สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

จากข้อจำกัดของผู้พิการทางสายตาที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ส่งผลให้การเรียนรู้โดยการอ่านหนังสือทำได้เฉพาะอ่านจากตัวอักษรเบรลล์ ซึ่งเป็นอักษรเฉพาะของคนตาบอด

ซึ่งแม้การรับรู้ทางสายตาจะมีข้อจำกัด แต่การใช้ “หู” เพื่อ “ฟัง” ให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นอีกวีธีหนึ่งที่ช่วยเปิดโลกกว้างแห่งการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตาได้โดยอาศัย “หนังสือเสียง” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งคลังความรู้ของผู้พิการทางสายตาที่มีอยู่กว่า 7 แสนคนในประเทศไทย

ทั้งนี้ “หนังสือเสียง” ในปัจจุบันยังถือว่ามีจำนวนน้อยอยู่ และต้องอาศัยอาสาสมัครในการเข้าไปอ่านหนังสือเพื่ออัดเสียง ทำเป็นหนังสือเสียง ที่มูลนิธิคนตาบอดไทย หรือตามห้องสมุดเพื่อคนตาบอดต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องอาศัยเวลา และความสะดวกในการเดินทางกว่าจะอ่านหนังสือจบ และทำเป็นหนังสือเสียงที่เสร็จสมบูรณ์เล่มหนึ่ง

อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของผู้พิการทางสายตา ทางบริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด จึงได้ร่วมกับ เว็บไซต์กูเกิล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส เปิดตัวแอพพลิเคชั่น รีด ฟอร์ เดอะ ไบลด์ ( Read for the Blind) เชิญชวนประชาชนทั่วไปมาร่วมสร้างหนังสือเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา ผ่านแอพพลิเคชั่นได้ทุกที่ทุกเวลา

 ans1 ans1 ans1

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้คิดริเริ่มที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่น รีด ฟอร์ เดอะ ไบลด์ กล่าวว่า แนวคิดที่อยากพัฒนาแอพพลิเคชั่นเกิดจากการไปเดินห้างสรรพสินค้าแล้วเห็นมุมที่ให้คนที่สนใจอ่านหนังสือเสียงให้คนตาบอด แต่เมื่อเข้าไปติดต่อคิวยาวหลายชั่วโมงจนไม่สามารถรอได้ หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์จึงมีโอกาสเดินทางไปอ่านหนังสือที่มูลนิธิคนตาบอดไทยก็พบข้อจำกัดเรื่องสถานที่ และการเดินทาง

จึงเห็นว่าโทรศัพท์มือถืออัดเสียงได้อยู่แล้ว น่าจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาช่วย โดยให้คนอ่านอัดเสียงแล้วอัพโหลดผ่านอินเทอร์เน็ตขึ้นไปไว้ในระบบคลาวด์และเซิร์ฟเวอร์ได้เลย จึงได้นำเรื่องเข้าหารือกับคุณอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ บริษัท กูเกิล ประเทศไทย จำกัด และซัมซุง ซึ่งทางซัมซุงก็ยินดีที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เกิดขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ

    “จากแนวคิดเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ง่าย แต่พอมาพูดคุยกันเป็นเรื่องที่ใหญ่และไม่ง่าย เนื่องจากต้องมีระบบและเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และจะทำอย่างไรให้สามารถที่จะกลับมาอ่านต่อ ได้ในกรณีที่อ่านไม่จบ หรือให้คนที่สนใจเข้ามาช่วยเลือกอ่านบทต่อ ๆ ไปได้ จึงต้องหารือกับพันธมิตรต่าง ๆ ทั้ง ซัมซุง กูเกิล เอไอเอส และเอสซีบี เพื่อให้สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นออกมาให้ได้”

 :welcome: :welcome: :welcome:

ด้าน นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันหนังสือเสียงในห้องสมุดคนตาบอด และผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติมีอยู่ไม่ถึง 7,000 เล่ม ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนถือเป็นของคู่กายคนตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว เมื่อทราบแนวคิดก็พร้อมที่จะสนับสนุน โดยเริ่มตั้งโครงการนี้ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาโดยใช้คนจำนวนมาก และใช้เวลาพัฒนาแอพพลิเคชั่นประมาณ 6 เดือน

