สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 13, 2013, 10:01:08 am



หัวข้อ: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 13, 2013, 10:01:08 am
(http://i1.ytimg.com/vi/-T3_HVQaVtQ/maxresdefault.jpg)

เรื่องพระวังคีสเถระ 
             
ข้อความเบื้องต้น               
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระวังคีสะเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "จุตึ โย เวทิ" เป็นต้น.

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

วังคีสพราหมณ์เป็นนักทำนาย              
 ได้ยินว่า พราหมณ์ในกรุงราชคฤห์คนหนึ่ง ชื่อวังคีสะ เคาะ (กะโหลก) ศีรษะของพวกมนุษย์ที่ตายแล้วก็รู้ได้ว่า "นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในนรก, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในเปรตวิสัย, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในมนุษยโลก, นี้เป็นศีรษะของผู้เกิดในเทวโลก."

พวกพราหมณ์คิดว่า "พวกเราอาศัยวังคีสพราหมณ์นี้ ก็สามารถหากินกะชาวโลกได้" จึงให้เขานุ่งผ้าแดง ๒ ผืนแล้วพาเที่ยวไปชนบท กล่าวกะพวกมนุษย์ว่า "พราหมณ์ชื่อวังคีสะนั่น เคาะ (กะโหลก) ศีรษะ ของพวกมนุษย์ที่ตายแล้ว ก็รู้จักที่เกิด, พวกท่านจงถามถึงที่พวกญาติของตนๆ เกิดแล้วเถิด."

     พวกมนุษย์ให้กหาปณะ ๑๐ บ้าง ๒๐ บ้าง ๑๐๐ บ้าง ตามกำลังแล้ว จึงถามถึงที่พวกญาติเกิดแล้ว.
     พราหมณ์เหล่านั้นถึงกรุงสาวัตถีโดยลำดับแล้ว ยึดเอาที่พักในที่ไม่ไกลแห่งพระเชตวัน



(http://www.ee43.com/uploadpath/content_image01_00374.jpg)


พวกเขาเห็นมหาชนผู้บริโภคอาหารเช้าแล้ว มีมือถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น กำลังเดินไปเพื่อฟังธรรม จึงถามว่า "พวกท่านไปไหนกัน?"
   เมื่อมหาชนนั้นบอกว่า "ไปสู่วิหาร เพื่อฟังธรรม."
   จึงกล่าวว่า "พวกท่านจักไปในที่นั้นทำอะไร? บุคคลผู้ทัดเทียมกับวังคีสพราหมณ์ของพวกเรา ย่อมไม่มี, เขาเคาะ (กะโหลก) ศีรษะของพวกมนุษย์ที่ตายแล้ว ก็รู้ที่เกิดได้, พวกท่านจงถามถึงที่พวกญาติเกิดเถิด."

   มนุษย์เหล่านั้นกล่าวว่า "วังคีสะจะรู้อะไร? บุคคลผู้ทัดเทียมกับพระศาสดาของพวกเรา ไม่มี."
   เมื่อพวกพราหมณ์แม้นอกนี้ กล่าวว่า "บุคคลผู้ทัดเทียมกับวังคีสะ ไม่มี, เถียงกันแล้ว ๑-
   กล่าวว่า "มาเถิดบัดนี้ พวกเราจักรู้ว่าวังคีสะของพวกท่าน หรือพระศาสดาของพวกเรา มีความรู้" แล้วได้พราหมณ์เหล่านั้นไปสู่วิหาร.

____________________________
๑- กถํ วฑฺเฒตฺวา ยังถ้อยคำให้เจริญ.


(http://forums.apinya.com/attachments/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/41196d1352272342-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99-321-jpg)(http://forums.apinya.com/attachments/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/41197d1352272342-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99-987-jpg)(http://forums.apinya.com/attachments/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/41196d1352272342-%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99-321-jpg)


เขายอมจำนนพระศาสดา               
พระศาสดาทรงทราบว่าชนเหล่านั้นมา จึงรับสั่งให้นำ (กะโหลก) ศีรษะมา ๕ ศีรษะ คือ
    "ศีรษะของสัตว์ผู้เกิดในฐานะทั้ง ๔ คือ ‘ในนรก ในกำเนิดดิรัจฉาน ในมนุษยโลก ในเทวโลก’ ๔ ศีรษะ และ (กะโหลก) ศีรษะของพระขีณาสพ" รับสั่งให้วางไว้ตามลำดับ
    ในเวลาที่วังคีสะมาแล้ว จึงตรัสถามวังคีสะว่า
    "ทราบว่า ท่านเคาะ (กะโหลก) ศีรษะแล้ว รู้ที่เกิดของสัตว์ทั้งหลายผู้ตายแล้วหรือ?"
    วังคีสะ. พระเจ้าข้า ข้าพระองค์รู้ได้.
    พระศาสดา. นี้ (กะโหลก) ศีรษะของใคร?
    เขาเคาะ (กะโหละ) ศีรษะนั้นแล้ว กราบทูลว่า "ของสัตว์ผู้เกิดในนรก."

    ลำดับนั้น พระศาสดาประทานสาธุการแก่เขาว่า "ดีละ"
    จึงตรัสถามถึงศีรษะทั้ง ๓ นอกนี้ ในขณะที่เขากราบทูลแล้วๆไม่ผิด ก็ประทานสาธุการเหมือนอย่างนั้น
    จึงทรงแสดง (กะโหลก) ศีรษะที่ ๕ ตรัสถามว่า
    "นี้ (กะโหลก) ศีรษะของใคร.?"
   เขาเคาะ (กะโหลก) นั้นแล้ว ไม่รู้ที่เกิด.
   ทีนั้น พระศาสดาตรัสกะเขาว่า "วังคีสะ ท่านไม่รู้หรือ?"
   เมื่อเขากราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่รู้"
   จึงตรัสว่า "ฉันรู้."
   วังคีสะ. พระองค์ทรงทราบด้วยอะไร?
   พระศาสดา. ทราบด้วยกำลังมนต์.

   ลำดับนั้น วังคีสะทูลวิงวอนพระองค์ว่า "ขอพระองค์จงประทานมนต์นี้แก่ข้าพระองค์.
   พระศาสดาตรัสว่า "เราไม่สามารถจะให้มนต์แก่บุคคลผู้ไม่บวชได้."



(http://www.madchima.net/images/813_card_49.jpg)


วังคีสะบวชเพื่อเรียนพุทธมนต์              
เขาคิดว่า "เมื่อเราเรียนมนต์นี้แล้ว เราก็จักเป็นผู้ประเสริฐในชมพูทวีปทั้งสิ้น" จึงส่งพราหมณ์เหล่านั้นไป ด้วยคำว่า "พวกท่านจงอยู่ในที่นั้นนั่นแหละสิ้น ๒-๓ วัน ฉันจักบวช" แล้วได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักพระศาสดา ได้เป็นผู้มีนามว่าวังคีสเถระ.

     ลำดับนั้น พระศาสดาประทานกัมมัฏฐานมีอาการ ๓๒ เป็นอารมณ์แก่เธอแล้ว ตรัสว่า
     "เธอจงสาธยายบริกรรมมนต์."

พระเถระบรรลุพระอรหัต               
พระวังคีสเถระนั้นสาธยายมนต์อยู่ ถูกพวกพราหมณ์ถามในระหว่างๆ ว่า "ท่านเรียนมนต์ได้แล้วหรือยัง?"
    จึงบอกว่า "พวกท่านจงรอก่อน, ฉันกำลังเรียน."
    ต่อกาล ๒-๓ วันเท่านั้นก็ได้บรรลุพระอรหัต ถูกพราหมณ์ทั้งหลายถามอีก
    จึงกล่าวว่า "ท่านผู้มีอายุ บัดนี้ ฉันไม่ควรเพื่อจะไป."

