หัวข้อ: “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 06, 2013, 11:48:06 am “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834750) วัดศรีชุม อีกหนึ่งวัดเก่าแก่สำคัญของสุโขทัย รอยอดีตอันยิ่งใหญ่ของมรดกโลกสุโขทัยปรากฏผ่านโบราณสถานงานพุทธศิลป์ที่ยังคงอยู่มากหลาย โดยหนึ่งในวัดดังที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเมืองมรดกโลกสุโขทัยก็คือ “วัดศรีชุม” วัดศรีชุมตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.สุโขทัย มีพิกัดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขตกำแพงเมืองใกล้ๆกับประตูศาลหลวงทางทิศเหนือ ชื่อของวัดศรีชุมข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่ามาจากคำว่า “สะหลีชุม” คำว่า“สะหลี” เป็นคำโบราณหมายถึง“ต้นโพธิ์” ต่อมาภายหลัง คำว่าสะหลีได้เรียกขานเป็น “ศรี” ดังนั้นคำว่าศรีชุมจึงหมายถึง ดงของต้นโพธิ์ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834749) ช่องประตูพระมณฑปมองเข้าไปเห็นองค์พระอจนะ วัดศรีชุมเป็นวัดที่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ก่อนจะถูกทิ้งร้างลงในสมัยอยุธยาตอนปลาย จากนั้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ช่วง พ.ศ. 2496-2499 ได้ทำการบูรณะฟื้นฟูวัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นการบูรณะครั้งสำคัญ โดยยึดรูปแบบ วิธีการ และวัสดุแบบโบราณ มีการซ่อมแซมพระประธานใหม่ตามแบบอย่างพระพุทธรูปสำริดศิลปะสุโขทัย ปัจจุบันวัดศรีชุมหลงเหลืออาคารสำคัญอยู่เพียงหนึ่งเดียวคือ อาคารพระมณฑปที่ภายในมีพื้นที่คับแคบมาก พระมณฑปคับแคบแบบนี้เป็นอาคารที่เรียกว่า “ปฏิมาฆระ” สร้างตามคติความเชื่อสมัยสุโขทัยที่ไม่ได้ต้องการใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาเหมือนโบสถ์ในสมัยปัจจุบัน หากแต่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการจำลอง “พระคันธกุฎี” หรือ กุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญเปรียบได้กับองค์เจดีย์ประธานที่เป็นดังตัวแทนของพระพุทธองค์ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834729) พระพักตร์พระอจนะ มองผ่านประตูทางเข้ามณฑป มณฑปหลังนี้แม้จะคับแคบ แต่กำแพงมณฑปกลับมีความกว้างร่วม 3 เมตร เนื่องเพราะไม่ได้สร้างเป็นกำแพงทึบตัน หากแต่สร้างเป็นช่องกำแพงคล้ายอุโมงค์ เจาะทำเป็นบันไดทางเดินขึ้นถึงหลังคา(ปัจจุบันพังทลายไม่เหลือร่องรอยให้เห็น) ตามผนังทางเดินมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แม้จะเลอะเลือนไปตามกาลเวลาแต่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งงานจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ตอนมาทัศนศึกษาที่สุโขทัย ผมเคยเดินขึ้นไปชมจิตกรรมฝาผนังโบราณที่นี่ แต่มาในวันนี้เขาปิดไม่ให้คนขึ้นไปแล้ว อย่างไรก็ดีในความคับแคบของพระมณฑปกลับโดดเด่นไปด้วย “พระอจนะ” พระประธานองค์โตที่เป็นไฮไลท์สำคัญของวัดศรีชุม และถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองมรดกโลกสุโขทัย (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834748) พระอจนะ พระพุทธรูปพูดได้ พระอจนะ แปลว่าผู้ไม่หวั่นไหว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร และมีความสูงถึง 15 เมตร มีพุทธลักษณะงดงามมาก พระวรกายอวบอิ่ม พระพักตร์อมยิ้ม ดูอิ่มบุญเปี่ยมศรัทธา พระอจนะองค์นี้ไม่ใช่พระพุทธรูปธรรมดา หากแต่(ในอดีต)คือพระพุทธรูปมหัศจรรย์ เพราะเป็น “พระพุทธรูปพูดได้” เรื่องนี้ผมไม่ได้โม้แต่ยังเล่าไม่จบ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834751) พระองค์ใหญ่ แต่มณฑปคับแคบ เป็นการสร้างตามคติความเชื่อในยุคสุโขทัย เหตุที่พระอจนะพูดได้นั้นมาการในสมัยอยุธยา เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จมาประชุมทัพ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อจะยกไปปราบเมืองสวรรคโลก พระองค์ท่านต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหาร ดังนั้นจึงได้มีพิธีเสี่ยงทายกับพระพุทธรูป โดยได้เสี่ยงทายว่า การรบครั้งนี้หากจะได้รับชัยชนะกลับมาก็ขอให้พระอจนะกล่าวตอบ แต่หากไม่ชนะก็ไม่ต้องตอบสิ่งใด ผลปรากฏว่าพระอจนะกล่าวตอบกลับมาจริงๆ เรื่องนี้จริงๆแล้วหาใช่ปาฏิหาริย์แต่อย่างใดไม่ หากแต่เป็นกุศโลบายของสมเด็จพระนเรศวรฯ เพราะก่อนทำพิธีเสี่ยงทาย สมเด็จพระนเรศวรฯได้ส่งคนขึ้นไปอยู่ด้านหลังเศียรพระอจนะเพื่อคอยส่งเสียงตอบกลับมา ฟังเหมือนกับองค์พระพุทธรูปพูดได้จริง (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834752) ร่องรอยของเสาวิหารที่ยังหลงเหลือ เหตุที่พระองค์ท่านทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการสร้างขวัญกำลังใจ ปลุกปลอบขวัญเหล่าทหารหาญให้ฮึกเหิมก่อนจะทำการออกรบ นับจากนั้นเป็นต้นมา พระอจนะวัดศรีชุมก็ได้รับการร่ำลือว่าเป็นพระพุทธรูปพูดได้ (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834753) ต้นมะม่วงยักษ์ข้างๆพระมณฑป และนี่ก็คือภูมิปัญญาอันน่าทึ่งของบรรพบุรุษที่สืบ ต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้ยกให้นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ นอกจากพระมณฑปกับพระอจนะแล้ว วัดศรีชุมยังหลงเหลือร่องรอยของเสาพระวิหารในอดีตที่ด้านหน้าให้ชมกัน ซึ่งใครอยากจะรู้ว่าวัดศรีชุมดั้งเดิมในสมัยสุโขทัยนั้นเป็นเช่นไร ทางกรมศิลป์เขาก็ได้ทำแบบร่างจำลองของวัดศรีชุมเป็นป้ายเล็กๆไว้ให้ชมกัน เพื่อต่อยอดในจินตนาการ ส่วนที่ใกล้ๆกับมณฑปก็จะมีต้นมะม่วงโบราณต้นยักษ์อายุนับร้อยปี รูปฟอร์มสวยงาม แผ่สยายกิ่งก้านสร้างความร่มรื่น นับต้นไม้เด่นประจำวัดที่มีคนนิยมมาถ่ายรูปคู่ด้วยไม่น้อยเลย (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834754) โซนขายของที่ระลึกหน้าวัด ขณะที่บริเวณด้านหน้าของวัดศรีชุมจะเป็นมุมขายของที่ระลึก ซึ่งผมสะดุดตาสะดุดใจกับปลาตะเพียนและนกสานใบลานของคุณยายที่อยู่หน้าสุด คนยายคนนี้ชื่อ คุณยาย“เฉลา” อายุอานามปาเข้าไป 94 ปีแล้ว แต่คุณยายยังแข็งแรง เดินจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลมาขายปลาตะเพียนสานที่วัดทุกๆวัน (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834756) คุณยายเฉลาเจ้าของคำพูดเด็ด การโกงมันบาป ยายเฉลาเป็นคนสานปลาตะเพียนขายเจ้าแรกของสุโขทัย ทำมาตั้งแต่สมัยยายเป็นเด็กๆ มาวันนี้แม้ผ่านมาร่วม 80 ปี จนฟันฟางของคุณยายไม่เหลือแล้ว แต่สายตาคุณยายยังดี มือยังนิ่ง สานปลาตะเพียนได้คล่องแคล่ว สำหรับสนนราคาปลาตะเพียนสานของคุณยายเฉลารวมถึงคุณป้าที่อยู่ใกล้ๆกันซึ่งเป็นลูกของยายนั้น ผมเห็นแล้วถึงกับอึ้ง เพราะคุณยายขายถูกมากๆ พวงเล็กแค่ 10 บาท พวงใหญ่ก็แค่ 20 บาท หนึ่งพวงไม่ได้มีตัวเดียว หากแต่มีหลายตัว แถมฝีมือก็เนี้ยบเกินราคา (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834755) ปลาตะเพียนสานใบลานราคาแสนถูก งานนี้ผมกับน้องที่ไปจึงซื้อปลาตะเพียนงานฝีมือคุณยายติดไม้ติดมือกลับมา 5 พวง(พวงเล็ก) แต่ความที่ทั้งคนซื้อคนขายคุยกันเพลิน คุณยายจึงไม่เห็นปลาตะเพียน 1 พวงที่น้องอีกคนถือไป แกจึงเข้าใจว่าผมซื้อแค่ 4 พวง ครั้นเมื่อผมส่งเงินให้ยายไป 50 บาท เป็นแบงค์ยี่สิบ 2 ใบ เหรียญสิบ 1 เหรียญ ด้วยความเข้าใจผิด(เพราะไม่เห็นปลาอีกพวง) คุณยายแกจึงรีบคืนเหรียญสิบกลับมา พร้อมกับบอกผมว่า เงิน(10 บาท)นี่จ่ายเกินมานะ จากนั้นคุณยายได้พูดประโยคเด็ดตามต่อมาว่า “สิบบาทยายก็ไม่โกง เงินเท่าไหร่ยายก็ไม่โกง มันไม่ดี มันบาป” (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834757) นกสานใบลานก็มี หลังได้ยินประโยคนี้แล้ว ภาพของนักโทษชายหนีคดีที่ดูไบ และนักการเมืองอีกจำนวนมากต่างผุดขึ้นมาในมโนภาพ ก่อนที่ผมกับน้องคนนั้นจะอธิบายให้คุณยายฟังว่า เราหยิบปลาไป 5 พวง แต่ยายเห็นแค่ 4 พวง ดังนั้นที่ถูกคือเราซื้อปลา 5 พวง เป็นเงิน 50 บาท แม้ยายจะรับเงินคืนไปแบบยิ้มๆ แต่แกก็ยังพูดย้ำว่า การโกงมันไม่ดี มันบาป สำหรับเงินที่ขายของได้นี่ก็ส่วนใหญ่ก็จะนำไปทำบุญให้กับวัดอยู่เรื่อยๆ ครับหลังเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยให้คุณยายสบายใจแล้ว ก่อนผมอำลาจากวัดศรีชุม คุณยายเฉลาได้อวยพรทิ้งท้ายก่อนกลับว่า “ขอให้นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสน” สำหรับคำอวยพรนี้ผมยินดีรับมากๆ อีกทั้งยังอยากจะให้สมพรปากเป็นไปตามที่คุณยายกล่าว แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คงเป็นได้แค่คำอวยพร เพราะผมก็ไม่โกงเหมือนกัน ขอบคุณภาพและบทความ http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124629 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124629) หัวข้อ: Re: “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย เริ่มหัวข้อโดย: DANAPOL ที่ ตุลาคม 06, 2013, 12:46:27 pm st11 st12
หัวข้อ: Re: “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ ตุลาคม 07, 2013, 01:46:47 am (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834748)
พระพุทธปฏิมากรสุโขทัยงดงามจริง เอกลักษณ์แห่งความเป็นชาติชาวพุทธอันเรืองรอง (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2834757) มีทั้งนก ทั้งปลา อยากได้สักพวง ครับ! หัวข้อ: Re: “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ ตุลาคม 13, 2013, 09:16:27 am st11 st12
หัวข้อ: Re: “พระอจนะ" พระพุทธรูปพูดได้ วัดศรีชุม สุโขทัย เริ่มหัวข้อโดย: pimpa ที่ ตุลาคม 14, 2013, 02:05:27 am st11 st12 :c017:
|