    “แอพพลิเคชั่นนี้รองรับทั้งในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และไอโอเอส ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถสร้างหนังสือเสียงได้มากกว่า 3 ,000 เล่ม และมีบทความ 3 หมื่นบทความภายในสิ้นปีนี้ และมีจำนวนยอดผู้ดาวน์โหลดแอพนี้กว่า 2 แสนคนภายใน 1 ปี อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดตัวไม่นานข่าวสารแพร่กระจายตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทำให้มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมากส่งผลให้ใน 1 นาที สามารถสร้างหนังสือเสียงได้ 50 เล่ม จนเซิร์ฟเวอร์เต็ม จึงพูดคุยวางแผนกับทีมงานเพื่อแก้ปัญหาขยายเซิร์ฟเวอร์ให้มากขึ้น”

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทได้สนับสนุนโครงการ เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเพิ่มเติมความรู้ได้ โดยได้สนับสนุนค่าเซิร์ฟเวอร์ จำนวน 1 ล้านบาท และยกเว้นค่าบริการอินเทอร์เน็ตผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ตลอดการใช้งานสำหรับลูกค้าบนเครือข่ายเอไอเอส 3 จี 2100 คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ทั้งนี้สำหรับขั้นตอนการสร้างหนังสือเสียงนั้น เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน กูเกิลเพลย์ สโตร์ และ แอพ สโตร์ แล้ว ให้เปิดแอพพลิเคชั่น ขึ้น แล้วให้ล็อกอิน เข้าเฟซบุ๊ก เฉพาะครั้งแรกของการใช้งานแอพพลิเคชั่นเท่านั้น เมื่อต้องการสร้างหนังสือเสียง ให้กด + เพื่อสร้างหนังสือเสียงเล่มใหม่ที่ยังไม่มีการสร้างไว้ หรือกดเสิร์ช เพื่อค้นหาชื่อหนังสือที่ต้องการอ่านร่วมกับผู้ที่เคยสร้างไว้ในระบบแล้ว

ซึ่งหากเราต้องการสร้างหนังสือใหม่ต้องถ่ายรูปหน้าปก ใส่ข้อมูลหนังสือ ชื่อหนังสือ สำนักพิมพ์ ผู้แต่ง และจำนวนบท ฯลฯ ซึ่งหนังสือที่สร้างไว้จะปรากฏที่ด้านหน้า ให้คลิกเข้าไปเริ่มอ่านได้เลย หรือหากเป็นหนังสือที่มีการสร้างไว้แล้ว ก็เลือกคลิกเข้าไปที่หน้าปกหนังสือที่ต้องการอ่านเลย

 :s_good: :s_good: :s_good:

ส่วนขั้นตอนการอัดเสียงให้กดอ่านเพิ่มบทใหม่ และเริ่มบันทึกเสียง ซึ่งเมื่อบันทึกเสียงเสร็จแล้วให้กดที่เครื่องหมายถูก จากนั้นให้ใส่ข้อมูลรายละเอียดของบทที่อ่าน แล้วกดปุ่มบันทึกเสียงบนหนังสือ

เพื่ออัพโหลดเสียงขึ้นระบบ และในระหว่างการอัดเสียง ถ้าต้องการหยุดให้กดปุ่มหยุด และ กดปุ่มเพลย์ ( Play ) เมื่อต้องการฟังซ้ำ และยังสามารถเลื่อนแถบสีเขียว เพื่อไปยังตำแหน่งที่ต้องการอัดทับ และกดอัดเสียงอีกครั้งเพื่ออัดทับในจุดที่ผิด

และเมื่อออกจากแอพพลิเคชั่นแล้ว ไฟล์เสียงล่าสุดจะถูกเซฟไว้ที่แอพพลิเคชั่น สามารถกลับเข้ามาอ่านหนังสือต่อจากเดิมได้ แต่หากต้องการอ่านเล่มใหม่ต้องอ่านหนังสือเดิมที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อน

 :s_hi: :s_hi: :s_hi:

สำหรับหนังสือเสียงที่ผู้พิการทางสายตาต้องการฟัง เช่น ที่สุดของอาเซียน พูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน วันดับโลก เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน อยู่ง่าย ๆ ให้อายุยืน ฯลฯ

ผู้ที่สนใจแบ่งปันความรู้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น พร้อมอัดเสียงอ่านของตนเพื่อช่วยกันเปิดโลกความรู้กับผู้พิการทางสายตากัน.

จิราวัฒน์ จารุพันธ์
jirawatj@dailynews.co.th

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=189405 (http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=189405)

การอ่านหนังสือให้ผู้พิการทางสายตาฟัง แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากข้อจำกัดในแบบเดิม ทั้งเรื่องของเวลาของผู้อ่าน สถานที่ที่ต้องถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการอ่าน กระบวนการและขั้นตอนในการผลิตมีความยุ่งยาก ทำให้เกิดภาวะหนังสือเสียงเพื่อผู้พิการทางสายตาขาดแคลน

ข้อมูลจากห้องสมุดสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ระบุว่า มีหนังสือเสียงเพียง 7,000 เล่มเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก และไม่เพียงพอต่อผู้พิการ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทั้งทางด้านการศึกษา ความรู้ ความบันเทิง เป็นต้น ในยุคที่สมาร์ทโฟนครองเมืองกันอย่างแพร่หลาย การสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนในสังคมจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 :welcome: :welcome: :welcome:

ล่าสุด ในกลุ่มผู้พิการทางการมองเห็นนั้น ได้มีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Read for the Blind” เป็นการเชิญชวนให้คนไทยทุกคนมาอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ผ่านแอพพลิเคชั่นที่รองรับโทรศัพท์มือถือทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เรียกได้ว่าเพียงแค่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถสร้างหนังสือเสียงได้ทุกที่ทุกเวลากันเลยทีเดียว

นายต่อพงศ์ เสลานนท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงโครงการ Read for the Blind ว่า เป็นช่องทางการสื่อสารอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมองในแง่ของความต่อเนื่องของการอ่านด้วย ทุกวันนี้่ช่องทางหลักของการผลิตหนังสือเสียงมีอยู่ 2 ช่องทาง ประกอบด้วย 1.อาสาสมัครมาอ่านตามสมาคมและโรงเรียนคนตาบอดต่างๆ และ 2.อาสาสมัครนำหนังสือกลับไปอ่านที่บ้าน ก่อนที่จะส่งไฟล์เสียงกลับมา

 ans1 ans1 ans1

การอ่านหนังสือของผู้พิการทางสายตาด้วยอักษรเบรลล์ เป็นพื้นฐานของการอ่านเท่านั้น การผลิตหนังสืออักษรเบรลล์ในปัจจุบันมีต้นทุนที่สูงมาก ข้อมูลปกติขนาด 1 หน้ากระดาษ หากจะผลิตเป็นหนังสืออักษรเบรลล์ต้องใช้กระดาษถึง 3 แผ่น ปริ้นท์ด้วยเครื่องพิมพ์เฉพาะ ซึ่งมีราคาแพง จึงนิยมผลิตหนังสืออักษรเบรลล์เฉพาะหนังสือที่สำคัญเท่านั้น

   “หนังสือเป็นภูมิปัญญาของคนในสังคม ที่สั่งสมออกมาในรูปแบบของตัวอักษร หนังสือยังสะท้อนความเป็นอารยชน หนังสือในประเทศไทยมีมากมาย แต่พอมาเป็นหนังสือสำหรับกลุ่มคนตาบอดจะมีน้อยมาก”

 :s_good: :s_good: :s_good:

ปัจจุบันการเข้าถึงหนังสือเสียงของกลุ่มผู้พิกาทางสายตา นับว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถบันทึกไฟล์เสียงในรูปแบบดิจิตอลได้ ง่ายต่อการใช้ การผลิตซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยม คือ
      บริการข้อมูลข่าวสารผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อคนตาบอด หรือห้องสมุดหนังสือเสียงผ่านโทรศัพท์ฟรี ที่หมายเลข 1414 ที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาได้โทรศัพท์เข้ามายังหมายเลขดังกล่าว เพื่อรับฟังหนังสือเสียงผ่านโทรศัพท์ สามารถเลือกเรื่องที่ต้องการฟังได้ตามความสนใจ
      แต่ละเดือนมีผู้โทรเข้ามามากกว่า 1 แสนราย และมีผู้มาใช้บริการหลายหมื่นคน โดยผู้ที่ใช้บริการนอกจากจะเป็นผู้พิการทางสายตาแล้ว ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุที่โทรเข้ามาฟังหนังสือเสียงทางโทรศัพท์อีกด้วย

     “กลุ่มคนตาบอดเราอยากมีคลื่นวิทยุเป็นของตัวเอง อาจจะเป็นคลื่นเอเอ็มก็ได้ ที่สามารถเปิดหนังสือเสียงได้ตลอด 24 ชั่วโมง คล้ายๆ Radio Magazine ที่มีผังรายการชัดเจน ประโยชน์ที่จะได้รับไม่ใช่แค่คนตาบอดอย่างเดียว แต่กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่ขาดโอกาสในชนบทก็จะได้เข้าถึงด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับสื่ออื่น สื่อวิทยุที่เราต้องการถือว่ามีต้นทุนที่ราคาถูกที่สุดแล้ว”

 :49: :49: :49:

สำหรับแนวคิดในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Ready to the Blind เกิดขึ้นจากวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา และใช้ชีวิตแบบไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่เหล่านี้ ก็มีความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งการสร้างหนังสือเสียงผ่านแอพพลิเคชั่น Ready to the Blind ก็เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างง่ายดาย