    พวกภิกษุได้ยินคำนั้นแล้ว จึงกราบทูลแด่พระศาสดาว่า
    "พระเจ้าข้า พระวังคีสเถระนี้ พยากรณ์พระอรหัตผล ด้วยคำไม่จริง."
    พระศาสดาตรัสว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออย่ากล่าวอย่างนั้น. ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ บุตรของเราฉลาดในการจุติและปฏิสนธิแล้ว"

     ดังนี้แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
     จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ   อุปปตฺติญฺจ สพฺพโส
     อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ    ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
     ยสฺส คตึ น ชานนฺติ    เทวา คนฺธพฺพมานุสา
     ขีณาสวํ อรหนฺตํ    ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

     ผู้ใด รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายโดยประการทั้งปวง, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งไม่ข้อง ไปดีรู้แล้ว ว่าเป็นพราหมณ์. เทพยดา คนธรรพ์และหมู่มนุษย์ ย่อมไม่รู้คติของผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีอาสวะสิ้นแล้วผู้ไกลกิเลสว่า เป็นพราหมณ์.

_______________________________________                                                  
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=36&p=36 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=36&p=36)
ภาพจาก http://i1.ytimg.com/, (http://i1.ytimg.com/,) http://www.ee43.com/ (http://www.ee43.com/) ,  http://forums.apinya.com/ (http://forums.apinya.com/)


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 13, 2013, 10:10:40 am
(http://www.konjaiboon.com/imap/pratathai/%E0%B8%9C%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3.jpg)
ภาพจาก http://www.konjaiboon.com/ (http://www.konjaiboon.com/)


'พระธาตุ' มีลักษณะอย่างไร ปรากฏในพระไตรปิฎกหรือไม่.?

ask1 ถามว่า ลักษณะของพระธาตุเป็นอย่างไร ในพระไตรปิฎกบอกไว้หรือไม่.?
ans1 ตอบว่า พระไตรปิฎกภาษาไทย(ฉบับหลวง) ไม่ปรากฏ แต่ได้อธิบายไว้ในชั้นอรรถกถาของมหาปรินิพพานสูตร มีข้อความดังนี้

     บทว่า สรีราเนว อวสิสฺสึสุ ความว่า เมื่อก่อนได้ชื่อว่าสรีระ ก็เพราะตั้งอยู่ด้วยโครงร่างอันเดียวกัน บัดนี้ ท่านกล่าวว่าสรีระทั้งหมดกระจัดกระจายไปแล้ว.
     อธิบายว่า พระธาตุทั้งหลายก็เสมือนดอกมะลิตูม เสมือนแก้วมุกดาที่เจียรนัยแล้ว และเสมือนจุณทองคำยังเหลืออยู่.
     จริงอยู่ สรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีพระชนมายุยืนทั้งหลาย ย่อมติดกันเป็นพืดเช่นกับแท่งทองคำ.
     ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานพระธาตุให้กระจายว่า เราอยู่ได้ไม่นานก็จะปรินิพพาน ศาสนาของเรายังไม่แพร่หลายไปในที่ทั้งปวงก่อน เพราะฉะนั้น เมื่อเราแม้ปรินิพพานแล้ว มหาชนถือเอาพระธาตุแม้ขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดทำเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ ปรนนิบัติ จงมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

     ถามว่า พระธาตุอย่างไหนของพระองค์กระจัดกระจาย อย่างไหนไม่กระจัดกระจาย.
     ตอบว่า พระธาตุ ๗ เหล่านี้ คือ
                         - พระเขี้ยวแก้ว ๔
                         - พระรากขวัญ ๒
                         - พระอุณหิส ๑
     ไม่กระจัดกระจาย นอกนั้นกระจัดกระจาย.

     บรรดาพระธาตุเหล่านั้น พระธาตุเล็กๆ ทั้งหมดได้มีขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด.
     พระธาตุใหญ่ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารหักกลาง
     พระธาตุขนาดใหญ่ยิ่งมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวหักกลาง.

