หัวข้อ: เปิดศาสตร์ดูพระแท้! นักซ่อมพระมืออาชีพ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 06, 2013, 09:23:08 am (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/09/02/367226/hr1667/630.jpg) เปิดศาสตร์ดูพระแท้! นักซ่อมพระมืออาชีพ ศาสตร์และศิลป์การดูพระแท้ไม่แท้ เซียนดูกันอย่างไร อาจารย์สนิท คดชาคร นักซ่อมพระมือระดับต้นๆ ของประเทศบอกว่า “ผมได้มาจากอาจารย์ประชุม กาญจนวัฒน์ ท่านเสมือนอาจารย์ของผม ตำราของท่านสุดยอด นั่นคือหนังสือชื่อ ภาพพระเครื่อง โดย ประชุม กาญจนวัฒน์” หนังสือเล่มนี้ อาจารย์สนิทยืนยันว่า รวมภาพพระเครื่องแท้ไว้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดเบญจภาคี และพระดังๆ ทั้งหลาย ความพิเศษนอกจากรวมพระแท้ๆ ไว้เป็นแบบอย่างแล้ว ทุกภาพยังตีพิมพ์ออกมาเท่าองค์จริง พระเครื่องแต่ละองค์ คนดูด้วยตาอาจผ่านตำหนิ เนื้อ รูปทรงได้หมด แต่เมื่อมาเทียบขนาดในหนังสือแล้วไม่เท่ากัน คะแนนให้ “แท้” ไป 10 นั้น อาจเหลือแค่ “0” เพราะตระหนักกันดีว่า มาตรฐานประชุม กาญจนวัฒน์ คือมาตรฐานบรมครู ans1 ans1 ans1 นอกจากหนังสือของบรมครูแล้ว สนิทบอกว่า “จะไม่ให้ผมรู้ได้อย่างไรว่า องค์ไหนแท้ องค์ไหนไม่แท้ เพราะผมเห็นของจริงมาทั้งหมดแล้ว ทั้งเนื้อพระ รูปทรงพระ พิมพ์พระ และยังได้เห็นเนื้อในขององค์พระที่แตกหักอีกด้วย” กล่าวอย่างรวบรัดว่า ศาสตร์และศิลป์ดูพระของอาจารย์สนิทได้มาจากอาจารย์ประชุม และประสบการณ์ที่เห็นของจริงมาก่อน ทำให้แม่นยำเรื่อง พิมพ์พระ เนื้อพระ และตำหนิต่างๆ ของพระแต่ละชนิด แถมยังได้เห็นเนื้อในของพระแท้ จากคนเอามาซ่อมอีกด้วย (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/09/02/367226/o6/420.jpg) ประชุม ส่วนหลักการซ่อมพระเครื่อง อาจารย์บอกว่าเป็นเพียงการพรางตา “เป็นหลักง่ายๆ ใครทำพรางตาได้ดีเท่าไร ก็เก่งได้เท่านั้น แต่ต้องไม่ลืมนะว่า พระหักย่อมเป็นพระหักวันยันค่ำ ไม่เป็นพระสมบูรณ์ไปได้” การรับซ่อม “ผมรับทั่วไป แต่ก็ดูคนด้วย เพราะเราซ่อมที่บ้าน มักรับคนที่คุ้นเคยกันมากกว่า คนใหม่ๆ เราก็ไม่ค่อยกล้า เพราะว่ากลัวเหมือนกัน อยู่ๆขืนผมรับเข้ามาในบ้าน ผมอายุ 70 กว่าแล้ว นั่นยังพอว่า สำคัญที่พระที่นำมาซ่อมไม่ค่อยมีแท้ ถ้าผมเห็นผมบอกว่าไม่แท้นะ ถ้าซ่อมมันก็จะไม่คุ้ม และความลับอีกอย่างคือ พระเก๊ซ่อมยากกว่าพระแท้เสียอีก” เวลาซ่อม “ถ้ามุ่งอยู่องค์เดียววันสองวันก็เสร็จแล้ว สมัยก่อนพระมากันมากก็ต้องรอคิวกันหน่อย” อดสงสัยไม่ได้ว่า พระแตก หัก บางส่วนเนื้อหายไป แล้วจะเอาเนื้อที่ไหนมาปะ อาจารย์บอกว่า “ถ้าเป็นพระสมเด็จหายาก สมัยก่อนหาได้ง่ายมาก แต่เดี๋ยวนี้เราก็สามารถทำให้ได้เหมือนกับองค์จริง ผมสะสมของหักๆไว้เยอะ เนื้อดินผมเก็บไว้หลายสี ไล่เฉดสีเลย แม้แต่เนื้อเก๊เก่าๆ ของจริงผมก็มี” :49: :49: :49: เมื่อถามถึงลูกศิษย์ “ลูกศิษย์ผมไม่มี มีแต่คนเอาไปแอบอ้างผมรู้ว่า มีอยู่คนหนึ่งไป แอบอ้างว่าเป็นศิษย์เอกผม ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะใครทำใครก็ได้ วันหลังขยับมาเป็นหลาน ปล่อยข่าวว่าผมตายแล้ว มีคนโทร.มาถามที่บ้านผมมากมาย ผมเลยด่าไปว่า ฝีมือซังกะบ๊วยอย่างนี้รึ จะมาเป็นลูกศิษย์ มาเล่นอย่างนี้กับเรา ช่วงนั้นมีคนโทร.มาสุดเหนือสุดใต้เลย” ค่าซ่อมพระปกติองค์ละ 3,000 บาท แต่ “บางคนให้มากเอง อย่างคนที่ชอบกันเอาพระสมเด็จสมัยนั้นเขาเช่ากัน 6,000,000 บาท แค่เป็นรูที่หัวเข่า คล้ายๆ สาวสวยแต่เป็นสิวอยู่เม็ดหนึ่ง เอามาให้ผมอุดทิ้งไว้เป็นอาทิตย์เลย เราไม่ได้สบายใจเลย กลัวพระหาย แต่เขาเชื่อใจผมมาก วันมารับจ่ายเงินให้ค่าซ่อม 8,000 บาท ผมบอกว่าให้มากไปแล้ว แต่เขาบอกผมว่า เอาไว้เถอะอาจารย์ พระองค์นี้ซ่อมแล้วราคาเปลี่ยนเป็น 100,000 บาท” :25: :25: :25: แต่เดี๋ยวนี้ความยุ่งยากใจของอาจารย์ไม่ใช่เรียกราคาซ่อมพระ แต่เป็น “เขาไปเอาพระใครมาเราก็ไม่รู้ จะไปบอกว่าพระไม่แท้เดี๋ยวก็โดน เพราะชื่อผมขายได้ ในงานประกวด เมื่อก่อนผมเป็นกรรมการประกวดพระเบญจภาคี เดี๋ยวนี้ผมไม่รับแล้ว เดี๋ยวไปเจอพระคนใหญ่คนโตเข้า ไปบอกเก๊ไม่ได้ ไม่เอาดีกว่า วงการประกวดไม่เข้าดีกว่า เพราะพระแท้ไม่ค่อยมี และยังต้องขึ้นอยู่กับพระใครอีก” ยุคหลังพระสมเด็จวัดระฆัง เชื่อว่ายังเหลืออยู่หรือไม่ “สมเด็จโตท่านสร้างไว้ 84,000 องค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ ตอนหลังพระเหลือน้อย ผ่านมา 200 ปีแล้วจะเหลือสักเท่าไร ใครๆก็อยากได้ จึงมีของปลอมออกมาแยะ แล้วเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันสูง คอมพิวเตอร์ทำได้เหมือนมาก” st11 st11 st11 แต่ “เหมือนแค่ไหนก็ผ่านตาเราไม่ได้ การดูพระถ้าเราไม่มีอคติ ก็จะไม่พลาด ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ผมเห็นทั้งเนื้อนอกเนื้อในตั้งแต่ พ.