สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 23, 2013, 10:39:34 am



หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : ปิดตานอก เปิดตาใน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 23, 2013, 10:39:34 am
(http://www.madchima.org/forum/gallery/1_21_11_09_7_43_27.jpeg)

สมาธิชาวบ้าน  : ปิดตานอก เปิดตาใน

เวลาเราศึกษาธรรมไป เวลามันรู้มากไปมันเยิ่นเย้อมากไปมันจะพาหลง จิตมีสภาพอย่างนั้นอย่างนี้ ความเข้าใจในธรรมมันจะยาก เพียงแค่อบรมจิตให้อยู่ในภาวะที่สงบก็เพียงพอแล้ว ได้สมาธิแล้ว สมาธิที่ลึกลงไปก็เป็นระดับฌานสมาธิ ร่างกายตัวตนหาไม่เจอ ลมหายใจหายไป ก็เห็นจิต

อาการหลับตาเป็นการกำหนดจิตให้อยู่ในที่จำกัด การไม่ใช้ตาในการตัดสินหรือรับรู้สิ่งต่างๆ มันทำให้ตาข้างใน หรือที่เรียกว่าตาที่สาม มันทำงาน เมื่อเราใช้ตาเนื้อไม่ได้มันทำให้จิตเราไม่วอกแวก การที่จะให้เราเข้าใจสิ่งใด เราก็ต้องใช้ตาที่ไม่ใช่ตาปกติ การหลับตาจึงทำให้เกิดทิพจักษุญาณได้ง่าย การที่เราลืมตา ตาถูกนำมาใช้ตัดสินเรื่องราวที่เป็นรูปธรรมตามที่ตาเห็น แต่เราไม่ใช้ตาในการพิจารณา ตาในหรือตาที่สามก็จะทำงาน

 ans1 ans1 ans1

จิตตัวเองก็ปรากฏขึ้นเป็นระดับสมาธิขั้นละเอียด หลังจากนั้นจิตมันก็จะเห็นจิตตัวเอง จิตจะเห็นตัวเองจากเงาสะท้อนของมัน เหมือนเราเห็นตัวเองก็ต้องเห็นจากกระจก พอเห็นตัวเองได้ เราก็จะรู้ว่าหน้าตาตัวเองเป็นอย่างไร จิตก็เหมือนกัน คือจะเห็นตัวเองจากการสะท้อนของมัน คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต ปรากฏการณ์ความคิดที่เราเห็นมันจะช้าลงช้าลง เมื่อเห็นจนถึงที่สุด มันก็จะหยุดอยู่กับที่ ก็เท่ากับเราเท่าทันปรากฏการณ์ของจิต เป็นการเข้าถึงพระนิพพานอีกทางหนึ่งเหมือนกัน

ที่สำคัญ คือ ทำให้ใจสงบง่ายๆ อย่างไปซับซ้อน สมาธิเป็นเรื่องของการวางใจให้มันถูกที่ถูกทางให้มีความสงบ เมื่อสงบถึงที่สุดความคิดไม่ฟุ้งซ่านกับความคิดที่หลากหลาย อาศัยอุบายกรรมฐานไปจัดการมันให้อยู่ในความสงบ เป็นอิสระจากความคิด มันจะได้เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง เห็นโครงสร้างของความคิดทั้งหมดทั้งสิ้นว่าเกิดเพราะอะไร มีอะไรเป็นจุดกำเนิด อะไรเป็นตัวดับความคิด



(http://www.madchima.org/forum/gallery/1_21_11_09_7_49_43.jpeg)


สมาธิไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เราฝึกสมาธิก็จะเห็นว่าสมาธิเป็นธรรมชาติของจิต จิตโดยธรรมชาติแล้ว เมื่อพรากออกจากความคิดจะเป็นสมาธิทั้งนั้น สมาธิคือจิตหรือธาตุรู้ เมื่อมันออกจากความคิด เป็นอิสระจากความคิด ความคิดมันครอบงำดวงจิตดวงนี้ไว้ ทำให้จิตถูกบังคับให้อยู่ใต้สมมติบัญญัติ

เมื่อจิตได้สมาธิ จิตก็จะเข้าสู่จิตเดิมแท้ จิตจะเป็นอิสระ มีความรู้อย่างใหม่เกิดขึ้น เป็นการรู้แจ้ง อำนาจมายาความคิดมันอยู่ภายใต้การปรุงแต่ง ต่อเมื่อจิตมันเป็นอิสระจากความคิดเมื่อไหร่ จิตจะหลุดพ้นจากมายาความคิด สิ่งนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่าการรู้แจ้งเห็นจริง

 st12 st12 st12

การรู้แจ้งเห็นจริงนี้เป็นความรู้ที่มีอิสระ จิตดวงนี้เมื่อไม่ตกอยู่ภายในอำนาจความคิด เป็นอิสระ เป็นธรรมชาติ มันก็เห็นตามความเป็นจริงของมัน เมื่อจิตมันเห็นตามความเป็นจริง สภาวธรรมตามความเป็นจริงก็จะเกิดเป็นความรู้ขึ้นมา ความรู้นั้นเป็นความรู้ที่เป็นความรู้แจ้งเห็นจริง ไม่ถูกครอบงำ

สมาธิเราปฏิบัติไปก็เพื่อความรู้แจ้ง เบื้องต้นก็เป็นความรู้แจ้งเห็นจริงอย่าหยาบๆ รู้เรื่องสมมติอย่างหยาบๆ ต่างๆ จิตมันก็เกิดความเท่าทัน รู้ความจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น อะไรที่เคยเป็นทุกข์ อะไรที่มันรู้แจ้งเห็นจริง มันก็สามารถปล่อยวางทุกข์นั้น ในตอนแรกมันมีอวิชชาครอบงำอยู่ มันก็รู้ผิด พอรู้ผิดมันก็เกิดเป็นความไม่พอใจ ความเศร้าหมองต่างๆ เกิดเพราะความรู้ผิด ความเข้าใจผิด ถูกอวิชชาครอบงำ จิตก็เกิดความทุกข์ ทุกข์เพราะเข้าใจผิด.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/220913/79622 (http://www.thaipost.net/tabloid/220913/79622)
ภาพจาก http://www.madchima.org/ (http://www.madchima.org/)


หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : ปิดตานอก เปิดตาใน
เริ่มหัวข้อโดย: Roj khonkaen ที่ กันยายน 24, 2013, 11:56:00 am
 st12   :25:  :93:  :93: