สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 22, 2013, 12:08:24 pm



หัวข้อ: 'วัดอรุณ-วัดหลิงกวง ปักกิ่ง' ลงนามเป็นวัดพี่วัดน้อง
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 22, 2013, 12:08:24 pm

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/10/22/cf8hg7gebkiia8jdahhkf.jpg)

'วัดอรุณ-วัดหลิงกวงปักกิ่ง' ลงนามเป็นวัดพี่วัดน้อง

'วัดอรุณ-วัดหลิงกวงปักกิ่ง'ลงนามเป็นวัดพี่วัดน้อง สานความร่วมมือพุทธไทย-จีน : สมหมาย สุภาษิต รองผอ.สำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มจร รายงาน

ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2556 พุทธสมาคมและทบวงศาสนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนจีนได้อาราธนาและเชิญคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เดินทางไปยังนครปักกิ่ง โดยการนำของ พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี  กรรมการมหาเถรสมาคม และการประสานงานโดยพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร พร้อมคณะผู้บริหาร

เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาพระพุทธศาสนาและความร่วมมือด้านกิจการพระพุทธศาสนาระหว่างประเทศไทยและ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เดินทางไปยังวัดหลิงกวง เป็นวัดที่ประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้วซึ่งเคยอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อให้ชาวไทยได้สักการะบูชา เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

 ans1 ans1 ans1

เมื่อคณะเดินทางไปถึง ได้ประกอบพิธีถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพระพุทธศาสนาแด่ท่านพระธรรมาจารย์ฉางจ่าง เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง โดยมีพระธรรมาจารย์ฉวนอิ้น ประธานพุทธสมาคมจีน เป็นประธาน หลังพิธีถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้มีพิธีลงนามความเป็นวัดพี่วัดน้องระหว่างวัดหลิงกวง นครปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานครประเทศไทย

โดยมีพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ และท่านพระธรรมาจารย์ฉางจ่าง เจ้าอาวาสวัดหลิงกวง ลงนามร่วมกัน จากนั้นท่านธรรมาจารย์ฉวนอิ้น และพระพรหมบัณฑิตได้กล่าวปาฐกถาถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนาไทย-จีน ณ บริเวณพระมหาเจดีย์พระธาตุเขี้ยวแก้ว

 st12 st12 st12

พระพรหมบัณฑิต กล่าวว่า "ความสัมพันธ์ทางด้านพระพุทธศาสนาระหว่างไทย-จีนนั้นมีมายาวนาน ตามที่พุทธสมาคมจีน ได้อาราธนาและเชิญผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาในครั้งนี้ นับเป็นการสานสัมพันธ์ทางด้านพระพุทธศาสนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะได้เข้าสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์อย่างใกล้ชิด นับเป็นโอกาสอันดียิ่งและที่สำคัญได้ เดินทางไปยังสำนักงานทบวงกิจการศาสนาของจีนโดยได้พบปะหารือกับนายเจียงเจียงหยง รัฐมนตรีช่วยว่าการทบวงกิจการศาสนา พร้อมคณะ และได้หารือประเด็นต่างๆ

โดยเฉพาะจีน สนใจความเจริญก้าวหน้าของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในด้านการจัดงานวิสาขบูชาโลกและการตั้งสภาสากลวิสาขบูชาโลก  กระทั่งองค์การสหประชาชาติให้การรับรองแล้ว และทั้งสองฝ่ายต่างมีความเห็นว่าควรจัดงานวิสาขบูชาโลกพร้อมกับการจัดงานประชุมชาวพุทธโลกซึ่งได้จัดในประเทศจีนมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งจะเป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในดินแดนมังกรครั้งสำคัญ"



(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/10/22/955e5ba9jag6eebgkd9hj.jpg)


จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังวัดหลงกวน โดยมี พระอาจารย์เซ่อเฉิง เจ้าอวาส รองประธานพุทธสมาคมจีนและรองประธานสภาสากลวิสาขบูชาโลกถวายการต้อนรับ ซึ่งพระพรหมบัณฑิตได้ปาฐกถาธรรมพิเศษให้พระสงฆ์และชาวพุทธจีนได้รับฟัง

วันที่ 16 ตุลาคม 2556 ได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยปักกิ่งเพื่อพบปะกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัย โดยทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้อาราธนาและเชิญผู้บริหารเข้าเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยและได้หารือด้านความร่วมมือทางด้านการศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดทั้งในและต่างประเทศ และถือเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยของจีนในระดับนานาชาติมาโดยตลอด และถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ใน 10 อันดับของจีน ดังนั้น มหาวิทยาลัยปักกิ่งจึงมีนักศึกษาที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศมากที่สุดของจีน

 gd1 gd1 gd1

แล้วคณะได้เดินทางไปยังวัดลามะ ซึ่งเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปทัศนศึกษาจำนวนมาก โดยมีเจ้าอาวาสวัดลามะให้การต้อนรับ ภายในบริเวณวัดมีห้องจัดแสดงนิทรรศการหลายห้องซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าที่มีความหมายทางวัฒนธรรมและภาพเขียนที่มีขององค์ดาไลลามะ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระศรีอริยเมตไตรยที่มีความสูง 18 เมตร ซึ่งแกะสลักเป็นชิ้นเดียวจากไม้จันทน์หอม

ความร่วมมือทางด้านพระพุทธศาสนาระหว่างประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน เป็นการดำเนินการตามแนวนโยบายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งวางแนวทางในการเชื่อมสัมพันธไมตรีทางด้านพระพุทธศาสนาไว้

 :25: :25: :25:

นอกจากนี้ยังเป็นไปดำเนินการที่สอดคล้องตามแนวนโยบายแห่งรัฐที่ได้เชื่อมสัมพันธ์กันในด้านการปกครองของทั้งสองประเทศ ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดีในอันที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20131022/171036.html (http://www.komchadluek.net/detail/20131022/171036.html)