หัวข้อ: สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ฆ่าแล้วมีโทษต่างกันอย่างไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 15, 2013, 12:24:53 pm (http://board.postjung.com/data/645/645608-topic-ix-25.jpg) สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ฆ่าแล้วมีโทษต่างกันอย่างไร.? วรรณนาจุลศีล บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระพุทธประสงค์จะทรงแก้เนื้อความที่ได้ตรัสถามด้วยกเถตุกัมยตาปุจฉานั้น จึงตรัสพระบาลีอาทิว่า ปาณาติปาตํ ปหาย ดังนี้. ในคำว่า ละปาณาติบาต. ปาณาติบาต แปลว่า ทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป. อธิบายว่า ฆ่าสัตว์ ปลงชีพสัตว์. ก็ในคำว่า ปาณะ นี้ โดยโวหาร ได้แก่สัตว์. โดยปรมัตถ์ ได้แก่ชีวิตินทรีย์. อนึ่ง เจตนาฆ่าอันเป็นเหตุยังความพยายามตัดรอนชีวิตินทรีย์ให้ตั้งขึ้น เป็นไปทางกายทวารและวจีทวาร ทางใดทางหนึ่งของผู้มีความสำคัญในชีวิตนั้นว่าเป็นสัตว์มีชีวิต ชื่อว่าปาณาติบาต. ans1 ans1 ans1 ปาณาติบาตนั้น ชื่อว่ามีโทษน้อย ในสัตว์เล็ก. บรรดาสัตว์ที่เว้นจากคุณมีสัตว์เดรัจฉานเป็นต้น ชื่อว่ามีโทษมาก ในเพราะสัตว์มีร่างกายใหญ่. เพราะเหตุไร? เพราะต้องขวนขวายมาก. แม้เมื่อมีความพยายามเสมอกัน ก็มีโทษมาก เพราะมีวัตถุใหญ่. ในบรรดาสัตว์ที่มีคุณมีมนุษย์เป็นต้น สัตว์มีคุณน้อยมีโทษน้อย สัตว์มีคุณมากมีโทษมาก. แม้เมื่อมีสรีระและคุณเท่ากัน ก็พึงทราบว่า มีโทษน้อยเพราะกิเลสและความพยายามอ่อน มีโทษมากเพราะกิเลสและความพยายามแรงกล้า. (http://picpost.postjung.com/data/149/149305-12-9819.jpg) ปาณาติบาตนั้นมีองค์ ๕ คือ ๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต ๒. ปาณสญฺญิตา ตนรู้ว่าสัตว์มีชีวิต ๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า ๔. อุปกฺกโม มีความพยายาม ( ลงมือทำ ) ๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น. ปาณาติบาตนั้นมีประโยค ๖ คือ ๑. สาหัตถิกประโยค ประโยคที่ฆ่าด้วยมือตนเอง ๒. อาณัตติกประโยค ประโยคที่สั่งให้คนอื่นฆ่า ๓. นิสสัคคิยประโยค ประโยคที่ฆ่าด้วยอาวุธที่ซัดไป ๔. ถาวรประโยค ประโยคที่ฆ่าด้วยอุปกรณ์ที่อยู่กับที่ ๕. วิชชามยประโยค ประโยคที่ฆ่าด้วยวิชา ๖. อิทธิมยประโยค ประโยคที่ฆ่าด้วยฤทธิ์. st12 st12 st12 ก็เมื่อข้าพเจ้าจะพรรณนาเนื้อความนี้ให้พิสดาร ย่อมจะเนิ่นช้าเกินไป ฉะนั้น จะไม่พรรณนาความนั้นและความอื่นที่มีรูปเช่นนั้นให้พิสดาร ส่วนผู้ที่ต้องการพึงตรวจดูสมันตปาสาทิกาอรรถกถาพระวินัย ถือเอาความเถิด. บทว่า ปหาย ความว่า ละโทษอันเป็นเหตุทุศีล นี้กล่าวคือ เจตนาทำปาณาติบาต. บทว่า ปฏิวิรโต ความว่า งด คือเว้นจากโทษอันเป็นเหตุทุศีลนั้น. จำเดิมแต่กาลที่ละปาณาติบาตได้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นไม่มีธรรมที่จะพึงรู้ทางจักษุและโสตว่า เราจักละเมิดดังนี้ จะป่วยกล่าวไปไยถึงธรรมที่เป็นไปทางกายเล่า. แม้ในบทอื่นๆ ที่มีรูปอย่างนี้ ก็พึงทราบเนื้อความโดยนัยนี้แหละ. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้โวหารว่า สมณะ เพราะเป็นผู้มีบาปสงบแล้ว. บทว่า โคตโม ความว่า ทรงพระนามว่า โคดม ด้วยอำนาจพระโคตร. มิใช่แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่เว้นจากปาณาติบาต แม้ภิกษุสงฆ์ก็เว้นด้วย. .......ฯลฯ..... ___________________________________ อรรถกถา ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พรหมชาลสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=4 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=4) ภาพจาก http://board.postjung.com/ (http://board.postjung.com/) , http://picpost.postjung.com/ (http://picpost.postjung.com/) |