ด้าน ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ คอมมูนิเคชั่น และสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ในฐานะบุคคลที่ใช้แอพพลิเคชั่น Ready to the Blind สร้างหนังสือเสียง กล่าวว่า แอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะช่วยให้คนทั่วไปสามารถสร้างหนังสือเสียงเพื่อผู้พิการทางการมองเห็นได้อย่างง่ายดาย จากเดิมการอ่านหนังสือให้แก่ผู้พิการเหล่านี้ต้องเดินทางไปอ่านตามสตูดิโอที่มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่อการอ่านโดยเฉพาะ มีการเตรียมหนังสือไว้ให้อ่านตามที่กำหนด และมีผู้ที่ต้องการไปอ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องรอคิวนาน

 :96: :96: :96:

แอพพลิเคชั่น Ready to the Blind จะช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างหนังสือเสียงได้ง่ายทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องไปอ่านในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ อ่านผิดสามารถย้อนกลับมาแก้ไขด้วยการอ่านซ้ำในวินาทีที่ตนเองอ่านผิด สามารถอ่านหนังสือที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ หากต้องการอ่านหนังสือที่ตัวเองชื่นชอบก็สามารถถ่ายรูปหน้าปกหนังสือเพิ่มเข้าไปและอ่านได้ทันที

    “ผมจะอ่านบทความของตัวเองที่เขียนให้ทางนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ความยาวหนึ่งหน้าครึ่ง ใช้เวลาอ่านบทความแต่ละครั้งประมาณ 5 นาที ผมมองว่าคนตาบอดคงอยากฟังเรื่องราวที่หลากหลาย ไม่ใช่เพียงข่าวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ละปีเรามียอดขายสมาร์ทโฟนมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ถ้าแต่ละปีมีคนใช้แอพพลิเคชั่นนี้แค่ 10% ก็จะสามารถสร้างหนังสือเสียงได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาการอ่านหนังสือของผู้พิการทางการมองเห็น จะมีการอ่านหนังสือผ่านอักษรเบรลล์เท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการนำมาหนังสือต้นฉบับมาพิมพ์ใหม่เป็นอักษรเบรลล์ ถือเป็นการผลิตซ้ำ ทำให้มีปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์ จากจำนวนหนังสือที่มีน้อย ยิ่งทำให้กลายเป็นข้อจำกัดของการเข้าถึงการอ่านของผู้พิการทางการมองเห็น

 ans1 ans1 ans1

สำหรับขั้นตอนการสร้างหนังสือเสียงผ่านแอพลิเคชั่น Ready to the Blind นั้น สามารถดาวน์โหลดบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บแล็ตได้ที่ Google Play Store หรือ App Store แอพฯ จะทำการบันทึกเสียงด้วยเทคโนโลยี Voice Recorder เพื่อบันทึกเสียงการอ่านหนังสือ ผู้อ่านสามารถเลือกหนังสือที่ยังไม่มีคนอื่นอ่านได้ เมื่อทำการบันทึกเสียงเสร็จแล้ว ไฟล์เสียงดังกล่าวจะถูกอัพโหลดไปที่ระบบของมูลนิธิคนตาบอด ก่อนจะนำไฟล์เสียงที่ได้นั้น ไปแปลงไฟล์ให้เป็นระบบเดซี 3 เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับคนตาบอด

หนังสือเสียงที่ถูกทำขึ้นผ่านแอพพลิเคชั่น Ready to the Blind จะช่วยให้ผู้พิการทางการมองเห็น สามารถค้นหาหนังสือเสียงที่ตัวเองสนใจ ทำสำเนาได้ง่ายขึ้น สามารถคั่นหน้าที่อ่านได้ เพื่อการนำกลับมาเปิดฟังในภายหลัง โดยมีการตั้งเป้าหมายว่าจะมีการสร้างหนังสือเสียงผ่านแอพพลิเคชั่น Ready to the Blind กว่า 3,000 เล่ม หรือ 30,000 บทความ จากจำนวนผู้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นกว่า 200,000 คน ภายในเวลา 1 ปี

     “การอ่านทำให้เราใจเย็น มีสมาธิจดจ่อกับคำพูด ถ้าใจร้อนจะอ่านข้าม อ่านผิด ทำให้ต้องกลับมาแก้ไขใหม่ นอกจากจะเป็นการช่วยคนอื่นด้วยแล้ว ยังเป็นการฝึกตัวเองและได้ความรู้อีกด้วย อยากให้คนลองมาอ่านดูจะได้เอาสมาธิมาอยู่กับตัวเอง”.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/life/377091 (http://www.thairath.co.th/content/life/377091)