ศ.2516 แล้ว ถ้าพระสมเด็จนี่ บอกไม่ถูกว่าผ่านมากี่องค์ แต่เมื่อราคาแพงคนก็ต้องการ มีการหลอกหลวงกันสารพัด” เคยโดนกับตัวเองเหมือนกัน “จากประสบการณ์ของผม ทั้งถูกหลอกอะไรสารพัด เขาจะเอาให้ได้ องค์นั้นผมได้มานานแล้ว ถ้ายังอยู่เดี๋ยวนี้ต้อง 20 ล้าน ตอนอยู่กับผม ผมมีปัญหามากมาย ความที่เขาอยากได้ เขาไม่ไว้หน้าเรา เขาพยายามหลอกทุกอย่าง ไม่ต้องเอ่ยชื่อนะ เขาเซียนใหญ่ๆ แต่เผอิญผมแข็ง” gd1 gd1 gd1 คนในวงการพระเครื่องในสายตาอาจารย์ “โอย...ขนาดรู้จักกันเขายังเล่นเราขนาดนี้ สกปรก เราก็เลยถอยดีกว่าแนวทางนี้ แต่ว่าสมัยผมมีพระนั้นผมแข็ง อย่างไรเขาก็เอาไปจนได้ สมัยนั้น ผมตีไป 3,000,000 แต่เขาต่อไปต่อมาเหลือ 2,380,000 บาท ผมบอกว่า หลวงพ่อครับ ผมเห็นจะต้องออกหลวงพ่อแล้ว เขาหลอกกันจังเลยน่ะ” นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อประมาณ 20 ปีแล้ว “หลังพระออกจากบ้านไป ผมตามสายพระผมไป ปรากฏว่าเข้าท่าพระจันทร์ เขาขายกัน 6 ล้าน ซื้อไปไม่ถึงสามล้าน เอาไปขาย 6 ล้าน ได้กำไรไปเท่าตัวเลย นี่สมัยเมื่อ 20 ปีแล้วยังเป็นแบบนี้” (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/09/02/367226/o7/420.jpg) สนิท อาจารย์บอกว่า “พวกนี้มีใบสั่ง พอเขารู้ว่าผมมีของแท้ เขาก็มุ่งมาเอา แต่เขาหลอกเราไม่สำเร็จ พอผมบอกราคา เขาบอกว่าแหม ผมนึกว่าจะสองสามแสน เขาก็พูดไปอย่างนั้น” วิธีการหลอกเอาพระ “ทั่วๆ ไป อย่างพระสมเด็จวัดระฆัง เขาก็บอกว่า พระไม่แท้หรอก สารพัดอ้างว่าไม่แท้ ถ้าคนที่ไม่รู้จริง ไม่รู้จักชั้นเชิง เมื่อซื้อได้เขาก็จะบอกว่ากูฟลุกโว้ย คือหาความจริงใจไม่ได้ แม้แต่คนชอบๆกัน อย่างสมเด็จองค์ที่ผมออกไปนั้น ผมเช่ามาไม่เท่าไหร่หรอก ผมว่าพระเป็นเรื่องของวาสนา” :49: :49: :49: คติของเซียนคือ ซื้อถูกขายแพง ถ้ามีใบสั่งมาเขาเรียกนั้งกัน คือรู้กัน จากนั้นงัดเอากลยุทธ์สารพันมา “หลอก” เอาพระจากคนที่มีอยู่ ส่วนคณะกรรมการประกวดพระ สมัยก่อนกับสมัยนี้ “แตกต่างกันมาก สมัยก่อนมีศีลธรรม คุณธรรม แต่สมัยนี้เป็นพุทธพาณิชย์เสียแล้ว” เป้าหมายของการสร้างพระ เพื่อไว้เตือนใจให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แต่เมื่อจุดหมายเปลี่ยนแปลง คนนับถือก็พลอยเปลี่ยนไป. ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/367226 (http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/367226) |