__________________________________________________
ที่มา มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=5 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=5)

ans1 ในอรรถกถาพักกุลสูตรได้กล่าวถึง"พระธาตุของพระพักกุลเถระ ที่มีลักษณะดังดอกมะลิตูม" ดังนี้
   "พระเถระดำริว่า แม้เรามีชีวิตอยู่อย่าได้เป็นภาระแก่ภิกษุเหล่าอื่น
    สรีระของเราแม้ปรินิพพานแล้ว อย่าให้ภิกษุสงฆ์ต้องเป็นกังวลเลย
    จึงเข้าเตโชธาตุ ปรินิพพานแล้วเปลวไฟลุกขึ้นท่วมสรีระ
    ผิวหนัง เนื้อและโลหิตถูกเผาไหม้สิ้นไป เหมือนเนยใส.
    ยังคงเหลืออยู่แต่ธาตุ ที่มีลักษณะดังดอกมะลิตูม"

________________________________________________
อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ สุญญตวรรค พักกุลัตเถรัจฉริยัพภูตสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=380 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=380)


(http://www.watdevaraj.com/private_folder/museum/001.jpg)
ภาพจาก http://www.watdevaraj.com/ (http://www.watdevaraj.com/)


ans1 แต่ในพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม (ปกสีฟ้า) ได้ระบุไว้ใน"ธาตุภาชนียกถา" ว่าด้วยการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เป็นพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ สุตตันตปิฎกที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์ จริยาปิฎก ขอยกมาแสดงดังนี้

     [๖] พระบรมสารีริกธาตุ ๗ อย่าง คือ พระอุณหิส ๑ พระทาฐธาตุทั้ง ๔ และพระรากขวัญ ๒ ข้าง ไม่แตก
พระบรมสารีริกธาตุที่เหลือแตกออกจากกัน
     [๗] พระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่เท่ากับเมล็ดถั่วเขียว ขนาดกลางเท่าเมล็ดข้าวสารหัก ขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีสีต่าง ๆ กัน
     [๘] พระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่มีสีเหมือนทองคำ ขนาดกลางมีสีเหมือนแก้วมุกดา และขนาดเล็กมีสีเหมือนดอกมะลิ รวมทั้งหมดมีประมาณ ๑๖ ทะนาน
     [๙] พระบรมสารีริกธาตุเหล่านั้นทุกขนาด คือ ขนาดใหญ่มี ๕ ทะนาน ขนาดกลางมี ๕ ทะนาน ขนาดเล็กมี ๖ ทะนานเท่านั้น
     [๑๐] พระบรมสารีริกธาตุเหล่านี้แม้ทั้งหมด ประดิษฐานอยู่ในที่ต่าง ๆ กัน คือ พระอุณหิสอยู่ที่เกาะสีหล
พระรากขวัญเบื้องซ้ายอยู่ที่พรหมโลก และพระรากขวัญเบื้องขวาอยู่ที่เกาะสีหล

________________________________________________
ที่มา http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd33.htm (http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd33.htm)


(http://www.watthamfad.com/Dhama%20world.img/relic/awb_image2672553124756.jpg)
ภาพจาก http://www.watthamfad.com/ (http://www.watthamfad.com/)


ask1 ถามว่า แล้วจะเชื่อพระไตรปิฎกเล่มไหนดี.?
ans1 ตอบว่า เรื่องนี้จนด้วยเกล้าครับ ปัญญาไปไม่ถึง แต่ขอยกเอาบาลีใน "พระไตรปิฎก ภาษาบาลี (ฉบับสยามรัฐ) เล่มที่ ๓๓ สุตฺตนฺตปิฏเก เล่มที่ ๒๕ ขุทฺทกนิกายสฺส อปทานํ ภาค ๒ พุทฺธวํโส จรยาปิฏกํ" ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่และได้รับการยอมรับมากที่สุด มาแสดงดังนี้

ธาตุภาชนียกถา
[๒๘] มหาโคตโม ชินวโร  กุสินารมฺหิ นิพฺพุโต
ธาตุวิตฺถาริกํ อาสิ  เตสุ เตสุ ปเทสโต ฯ
เอโก อชาตสตฺตุสฺส  เอโก เวสาลิยา ปุเร
เอโก กปิลวตฺถุสฺมึ  เอโก จ อลฺลกปฺปเก ฯ
เอโก จ รามคามมฺหิ เอโก จ เวฏฺฐทีปเก
เอโก ปาเวยฺยเก มลฺเล เอโก จ โกสินารเก ฯ
ตุมฺพสฺส (๑) ถูปํ กาเรสิ  พฺราหฺมโณ โทณสวฺหโย
องฺคารถูปํ กาเรสุํ  โมริยา ตุฏฺฐมานสา ฯ
อฏฺฐ สารีริกา ถูปา  นวโม ตุมฺพเจติโย (๒)
องฺคารถูโป ทสโม  ตทาเยว ปติฏฺฐิโต ฯ (๓)
เอกา ทาฐา ติทสปุเร  เอกา นาคปุเร อหุ
เอกา คนฺธารวิสเย  เอกา กาลิงฺคราชิโน ฯ


จตฺตาฬีสสมา ทนฺตา  เกสา โลมา จ สพฺพโส
เทวา หรึสุ เอเกกํ  จกฺกวาฬปรมฺปรา ฯ
วชิรายํ ภควโต  ปตฺโต ทณฺโฑ จ จีวรํ
นิวาสนํ กุลฆเร (๑)  ปจฺจตฺถรณํ สิลวฺหเย (๒) ฯ
ปาฏลีปุตฺตนคเร  กรกํ กายพนฺธนํ
จมฺปายํ อุทกสาฏกา(๓) อุณฺณโลมญฺจ โกสเล ฯ
กาสาวกํ (๔) พฺรหฺมโลเก เวฐนํ ติทเส ปุเร
[ปาสาณเก (๕) ปทํ เสฏฺฐํ ยถาปิ กจฺฉตํ ปุรํ]
นิสีทนํ อวนฺตีสุ (๖) เทวรฏฺเฐ (๗) อตฺถรณํ ตทา ฯ
อรณิ จ มิถิลายํ วิเทเห (๘) ปริสาวนํ
วาสี สูจิฆรญฺจาปิ  อินฺทปตฺถปุเร (๙) ตทา ฯ
ปริกฺขารา (๑๐) อวเสสา  ชนปทนฺตเก (๑๑) ตทา
ปริภุตฺตานิ มุนินา  มเหสฺสนฺติ มนุชา ตทา ฯ
ธาตุวิตฺถาริกํ อาสิ  โคตมสฺส มเหสิโน
ปาณีนํ อนุกมฺปาย  อหุ โปราณิกํ ตทาติ ฯ


ธาตุภาชนียกถา นิฏฺฐิตา ฯ
พุทฺธวํโส นิฏฺฐิโต ฯ


#๑ ม. ยุ. กุมฺภสฺส ฯ  #๒ ม. ยุ. กุมฺภเจติโย ฯ  #๓ ม. อุณฺหีสํ จตสฺโส ทาฐา ฯเปฯ สพฺพาเปตา ปติฏฺฐิตา ฯ
#๔ ยุ. กุสฆเร ฯ #๕ ม. ยุ. กปิลฺหเย ฯ #๖ ม. จมฺปายุทกสาฏิยํ ฯ ยุ. จมฺปายํ #อุทกสาฏิกา ฯ
#๗ ม. ยุ. กาสาวญฺจ พฺรหฺมโลเก ฯ #๘ ยุ. ปาสาณเก ปทํ เสฏฺฐํ #ยญฺจาปิ อจฺจุติ ปทํ ฯ #๙ ยุ. อวนฺติปุเร ฯ
๑๐ ม. ยุ. รฏฺเฐ ... ฯ #๑๑ ยุ. เวเทหิ ... ฯ ๑๒ ย. อินฺทรฏฺเฐ ฯ
๑๓ ยุ. ปริกฺขารํ อวเสสํ ฯ #๑๔ ม. ยุ. ชนปเท อปรนฺตเก ฯ
___________________________________________________________
ที่มา http://etipitaka.com/compare?utf8=%E2%9C%93&lang1=thai&volume=33&p1=368&lang2=pali&commit=%E2%96%BA# (http://etipitaka.com/compare?utf8=%E2%9C%93&lang1=thai&volume=33&p1=368&lang2=pali&commit=%E2%96%BA#)


