หัวข้อ: คำว่า “แก่” ถือเป็นคำไม่สุภาพ..ตามมาตรฐานหญิงไทย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 20, 2013, 09:20:21 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/10/19/aibjbgiie69eb9feekck9.jpg) แก่.! คอลัมน์วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน : โดย...ขวัญชนก วุฒิกุล (k_wuttikul@hotmail.com) ถ้าพูดเรื่อง “แก่” นี่ไม่มีใครยอมใคร ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิง คำว่า “แก่” ถือเป็นคำไม่สุภาพตามมาตรฐานหญิงไทย แม้ว่า เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน จะทำให้ไม่สามารถคาดเดาอายุผู้หญิงจากสภาพใบหน้าได้ แต่ “แก่” ก็ยังเป็นคำต้องห้ามอยู่ดี ตอนเป็นบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจเคยเถียงหน้าดำหน้าแดงกับบรรณาธิการข่าวหน้าหนึ่ง ที่มักจะพาดหัวข่าวโดยใช้คำว่า “สาวใหญ่” แทนผู้หญิงอายุ 30-35 และเข้าข่ายเป็น “แม่เฒ่า” เมื่ออายุ 50 !!! แต่ถึงจะสะบัดใส่เยี่ยงไร สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมรับ “ความแก่” :welcome: :welcome: :welcome: โดยเฉพาะในอีก 17 ปีข้างหน้า ที่ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมคนแก่หรือสังคม “ผู้สูงอายุ” เต็มรูปแบบ เพราะเราจะมีประชากรวัย 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เกินกว่า 25% ของโครงสร้างประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่อัตราการเกิดลดลงเหลือเพียง 1.6 คน จาก 4.9 คน คนแก่มากขึ้น คนเกิดน้อยลง นอกจากจะเจอปัญหาคุณภาพชีวิต ขาดแคลนแรงงานแล้ว ยังเกิดปัญหาภาระของภาครัฐที่ต้องดูแลคนแก่ กลายเป็นปัญหาการคลังของประเทศ ข้อมูลจากสถาบันสร้างเสริมขีดความสามารถในมนุษย์ คาดการณ์การขาดแคลนแรงงานระยะ 10 ปีข้างหน้า ว่าอยู่ที่ประมาณ 3 แสนคน เรื่อง “คนแก่” กำลังกลายเป็นวาระแห่งชาติ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรับมือ แต่ถ้าคนวัยทำงานในวันนี้เตรียมตัวสำหรับการแก่อย่างมีคุณภาพในวันหน้า ก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐไปได้ไม่น้อย (http://www.paoyingshub.com/ckfinder/userfiles/images/Library_old_2012_feb_01_pic01.jpg) วันก่อนมีผู้ฟังถามในรายการเงินทองต้องรู้ว่า ปัจจุบันอายุ 50 ปี ยังทำงานอยู่และมีเงินเก็บ 2 ล้านบาทสำหรับใช้ในวัยเกษียณ แต่ระยะเวลา 10 ปีก่อนเกษียณ จะสามารถนำเงินไปลงทุนในหุ้นปันผลได้หรือไม่ ถ้าลองเปิดตำราหรือหลักทฤษฎีไม่ว่าจะสำนักไหน ก็เห็นพ้องต้องกันว่า ระยะเวลา 10 ปีสำหรับการลงทุนในหุ้น เพื่อเก็บเกี่ยวเงินปันผล ถือว่าถูกและชอบด้วยประการทั้งปวง เพราะการลงทุนในหุ้นต้องการระยะเวลาที่ยาวนาน ขณะที่การเลือกหุ้นปันผลที่พื้นฐานแข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโตสูง ก็เป็นทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้ สรุปคือ ทั้งระยะเวลา ทั้งสินทรัพย์ที่ลงทุน คือ หุ้น และผลตอบแทนจากเงินปันผลที่รอรับในวัยเกษียณ นับว่าครบองค์ประกอบ :96: :96: :96: ที่น่าสังเกตและน่าสนใจ ก็คือ ผู้ฟังท่านนี้ผ่านการ “เตรียมพร้อม” มาแล้ว เพราะทำงานจนถึงวัย 50 ปี และยังทำต่ออีกอย่างน้อย 10 ปี กับเงินเก็บที่ไม่มีภาระอะไรและเป็นเงินพร้อมสำหรับลงทุนหาดอกผลในวัยเกษียณถึง 2 ล้านบาท ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้นหรือออกสตาร์ทตอนอายุ 50 “การนึกถึงวันเกษียณจากงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน” เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าขำหรือเป็นเพียงถ้อยคำประชดประชันของคนเบื่องานเท่านั้น และไม่ใช่แค่ “นึกถึง”เท่านั้น แต่ยังต้อง “วางแผน” เพื่อเข้าสู่วัยเกษียณด้วย (http://110.164.64.137/mind/images/mind/_-__1_1.JPG) ธนาคารกสิกรไทย แนะนำสิ่งที่ต้องพิจารณาสำหรับวางแผนเกษียณไว้ 