หัวข้อ: นิพพานปราศจากทุกสิ่ง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 20, 2013, 11:16:29 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/11_19_01_13_6_10_49.jpeg) นิพพานปราศจากทุกสิ่ง ในภาวะที่จิตดำเนินไปเพื่อเข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพานนั้น ใครมีกุศลกรรมมากก็ได้รับผลไปในทางความสุข ใครทำอกุศลกรรมมากก็จะได้รับผลไปในทางความทุกข์ กรรมทั้ง 2 อย่างนี้จะส่งผลต่างกัน เป็นเหตุในการเกิดเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรม อกุศลกรรม ก็จะเป็นเหตุปัจจัยที่จะส่งผลให้กับการเกิดเหมือนกัน แต่การเกิดจะต่างกันไปตามกรรมที่ทำเอาไว้ แต่ในนิพพานนั้นจะไม่มีกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม ในนิพพานกรรมดีก็ไม่มี กรรมชั่วก็ไม่มี อยู่เป็นภาวะเหนือกรรมทั้งหมด ดังนั้นการที่จะเข้าถึงนิพพานก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสะสมบุญใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนิพพานไม่มีการกลับมาเกิดแล้ว ไม่ต้องใช้กรรมใดๆ ทั้งสิ้น คนที่แน่ใจแล้วว่าจะกลับมาเกิด ไม่สามารถเข้าถึงนิพพานได้ในชาตินี้ จึงเร่งสะสมแต่กุศลกรรม เพราะจะได้มาเกิดในที่ดีๆ ด้วยปัจจัยมาจากกรรมดีที่ทำไว้นั้น เรียกว่าการสะสมเสบียงบุญ แต่ถ้าเข้าถึงพระนิพพานเสบียงบุญนี้จะถือเป็นโมฆะ ไม่ว่าสะสมมาเท่าไรก็ต้องตัดทิ้ง สละซึ่งเสบียงนั้นออกให้หมด ans1 ans1 ans1 การปฏิบัติสมาธิก็เป็นไปเพื่อพระนิพพาน แม้ว่ามันก็สามารถแก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ระดับหนึ่ง ผู้ปฏิบัติควรมองไปไกลๆ การปฏิบัติสมาธิเพื่อแก้ทุกข์ไม่ให้ทุกข์ มันก็ได้ระดับหนึ่ง แต่พอปฏิบัติสมาธิไปมันไปรู้ธรรมะ มันก็จะได้เยอะกว่านั้น พอปัญญามันเบ่งบานไปไกลความทุกข์ใดๆ มันก็แก้ทุกข์นั้นได้หมด บางครั้งเวลาที่เราได้ธรรมะ ไม่ใช่เทวดาเพียงอย่างเดียวที่มาช่วยเรา มารก็เข้ามาช่วย เอาเงินเอาทองมาช่วยเพื่อมาล่อให้เกิดความลุ่มหลง ไม่ได้ให้ความทุกข์เรา แต่ให้ความสุขเราเยอะๆ เราจะได้เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจว่าให้เรามายึดมั่นในโลกนี้ดีกว่า มันเป็นความสุข เป็นมารชั้นสูง ถ้าอวิชชาครอบงำจิต จิตยังไม่ปล่อยวาง หลงยึดมั่นถือมั่นไว้กรรมอันนั้นก็เป็นเหตุในการเกิดใหม่ สมาธิทุกสายถ้าปฏิบัติถูกต้องตรงกันหมด มันก็ไปถึงจุดเดียวกันทั้งนั้น ส่วนประกอบอื่นๆ ที่เอามาขยายความกันมากมายมันมีสาระน้อย เพราะพระนิพพานเนื้อแท้อยู่ที่ตรงนี้เอง ส่วนประกอบขยายไม่จำเป็นต้องรู้มาก (http://www.madchima.net/forum/gallery/11_19_01_13_6_12_49.jpeg) พระนิพพาน คือ การสู้กับความคิดให้พ้นอำนาจอวิชชา ส่วนประกอบอื่นเป็นเพียงแค่โวหารไปพูดกัน ไปขยายความกันว่าใครรู้มากกว่ากัน สาธยายได้ล้ำลึกกว่ากัน แต่นิพพานเป็นธรรมชาติที่จิตดวงนี้มันเท่าทันความหลงในอวิชชาในใจเท่านั้นเอง เมื่อก้อนธาตุที่รวมกันเป็นตัวเป็นตนถึงเวลาแตกสลายแล้ว ก้อนธาตุต่างๆ ที่รวมกันเป็นร่างก็ไม่มีความหมาย ต้องสละทิ้งไป เหลือเพียงดวงจิตที่จะเข้าสู่นิพพานเท่านั้น จิตดวงนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จิตดวงนี้ไม่มีสัมภาระ จิตดวงนี้ไม่มีก้อนธาตุใดมาเป็นกายสังขารอีก กลายเป็นจิตเดิมแท้ที่ไม่มีเจ้าของแม้กระทั่งตัวจิตเอง พระนิพพานอยู่ตรงนี้ อยู่ที่ตรงไม่มีเจ้าของ ถ้าจิตยังมีเจ้าของอยู่ วิญญาณยังมีเจ้าของอยู่ จิตของเรา วิญญาณของเรา มันก็ยังมีเจ้าของอยู่ จิตนั้นก็เลยต้องกลับไปเกิดใหม่ เพราะมันยังมีเจ้าของ :25: :25: :25: ต่อเมื่อจิตมันปล่อยวางความเป็นเจ้าของ มันเป็นจิตเฉยๆ เป็นธาตุรู้เฉยๆ มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นของกลางๆ กรรมที่เป็นของของเรามันก็หมดไปด้วย จิตไม่มีเจ้าของกรรมนั้นก็ไม่มีเจ้าของ เมื่อจิตนั้นไม่มีอวิชชาหลงเหลือ จิตก็จะไม่กลับมาเกิดอีก ปฏิบัติไปก็เสร็จสิ้นลงที่ตรงนี้เอง ส่วนอาการของจิต เมื่อศึกษาไปจะพากันหลงทางเข้าไปใหญ่ มันแยกย่อยออกไปมากมาย ถามว่าผิดไหม มันไม่ผิดหรอก เพียงแต่รู้ละเอียดไปขนาดนั้นไปทำไม ว่าต้นไม้ต้นนี้มีใบแก่กี่ใบ มีใบอ่อนกี่ใบ มีรากแก้วกี่เส้น มีรากฝอยกี่เส้น มันไม่ผิดที่จะรู้ขนาดนั้น แต่มันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องรู้ขนาดนั้น. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/150913/79299 (http://www.thaipost.net/tabloid/150913/79299) ภาพจาก http://www.madchima.net/ (http://www.madchima.net/) หัวข้อ: Re: นิพพานปราศจากทุกสิ่ง เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กันยายน 20, 2013, 07:57:50 pm ขออนุโมทนาสาธุ st12 st11
|