หัวข้อ: เป็นโสด..มันผิดตรงไหน.?! เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 10, 2013, 12:24:55 pm (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/09/10/babaib67faaak9e6gb5e6.jpg) เป็นโสด..มันผิดตรงไหน.? คอลัมน์ ขบคิดขีดเขียน โดย.หญิงยศ อุ๊ต่ะ อุ๊ต่ะ อุ๊ต่ะ!!! นี่หญิงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมคะ? มีคนแนะนำให้ขึ้นภาษีคนโสดเหรอคะ!!! ก่อนจะตีโพยตีพายหญิงยศขอเวลาไปอ่านข่าวที่มาเสียก่อนนะคะ ประเดี๋ยวจะมาหาว่าหญิงยศฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด ไปอ่านข่าวมาแล้วก็โล่งใจ เพราะมันไม่ใช่ตัวบทกฎหมายอะไรจริงจัง เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นและคำแนะนำจากนักวิชาการท่านหนึ่งก็เท่านั้น ยังไม่ได้มีใครไปเห็นดีเห็นงามตามอย่างท่าน เอาเข้าจริงๆ มีแต่คนไม่เห็นดีเห็นงามตามท่านเสียส่วนใหญ่ มีแต่เสียงสวดด่าว่าเอาอะไรมาคิด คนโสดเขาไม่ได้ผิด ไม่มีคนมาใกล้ชิดแล้วยังคิดจะเอาตังค์เขาไปอีกทำไม :welcome: :welcome: :welcome: เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะคะ คือว่าด้วยสังคมของคนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมแต่งงานเร็ว มุ่งแต่จะสร้างเนื้อสร้างตัว ยืนให้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง กว่าจะมีเวลามาคิดตัดสินใจลงหลักปักฐานกับใครสักคนนั้น บางทีมันก็เลยช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของรังไข่และมดลูกไปแล้ว ตรวจไปไม่ค่อยเจอเด็กแล้วค่ะ เจอแต่ช็อกโกแลตซีสต์กับเนื้องอก หลายคนมองดูเงินในบัญชีแล้วคิดว่าอย่ามีเลยลูก แค่จะยาไส้ให้พอกันสองคนผัวเมียก็ลำบากแล้ว หรือส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจมีลูกก็มีแค่เพียงคนเดียวแล้วปิดอู่ปึ้ง! ไม่ไปต่อแล้วค่ะ ทำให้อัตราการเพิ่มของประชากรมันถดถอยเข้าสู่สโลว์โหมดอย่างช่วยไม่ได้ แถมมาด้วยพัฒนาการทางการแพทย์ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู ก็เลยทำให้คนสมัยนี้อายุยืนขึ้น อัตราการเกิดต่ำ ทำให้ประเทศตอนนี้เริ่มเข้าสู่สังคมที่เรียกว่า “สังคมผู้สูงอายุ” นักวิชาการทั้งหลายท่านก็เลยตื่นตระหนกว่า ไม่ได้การละ ปล่อยเป็นอย่างนี้ต่อไป ประเทศไทยจะมีแต่คนวัยเกษียณ แต่ไม่มีคนวันทำงานมาทำงานพัฒนาประเทศชาติต่อไป ต้องรณรงค์ให้ครอบครัวหนึ่งมีลูกสักสองสามคน แล้วจะทำยังไง จะทำยังไง?? (http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/231718.jpg) เอ่อ... ท่านคะ อยากให้ใจเย็นสักนิดหนึ่งค่ะท่าน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่กำลังเข้าสู่สภาวะนั้นนะคะ อีกหลายประเทศก็กำลังเข้าสู่สภาวะนี้เช่นกัน เพราะมันเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตของคนเจเนเรชั่นใหม่ทั่วโลก ไม่ผิดค่ะที่ท่านจะตกอกตกใจไป แต่ที่ผิดคือวิธีการคิดของท่านน่ะค่ะ มองกลับมาที่สถานการณ์ของประเทศสักนิดนะคะ ไม่ต้องมองไกล มองแค่อาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่แหละค่ะ เอาระดับคุณภาพการศึกษาของแต่ละประเทศมาเทียบกัน ประเทศไทยเรารั้งท้ายอยู่ที่อันดับแปด แถมยังเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงอีก การที่จะมีลูกออกมาสักคนมันไม่ใช่สักแต่ว่ามีมันออกมานะคะ มันต้องมีปัจจัยเกื้อหนุนหลายอย่าง หนี้สินของพ่อแม่ ความพร้อมของร่างกาย เงินเก็บในครอบครัว :29: :29: :29: อ่อ... หญิงยศข้ามไปหนึ่งขั้นตอน การหาคู่ครองอีก มันก็ไม่ได้จะหากันง่ายๆ นะคะสมัยนี้ คนเขาเลือกที่จะเป็นโสดหรือเลือกที่จะมีลูกเพียงแค่คนเดียว ก็เพราะเขาคิดว่าเขาจะได้รับผิดชอบชีวิตของเขาเองได้ ไม่ต้องไปเป็นภาระให้ใคร บางทีการไม่มีลูกหรือการมีลูกเพียงแค่หนึ่งคนมันเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายที่มันฝืนไม่ได้ คนแต่ละคนมีข้อจำกัดต่างกัน มีสมรรถภาพแตกต่างกัน หากอยากเพิ่มจำนวนประชากรกันจริงๆ หญิงยศเชื่อในการเลือกให้รางวัลแก่ผู้ที่มีความพร้อมและสมัครใจมากกว่าจะมาซ้ำเติมเอากับคนที่เขาอาจไม่ได้เลือกที่จะไม่มีลูก แต่อาจจะมีข้อจำกัดทางสุขภาพ ทางเศรษฐกิจหรือปัจจัยอะไรอีกมากมายต่างๆ การไปบังคับกลายๆ แบบนี้ หลายคนที่อาจจะหัวอ่อนและมีลูกเพิ่มขึ้นมาในเวลาที่ไม่พร้อม เด็กเหล่านั้นอาจกลายเป็นปัญหาสังคมที่ต้องตามแก้ไขมากกว่าจะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติก็ได้ เอาเท่าที่มีอยู่แล้วก็ได้ค่ะ :96: :96: :96: บรรดาเด็กแว้นที่เป็นประเด็นข่าวอยู่นี่ ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม การศึกษาที่ไม่พร้อมรองรับ และโอกาสในสังคมที่ไม่เปิดกว้าง เด็กเหล่านี้คือผลพลอยได้ของความไม่พร้อมของทั้งครอบครัวและสังคม ทั้งๆ ที่พวกเขาน่าจะมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติได้ เอาเท่าที่มีอยู่นี่ก่อนไหมคะท่าน ทำให้เราเห็นว่าประเทศและสังคมมีที่พร้อมรองรับทุกคน ก่อนจะเพิ่มจำนวนให้มากไปกว่านี้ อย่าทำให้เรากลายเป็นสังคมที่เน้นแต่ปริมาณแล้วมองข้ามคุณภาพไปเลยค่ะ ได้แต่แอบภาวนา อย่าให้ใครบ้าจี้เห็นดีตามท่านไปเล้ยยยย... สาธุ ขอบคุณภาพและบทความจาก www.komchadluek.net/detail/20130910/167826/ขบคิดขีดเขียน:เป็นโสดมันผิดตรงไหน.html#.Ui6qnH_KXHt (http://www.komchadluek.net/detail/20130910/167826/ขบคิดขีดเขียน:เป็นโสดมันผิดตรงไหน.html#.Ui6qnH_KXHt) หัวข้อ: Re: เป็นโสด..มันผิดตรงไหน.?! เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 10, 2013, 12:33:28 pm (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/09/08/368560/hr1667/630.jpg) ม.รังสิต แอ่นอก ภาษีคนโสดไม่เกี่ยวรัฐบาล รองอธิการบดี ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แจงกรณีนักวิชาการแนะรัฐเก็บภาษีคนโสด ยันเป็นแนวคิดนักวิชาการ ไม่ใช่ข้อเสนอแนะของคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต และไม่เกี่ยวกับรัฐบาล... ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ส่งหนังสือชี้แจงสื่อมวลชน กรณีนักวิชาการ ม.รังสิต เสนอรัฐเก็บภาษีคนโสด เนื่องจากมีความเข้าใจสับสนเรื่องดังกล่าว และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลมีเดีย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง จึงทำเอกสารชี้แจงในนามของคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต ขึ้น เรื่อง ความสับสนในเรื่องภาษีคนโสดกับข้อเสนอเพื่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและการปฏิรูปเศรษฐกิจช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจัดงานสัมมนาเผยแพร่ การประเมินการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2556 ใหม่ ที่ ม.รังสิตจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้จัดให้มีการสัมมนาทางวิชาการร่วมกับนักวิชาการจากหลายสถาบัน เรื่องการปรับโครงสร้างและปฏิรูปเศรษฐกิจช่วงเปลี่ยนผ่าน ans1 ans1 ans1 โดย ม.รังสิต ได้นำเสนอแนวคิดเพื่อการปฏิรูปเศรษฐกิจ 8 แนวทาง ซึ่ง 1 ในแนวทางปฏิรูปที่นำเสนอคือ การปรับโครงสร้างประชากร โดยเพิ่มอัตราการเกิดของประชากร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากในอนาคต ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขาดแรงงานในภาคการผลิต ซึ่งได้มอบหมายให้ ดร. เทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ศึกษาในเบื้องต้นว่า จะทำอย่างไรที่จะมีนโยบายหรือมาตรการรองรับในช่วงสองทศวรรษข้างหน้า ต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคม http://www.youtube.com/watch?v=JF0XorHVBKA#ws (http://www.youtube.com/watch?v=JF0XorHVBKA#ws) เผยแพร่เมื่อ 10 มิ.ย. 2012 โดย tanfanclubiiiii ทั้งนี้ ข้อเสนอเก็บภาษีคนโสด เป็น 1 ในข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของ ดร.เทอดศักดิ์ แต่เป็นแนวคิดเบื้องต้นเท่่านั้นและยังไม่ได้ศึกษาวิจัยอย่างละเอียด โดยเป็นการนำเสนอเชิงตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการถกเถียงในแวดวงวิชาการ และวงสัมมนา อีกทั้งยังเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นที่ยังไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยแต่อย่างใด ภาษีคนโสดจึงไม่ใช่ข้อเสนอของคณะเศรษฐศาสตร์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงข้อเสนอของนักวิชาการ ที่มุ่งนำเสนอเพื่อให้มีการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่น่าเสีียดายที่สังคมไทยมีความแตกแยกสูงมาก และนำประเด็นดังกล่าวไปบิดเบือน โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงในการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนักวิชาการที่นำเสนอในเรื่องดังกล่าวผ่านโซเชียลมีเดียด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งเป็นการทำลายขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่บริการวิชาการเพื่อประโยชน์สาธารณะ :96: :96: :96: ดร.อนุสรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการเก็บภาษีคนโสด เพราะการเก็บภาษีต้องยึดหลักความเป็นธรรมและเสมอภาค ไม่ควรนำเอาสถานภาพโสดหรือแต่งงานมาเป็นเกณฑ์กำหนด นอกจากนี้ ภาษีคนโสดยังมีความยุ่งยากในทางปฏิบัติ และไม่มีหลักประกันว่าอัตราเพิ่มของประชากรจะสูงขึ้น อีกทั้งการตัดสินใจแต่งงานยังเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และความหลากหลายทางเพศ รัฐบาลจึงไม่ควรมีนโยบายหรือมาตรการบริหารจัดการ หรือแทรกแซงชีวิตส่วนตัวของประชาชน แต่ในทางวิชาการควรศึกษาไว้เพื่อเป็นข้อมูล และเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจทางนโยบาย เนื่องจากโครงสร้างประชากรไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทยในอนาคต. ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/eco/368560 (http://www.thairath.co.th/content/eco/368560) |