4 ประการค่ะ ประการแรก คือ ให้พิจารณาว่า ปัจจุบันเรามีเงินสะสมอยู่จำนวนเท่าไร เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันนี้ถึงวันสิ้นอายุขัยหรือไม่ ประการที่ต่อมา ให้สำรวจกระเป๋าตัวเองว่า ปัจจุบันมีอยู่แล้วเท่าไร บางท่านมีการเก็บออมเงิน และการลงทุนมาบ้างแล้ว โดยที่ไม่รู้ตัว เช่น ออมเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนประกันสังคม จะเห็นว่าเรามีเงินสะสมอยู่ก้อนหนึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อรวมกับเงินออมในรูปแบบอื่นๆ ที่มี จากนั้นต้องพิจารณาดูว่ามีระยะเวลาในการทำงานคงเหลือเท่าไร หรืออีกกี่ปีที่เราจะหยุดทำงาน หากมีระยะเวลาในการทำงานคงเหลือน้อย เราต้องเร่งสะสมเงินให้มากด้วยการลงทุน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย ประการที่ 3 ต้องพิจารณาด้านสุขภาพ เพราะนอกจากต้องมีสุขภาพด้านการเงินที่ดีแล้ว สุขภาพกายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่มีใครอยากเกษียณโดยที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ ดังนั้น ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จึงสามารถบรรลุเป้าหมายได้ หากสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยง่าย ต้องเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายสุขภาพเพิ่มในอนาคตด้วย หรืออาจพิจารณาในเรื่องประกันสุขภาพเพิ่มเติม และสุดท้าย คือ พิจารณาสารพัดภาระ ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้การผ่อนบ้าน ภาระการส่งลูกเรียนหนังสือ รวมถึงภาระเบี้ยประกัน ว่าเราเคลียร์ภาระหนี้สินทั้งหมดแล้วหรือยัง สามารถปลดภาระหนี้ทั้งหมดได้ก่อนเกษียณหรือไม่ หรือมีการกันเงินบางส่วนไว้สำหรับภาระต่างๆ ครบหรือยัง ทางที่ดีควรมีการจัดการสารพัดหนี้ที่มีให้หมดก่อนการเกษียณ จึงจะใช้ชีวิต “เกษียณอย่างเกษม” ได้ (http://www.clipmass.com/upload/news/44/43696_full.jpg) ส่วนคำแนะนำในการออมและการลงทุนวัยเกษียณนั้น แบงก์กสิกรแนะนำตามประโยชน์อยู่ 4 แนวทาง หลักๆ ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับพนักงานบริษัทเอกชนที่บริษัทมีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยเมื่อเราเริ่มทำงานก็สามารถเริ่มต้นออมเงินสำหรับการเกษียณอายุได้ ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากลูกจ้างมีการใส่เงินสะสมในกองทุน ขณะที่นายจ้างต้องใส่เงินสมทบในปริมาณไม่น้อยกว่าเงินที่ลูกจ้างได้ใส่เงินสะสมไว้นั่นเอง นั่นก็หมายความว่ายิ่งเราใส่เงินสะสมมากเท่าไร นายจ้างยิ่งต้องใส่เงินสมทบมากเท่านั้นหรือมากกว่า ที่สำคัญเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 5 แสนบาทต่อปี ถัดมา คือ กองทุนประกันสังคม สำหรับลูกจ้างเช่นกัน โดยกองทุนประกันสังคมมีสิทธิประโยชน์ในส่วนของบำเหน็จและบำนาญชราภาพ นอกจากนั้น ก็แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่มีสวัสดิการเพื่อการเกษียณใดๆ แต่ต้องการออมสำหรับเกษียณ หรือผู้ที่มีสวัสดิการแล้ว แต่ต้องการออมเพิ่มขึ้นสำหรับเป้าหมายเกษียณในอนาคต และสุดท้าย คือ ประกันชีวิต ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการออมเงินสำหรับการเกษียณที่มีความคุ้มครองควบคู่กับการออม ไหนๆ ก็หนี “แก่” ไม่พ้นแล้ว ขอ “แก่” อย่างมีคุณภาพล้นแก้ว ! ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20131020/170860.html (http://www.komchadluek.net/detail/20131020/170860.html) http://www.paoyingshub.com/ (http://www.paoyingshub.com/) http://110.164.64.137/ (http://110.164.64.137/) http://www.clipmass.com/ (http://www.clipmass.com/) หัวข้อ: Re: คำว่า “แก่” ถือเป็นคำไม่สุภาพ..ตามมาตรฐานหญิงไทย เริ่มหัวข้อโดย: KIDSADA ที่ ตุลาคม 20, 2013, 01:43:39 pm :c017:
|