สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 08, 2013, 08:20:29 am



หัวข้อ: ผลวิจัยชี้ “พูด 2 ภาษา” ช่วยชะลออาการ “ความจำเสื่อม” แม้ในคนไม่รู้หนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 08, 2013, 08:20:29 am

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000014527301.JPEG)

ผลวิจัยชี้ “พูด 2 ภาษา” ช่วยชะลออาการ “ความจำเสื่อม” แม้ในคนไม่รู้หนังสือ

เอเอฟพี – คนที่พูดได้ 2 ภาษามีโอกาสป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมช้ากว่าคนปกตินานหลายปี ไม่ว่าพวกเขาจะอ่านออกเขียนได้หรือไม่ก็ตาม ผลวิจัยซึ่งเผยแพร่วานนี้(6) ระบุ
       
       ผลการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยาของสหรัฐฯ นับเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่ยืนยันว่าการพูดได้ 2 ภาษา (bilingualism) มีผลช่วยในการป้องกันโรคความจำเสื่อม แม้แต่ในผู้ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้       
       ทีมวิจัยได้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 648 คนในอินเดียซึ่งล้วนแต่มีอาการความจำเสื่อมในบางรูปแบบ โดยอายุเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างคือ 66 ปี
       
       จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า คนที่พูดได้ 2 ภาษาเริ่มมีอาการความจำเสื่อมช้ากว่าคนที่พูดภาษาเดียวราว 4-4 ปีครึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะรู้หนังสือหรือไม่ก็ตาม     
       ทั้งนี้ ร้อยละ 14 ของกลุ่มตัวอย่างเป็นประชากรที่ไม่รู้หนังสือ       
       คนพูด 2 ภาษามีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ และภาวะความจำเสื่อมจากหลอดเลือดในสมองตีบช้ากว่าคนทั่วไป โดยความแตกต่างเรื่องระดับการศึกษา, เพศ, อาชีพ หรือถิ่นที่อยู่อาศัยนั้นไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ


        ans1 ans1 ans1

       สุวรรณา อัลลาดี ผู้เรียบเรียงงานวิจัยจากสถาบันการแพทย์นิซามในเมืองไฮเดอราบัด กล่าวว่า “ผลการศึกษาของเราเป็นชิ้นแรกที่ยืนยันถึงประโยชน์ของการพูดได้ 2 ภาษาในกลุ่มคนที่อ่านหนังสือไม่ออก”
       
       “ในกรณีนี้ระดับการศึกษาของบุคคลไม่สามารถใช้อธิบายความแตกต่างที่พบได้... การพูดได้มากกว่า 1 ภาษาอาจมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองส่วนที่ควบคุมการจัดการและความมีสมาธิ ซึ่งจะทำให้คนเกิดภาวะความจำเสื่อมช้าลง”
       
       อย่างไรก็ดี ผลวิจัยไม่พบว่าผู้ที่พูดได้มากกว่า 2 ภาษาจะมีเกราะป้องกันความจำเสื่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000138768 (http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000138768)