สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 25, 2013, 11:08:35 am



หัวข้อ: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 25, 2013, 11:08:35 am

(http://1.bp.blogspot.com/-EEIfTi8s2_8/Tc7Q8qTu-7I/AAAAAAAAANQ/d3X7mVPRHvM/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B53%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25872.jpg)

กิเลสนั้นมี 3 ประการ ได้แก่ ราคะ โทสะ และโมหะ

กิเลสย่อมเผาบุคคลที่ยอมอยู่ใต้อำนาจของมันให้ลุ่มร้อน กระวนกระวาย เหมือนไฟแผดเผาท่อนไม้โหมแรง และดับมอดเมื่อท่อนไม้ ไหม้เป็นจุน ความแตกต่าแห่งกิเลสทั้ง 3 คือ
    ราคะ.....มีโทษน้อย แต่คลายช้า
    โทสะ.......มีโทษมาก แต่คลายเร็ว
    โมหะ .....มีโทษมากที่สุด คลายช้าที่สุด
    (พุทธวัจน์)

______________________________________________
http://ajinta.blogspot.com/2011/05/blog-post_14.html (http://ajinta.blogspot.com/2011/05/blog-post_14.html)


ans1 ans1 ans1
ติตถิยสูตร

ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า ถ้านักบวชลัทธิอื่นถามว่า ราคะ โทสะ โมหะ ต่างกันอย่างไร พึงตอบว่า   
     ราคะมีโทษน้อย   แต่คลายช้า 
     โทสะมีโทษมาก   แต่คลายเร็ว 
     โมหะมีโทษมาก   และคลายช้า.
 
     สุภนิมิต(เครื่องหมายที่สวยงาม) ทำราคะที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น  ที่เกิดแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น.   
     ปฏิฆนิมิต(เครื่องหมายที่ทำให้ขัดใจ) ทำโทสะที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น.   
     อโยนิโสมนสิการ(การไม่ทำไว้ในใจคือไม่พิจารณาโดยแยบคาย) ทำโมหะที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น.

_______________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
ที่มา http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/12.4.html (http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/12.4.html)


หัวข้อ: Re: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 25, 2013, 11:36:53 am
(http://www.madchima.net/images/356_SAM_0997r.jpg)

ราคะมีโทษน้อยคลายช้า โทสะมีโทษมากคลายเร็ว โมหะมีโทษมากคลายช้า
ติตถิยสูตร

     [๕๐๘] ๖๙. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ ปริพาชกจะพึงถามเช่นนี้ว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ราคะ โทสะ โมหะ ผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างนี้แล
     ผู้มีอายุ ธรรม ๓ อย่างนี้ผิดแผกแตกต่างกันอย่างไร เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว จะพึงพยากรณ์แก่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านี้ว่าอย่างไร

     ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
     ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ธรรมของพวกข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่งอาศัย ขอประทานพระวโรกาสขอเนื้อความแห่งภาษิตนั้น จงแจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเถิด ภิกษุทั้งหลายได้สดับต่อพระผู้มีพระภาคแล้วจักทรงจำไว้
     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
     ดูกรภิกษุทั้งหลายถ้าเช่นนั้น เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว

      ans1 ans1 ans1

     ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์จะพึงถามเช่นนี้ว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ราคะ โทสะ โมหะ ผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างนี้ ผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างนี้ ผิดแผกแตกต่างกันอย่างไร



(http://www.madchima.net/images/953_SAM_1061r.jpg)


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาถามอย่างนี้พึงพยากรณ์แก่ปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นอย่างนี้ว่า
     ผู้มีอายุทั้งหลาย ราคะมีโทษน้อยคลายช้า โทสะมีโทษมากคลายเร็ว โมหะมีโทษมากคลายช้า

     ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้ราคะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     สุภนิมิต คือ ความกำหนดหมายว่างาม เมื่อบุคคลนั้นทำไว้ในใจโดยอุบายไม่แยบคายถึงสุภนิมิต ราคะที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง
     ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ราคะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง

      st12 st12 st12

     ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โทสะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     ปฏิฆนิมิต คือ ความกำหนดหมายว่ากระทบกระทั่ง เมื่อบุคคลนั้นทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายถึงปฏิฆนิมิตโทสะที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง
     ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โทสะที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง

     ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้โมหะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     อโยนิโสมนสิการ เมื่อบุคคลนั้นทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย โมหะที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง
     ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โมหะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญไพบูลย์ยิ่ง



     
(http://www.madchima.net/images/912_SAM_1053r.jpg)


     ถ้าเขาถามอีกว่า ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ราคะที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     อสุภนิมิต คือ ความกำหนดหมายว่าไม่งาม เมื่อบุคคลทำไว้ในใจโดยแยบคายถึงอสุภนิมิต ราคะที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ราคะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้

     ถ้าเขาถามต่อไปว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โทสะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     เมตตาเจโตวิมุติ เมื่อบุคคลนั้นทำไว้ในใจโดยแยบคายถึงเมตตาเจโตวิมุติ โทสะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     ผู้มีอายุทั้งหลายข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โทสะที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้

      :25: :25: :25:

     ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โมหะที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     เธอทั้งหลายควรพยากรณ์ว่า พึงกล่าวว่า
     โยนิโสมนสิการ เมื่อบุคคลนั้นทำไว้ในใจโดยแยบคาย โมหะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้
     ผู้มีอายุทั้งหลายข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้โมหะที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วย่อมละได้ ฯ

______________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๕๒๖๘ - ๕๓๑๙. หน้าที่ ๒๒๕ - ๒๒๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5268&Z=5319&pagebreak=0 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5268&Z=5319&pagebreak=0)             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=508 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=508)
ภาพจาก http://www.madchima.net/ (http://www.madchima.net/)


หัวข้อ: Re: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ กันยายน 26, 2013, 02:05:35 am
 st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กันยายน 26, 2013, 08:14:44 am
 thk56


หัวข้อ: Re: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ กันยายน 27, 2013, 05:28:08 am
ธรรมวาทะ ของ พระอริยะ รัฐบาล

 คนมีทรัพย์ในโลกนี้ เห็นมีอยู่ (๓ ประเภท)

           (๑) ได้ทรัพย์แล้วไม่แบ่งปันให้ใคร เพราะความโง่
           (๒) ได้ทรัพย์แล้วทำการสะสมเอาไว้
           (๓) ได้ทรัพย์แล้วปรารถนากามยิ่งขึ้น

       พระราชารบชนะทั่วแผ่นดิน ครอบครองแผ่นดินจนสุดฝั่งสมุทร ฝั่งสมุทรฝั่งนี้ยังไม่พออิ่มจึงปรารถนาฝั่งโน้นอีก
       บุตรธิดา ภรรยาสามี ทรัพย์และแว่นแคว้น ติดตามคนตายไปไม่ได้
       เงินซื้อชีวิตไม่ได้ ช่วยให้พ้นความแก่ไม่ได้

       ทั้งคนจนและคนมี ทั้งคนดีและคนชั่ว ล้วนถูกต้องผัสสะ (เห็น ได้ยิน เป็นต้น) ทั้งนั้น คนชั่วย่อมหวั่นไหว เพราะความเป็นคนพาล แต่คนดีย่อมไม่มีหวั่นไหว


หัวข้อ: Re: ราคะ โทสะ และโมหะ ตัวไหนมีโทษมากที่สุด.?
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กันยายน 27, 2013, 01:19:30 pm
คนมีทรัพย์ในโลกนี้
           (๑) ได้ทรัพย์แล้วปรารถนากามยิ่งขึ้น     

 :08:        :08:        :08:        :08:        :08:       

(http://ts1.mm.bing.net/th?id=H.4718508062148768&pid=15.1&H=117&W=160)