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 13, 2013, 11:33:08 am
 ans1 ans1 ans1

เพื่อนๆครับ ขอให้อ่านบทความทั้งสองกระทู้อย่างระมัดระวัง ทำความเข้าใจให้ดี จะเห็นว่าในอรรถกถาหนึ่งระบุว่า กระดูกของอรหันต์ยังคงรูปเป็นกะโหลก อีกอรรถกถาหนึ่งเห็นต่างออกไป ลองมาดูรายละเอียด

ในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖ เรื่องพระวังคีสเถระ ตอนหนึ่งกล่าวว่า
    พระศาสดาทรงทราบว่าชนเหล่านั้นมา จึงรับสั่งให้นำ (กะโหลก) ศีรษะมา ๕ ศีรษะ คือ
    "ศีรษะของสัตว์ผู้เกิดในฐานะทั้ง ๔ คือ
     ‘ในนรก ในกำเนิดดิรัจฉาน ในมนุษยโลก ในเทวโลก’ ๔ ศีรษะ
      และ (กะโหลก) ศีรษะของพระขีณาสพ" รับสั่งให้วางไว้ตามลำดับ

______________________________________
พระขีณาสพ คือ ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว, ผู้หมดกิเลส, พระอรหันต์


อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
     ถามว่า พระธาตุอย่างไหนของพระองค์กระจัดกระจาย อย่างไหนไม่กระจัดกระจาย.
     ตอบว่า พระธาตุ ๗ เหล่านี้ คือ
                         - พระเขี้ยวแก้ว ๔
                         - พระรากขวัญ ๒
                         - พระอุณหิส ๑
     ไม่กระจัดกระจาย นอกนั้นกระจัดกระจาย.

     บรรดาพระธาตุเหล่านั้น พระธาตุเล็กๆ ทั้งหมดได้มีขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด.
     พระธาตุใหญ่ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารหักกลาง
     พระธาตุขนาดใหญ่ยิ่งมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวหักกลาง.

_________________________________
พระเขี้ยวแก้ว คือ ฟันส่วนที่เป็นเขี้ยว
พระรากขวัญ คือ ไหปลาร้า
พระอุณหิส คือ พระอัฐิเบื้องบนพระเศียร


 ans1 ans1 ans1

  เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองอรรถกถาจะเห็นว่า มีความเห็นที่แย้งกัน กะโหลกของอรหันต์ตามเรื่องพระวังคีสะเถระ ยังคงรูปร่างไว้ชัดเจน จะเห็นได้จากข้อความในเรื่องนี้ใช้คำว่า "(กะโหลก)ศีรษะของพระขีณาสพ" และไม่ใช้คำว่าพระธาตุ

   แต่ในอรรถกถาของมหาปรินิพพานสูตร ระบุว่า พระธาตุแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไม่กระจัดกระจาย(เป็นแท่ง) อีกส่วนหนึ่งแตกเป็นชิ้นเล็กๆเหมือนเมล็ดของพืชต่างๆ
   ในอรรถกถานี้ระบุว่า พระอุณหิส(พระอัฐิเบื้องบนพระเศียร) ไม่กระจัดกระจาย(เป็นแท่ง)
   ปรกติกะโหลกคนเรา จะต้องประกอบด้วยกระดูกต่างๆและฟันอยู่ครบถ้วนเป็นแท่งดียวกัน
   แต่อรรถกถานี้ระบุว่า ส่วนที่เป็นแท่งมีเพียงกระดูกบนหัวเท่านั้น
   ซึ่งขัดแย้งกับเรื่องพระวังคีสะเถระในอีกอรรถกถาหนึ่ง

   เราลองมาวิเคราะห์ศัพท์คำว่า "อุณหิส"
   อุณหิส [อุนนะหิด] น. คือ กรอบหน้า, มงกุฎ. (ป. อุณฺหีส; ส. อุษฺณีษ).
   แต่อรรถกถาจารย์บางท่านบอกว่า พระอุณหิส คือ พระนลาฏ
   นลาฏ คือ [นะลาด] (ราชา) น. หน้าผาก. (ป.; ส. ลลาฏ).
   ทั้งอุณหิสและนลาฏ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของศีรษะ ยังไม่ใช่กะโหลก

