดีต่อสวนโมกขพลาราม รู้สึกห่วงใยและกังวลต่อสภาพการณ์ดังกล่าวบนยอดเขาพุทธทอง  ด้านหนึ่งเรายังเชื่อมั่นในระบบสังฆะ และเห็นว่าเป็นเรื่องของสงฆ์เองที่ควร "คุยกัน" "ประชุมกัน" เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย  ทว่าในขณะที่ยังไม่พบทางออก ทางกลุ่มรู้สึกเป็นห่วงกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดซึ่งกำลังกระทบต่อจิตวิญญาณความเป็นสวนโมกข์อย่างยากที่จะนำกลับคืนมา

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนำไปสู่คำถามสำคัญว่า "ใครเป็นเจ้าของสวนโมกข์?"  สวนโมกข์ที่เปรียบเสมือนห้องทดลองของพุทธทาส ซึ่งได้เปิดจินตนาการของผู้ที่ได้เข้าไปสัมผัส แน่นอนว่ามันคืออดีต หาใช่ปัจจุบันและอนาคตของสวนโมกข์ ทว่าใครกันเล่าคือผู้รับผิดชอบการสืบทอด รักษา และต่อยอดผลงานดังกล่าวที่อ.พุทธทาสได้ฝากไว้...

 :49: :49: :49:

ในทัศนะของกลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ พุทธทาสไม่ได้สร้างสวนโมกข์ขึ้นเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง สวนโมกข์นั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของวัดหรือของรัฐ ที่ใครคนใดคนหนึ่งคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้หากมีอำนาจ งานแต่ละชิ้นที่พุทธทาสสร้างขึ้นมีความหมายและจิตวิญญาณในแบบของมัน และหลายอย่างคงไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีกแล้วหากถูกทำลายไป

สวนโมกข์ควรรักษาในฐานะแบบอย่างของความเรียบง่าย ยืนยันความเป็นสังฆะทางสติปัญญาที่เป็นอิสระจากอำนาจคณะสงฆ์ของรัฐ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ใดๆ เกิดขึ้นกับสวนโมกข์ โดยเฉพาะกับทิศทางการดำเนินงานที่ผิดไปจากแนวทางที่พุทธทาสได้วางไว้

เราขอเสนอว่า ควรเกิดขึ้นจากการประชุมทำความตกลงกันในหมู่สงฆ์และสื่อสารกับสาธารณชนในวงกว้างอย่างโปร่งใส มีการถกเถียง เสวนา แลกเปลี่ยนทัศนะที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ที่สำคัญพระประจำสวนโมกข์ทุกรูปควรรับรู้และรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นร่วมกัน โดยเฉพาะพระที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดท่านพุทธทาส การเปลี่ยนแปลงไม่ควรเกิดขึ้นโดยพลการจากเจ้าอาวาส หรือพระที่ถืออำนาจเพียงคนเดียวอย่างที่เป็นอยู่

 :96: :96: :96:

ดังนั้นการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และการก่อสร้างอย่างเอิกเริกบนยอดเขาพุทธทอง ณ ตอนนี้ เราเห็นว่าควรถูกยับยั้งโดยเร็วที่สุด หากพระในวัดไม่สามารถทัดทานการกระทำครั้งนี้ได้ สาธารณชนก็ควรออกมาช่วยกันแสดงความไม่เห็นด้วย ร่วมกันคัดค้านการดำเนินงานโดยพลการ และขอให้คณะสงฆ์ในสวนโมกข์คลี่คลายความขัดแย้งภายใน หันหน้าเพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนและประชุมกัน เพื่อบรรลุมติที่เห็นชอบร่วมกันของหมู่คณะ ก่อนจะมีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อทิศทางของสวนโมกขพลารามในปัจจุบันและอนาคต

ทั้งนี้ตอนท้ายของจดหมายยังมีการระบุถึงความเห็นของบุคคลในแวดวงศาสนาเอาไว้ดังนี้

"อยากให้สวนโมกข์ยุคใหม่ ไม่ทิ้งแนวคิดเดิมของสวนโมกข์ยุคท่านอาจารย์พุทธทาส ที่เน้นความสำคัญของธรรมชาติในฐานะที่เป็นสิ่งแวดล้อมช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้สงบและเปิดใจให้เห็นธรรมะ แม้ท่านอาจารย์จะจากไปแล้ว แต่ก็ยังมีธรรมชาติที่สอนธรรมอันลึกซึ้งแทนท่านได้ ขณะเดียวกันสิ่งใหม่ที่ควรเพิ่ม (หรือที่จริงเป็นของเก่าที่ควรรื้อฟื้นกลับมา)ก็คือ ความเป็นหมู่สงฆ์ ที่ร่วมคิดร่วมทำ มิใช่เพื่อเสริมสร้างสามัคคีธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างผู้นำร่วม (collective leadership) ซึ่งจำเป็นสำหรับสวนโมกข์ยุคใหม่ที่ไร้ท่านอาจารย์พุทธทาส"


(http://www.posttoday.com/media/content/2013/08/27/232FF5419E164479ABC8519EB5093390.jpg)

(http://www.posttoday.com/media/content/2013/08/27/D017EBED92064752A05F8023E82E60C6.jpg)

พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคโต
"ขอให้นึกถึงสวนโมกข์และอ.พุทธทาสนอกเหนือไปจากการคิดสั้นเพื่อสถาบันหลัก และขอให้นึกถึงความเป็นทาสของพระพุทธเจ้าเพื่อการหลุดพ้นต่อการครอบงำต่างๆ ให้สมกับชื่อของท่านและสวนแห่งนี้"

 ans1 ans1 ans1

สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม/ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป
"โปรเจค "สวนโมกขพลาราม" จริงๆ แล้วเป็นโปรเจคที่เป็นคนละส่วนกับความเป็นวัดธารน้ำไหล  สวนโมกข์คือจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าหาญในการทวนกระแสคณะสงฆ์ของรัฐสู่ความเรียบง่ายตามธรรมชาติ ความเป็นตัวของตัวเองของสวนโมกข์คือสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจคนหนุ่มสาวมากมายที่ปรารถนาจะค้นหาคุณค่าพุทธธรรมซึ่งไปพ้นกรอบ 

สวนโมกขพลารามสัมพันธ์กันอยู่อย่างแนบแน่นกับธรรมทานมูลนิธิ เสมือนสายสัมพันธ์อันไว้วางใจกันระหว่างพุทธทาส-ธรรมทาส-และกัลยาณมิตรของสวนโมกข์  เห็นสภาพความเปลี่ยนแปลงของสวนโมกข์โดยเฉพาะตรงเคาน์เตอร์วัดและบนยอดเขาพุทธทองในตอนนี้แล้วรู้สึกสะท้อนใจ  คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากรากฐานสำคัญที่ท่านพุทธทาสฝากไว้ถูกมองข้ามไปในคณะผู้บริหารของสวนโมกข์ยุคนี้"

 ans1 ans1 ans1

วิจักขณ์ พานิช นักวิชาการอิสระด้านปรัชญาศาสนา
กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์ระบุด้วยว่า ผู้ที่อ่านจดหมายสามารถร่วมลงชื่อแสดงความเห็นต่อท้ายจดหมาย กลุ่มเพื่อนสวนโมกข์จะทำการรวบรวมความปรารถนาดีทั้งหมดแนบไปกับจดหมายฉบับนี้เพื่อส่งให้กับเจ้าอาวาสของสวนโมกขพลารามต่อไป


ลิงค์จดหมายต้นฉบับ
https://www.facebook.com/notes/tilopa-house/จากเพื่อนสวนโมกข์ถึงเพื่อนสวนโมกข์/10151616411521173  (https://www.facebook.com/notes/tilopa-house/จากเพื่อนสวนโมกข์ถึงเพื่อนสวนโมกข์/10151616411521173)
ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.posttoday.com/สังคม/สังคมทั่วไป/243057/สวนโมกข์ระอุ-สงฆ์แตก-สั่งสร้างสิ่งทันสมัย  (http://www.posttoday.com/สังคม/สังคมทั่วไป/243057/สวนโมกข์ระอุ-สงฆ์แตก-สั่งสร้างสิ่งทันสมัย)