    :96: :96: :96:

   เรื่องข้อขัดแย้งนี้ บางท่านฟันธงเลยว่า
   พระธาตุที่เป็นชื้นเล็กๆ ไม่มีหรอก ที่เห็นๆกันอยู่เป็นของปลอม(ของจริงควรเป็นแท่ง เช่น กะโหลก)
   ส่วนตัวผมขอตั้งขอสังเกตว่า พระธาตุของอรหันตสาวก กับพระธาตุของพระพุทธเจ้า อาจมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน ในอรรถกถากล่าวไว้ว่า พระธาตุของพระพุทธเจ้าปรกติจะมีลักษณะเสมือนดังแท่งทองคำ ที่กระจัดกระจายออกไปเป็นส่วนเล็กๆนั้น ก็เนื่องด้วยคำอธิษฐาน(ให้กระจายออกไป)

   พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มี พุทธวิสัยที่ต่างกัน ผมได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์ในพระสูตรแล้ว พบว่า บางพระองค์จะมีสถูปบรรจุพระธาตุเพียงที่เดียว บางพระองค์สถูปจะกระจายออกไป(มีหลายสถูป) เมื่อพิจารณาจากจำนวนสถูปแล้ว น่าจะแสดงว่า บางพระองค์มีพระธาตุเป็นแท่ง บางพระองค์ไม่เป็นแทง(กระจัดกระจายออกไป)

   ถามว่า อรหันตสาวกจะอธิษฐาน ให้พระธาตุมีลักษณะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่.?
   ตอบว่า มีความเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้แค่ไหนอย่างไรนั้น เรื่องนี้จนปัญญาครับ

   เรื่องนี้คุยกันไม่จบครับ เหนื่อยมาก ปวดหัว มันเป็นอจินไตย คุยมากจะฟั่นเฟือน
   คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ

    :25: :25: :25:
   


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ ตุลาคม 13, 2013, 12:16:08 pm
เรื่องนี้เกินวิสัย ของพวกเราที่จะเข้าใจ ครับ เอาเป็นว่า ถ้าเรานับถือพระพุทธรูป ได้ก็นับถือส่วนที่ว่าพระธาตุ นั้นได้ครับ เพราะจิตเราเคารพบูชา พระพุทธเจ้า ครับ มีหลายท่านที่ผมได้พบประสบมา รวมทั้งผมด้วย ได้พระธาตุมาองค์หนึ่งแล้ว จำนวนพระธาตุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ตนเองครับ


 st11 st12 st12 กับเนื้อหาที่นำมาให้อ่าน


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ ตุลาคม 13, 2013, 05:07:35 pm
เรื่องนี้เกินวิสัย ครับ เอาเป็นว่า เรานับถือพระพุทธรูป บูชาพระพุทธเจ้า ผมได้พระธาตุมาองค์หนึ่งจำนวนพระธาตุเพิ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ตนเองครับ

(http://board.postjung.com/data/639/639268-topic-ix-4.png)                    (http://board.postjung.com/data/639/639268-topic-ix-4.png)                    (http://board.postjung.com/data/639/639268-topic-ix-4.png)

(http://i63.photobucket.com/albums/h151/chotiparla/chotiparla2/01.jpg)

ผมมีลักษณะแบบนี้ ครับ! ได้มาจากวัดสังฆทาน จ.นนทบุรี อยากขอชมจากทุกท่านบ้าง ?



http://board.postjung.com/639268.htm


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ ตุลาคม 14, 2013, 10:35:58 am
 st12


หัวข้อ: Re: "กระดูกของอรหันต์ทุกองค์" ต้องเป็นพระธาตุเหมือนกันทั้งหมด หรือไม่.?
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ ตุลาคม 14, 2013, 10:50:16 pm
ขออนุโมทนาสาธุ st11 st12