สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2013, 09:20:24 am



หัวข้อ: ตะลึง! คนไทยติดหวาน กินน้ำตาลคนละ 30 กก./ปี ทำผู้ป่วยเบาหวานพุ่ง!
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2013, 09:20:24 am
(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2013/11/14/382789/hr1667/630.jpg)

ตะลึง! คนไทยติดหวาน กินน้ำตาลคนละ 30 กก./ปี ทำผู้ป่วยเบาหวานพุ่ง!

กระทรวงสาธารณสุขเผย คนไทยบริโภคน้ำตาลสูงถึงคนละเกือบ 30 กก.ต่อปี สูงเกิินมาตรฐาน 3 เท่าตัว ย้ำเตือนประชาชนลดกินหวาน เลี่ยงน้ำอัดลม เครื่องดื่มรสหวานจัด เพิ่มการออกกำลังกาย ป้องกันเบาหวาน เผยพบผู้ป่วยพุ่งกว่า 3 แสนคน โดย 1 ใน 3 ไม่รู้ตัวว่าป่วย...

วันที่ 13 พ.ย. 56 พญ.พรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 14 พ.ย.ของทุกปี ทางองค์การอนามัยโลกและสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ ได้กำหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) โดยในปีนี้ได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์ว่า "พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน" เน้นการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจแก่กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย และประชาชนทั่วไปให้ตระหนักภัยจากโรคเบาหวาน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อป้องกันการป่วย

โดยในปี พ.ศ.2548 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้โรคเบาหวานเป็นโรคที่อันตรายเทียบเท่าโรคเอดส์ เนื่องจากแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากเบาหวานประมาณ 3.2 ล้านคน ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ราว 3 ล้านคน รายงานล่าสุดขณะนี้ ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานกว่า 371 ล้านคน หากไม่มีการดำเนินการใดๆ จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 552 ล้านคน ในปี พ.ศ.2573

 :49: :49: :49:

สำหรับประเทศไทย จากการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ปี พ.ศ. 2554 พบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่กว่า 300,000 คน โดย 1 ใน 3 ไม่รู้ตัวว่าป่วย และพบคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเสี่ยงป่วยเบาหวานอีก 2 ล้านคน สาเหตุที่คนไทยป่วยเป็นเบาหวานกันมาก เนื่องจากบริโภคน้ำตาลสูงถึงคนละ 29.6 กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 20 ช้อนชา ซึ่งสูงเกินกว่ามาตรฐานถึง 3 เท่าตัว

โดยองค์การอนามัยโลกกำหนดให้บริโภคน้ำตาลเฉลี่ยคนละ 6-8 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัมต่อวัน หรือไม่เกินคนละ 10 กิโลกรัมต่อปี ประการสำคัญยังพบว่ามีคนไทย 17 ล้านคน ดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มรสหวานจัดอื่นๆ ทุกวัน โดยในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ขนาดบรรจุ 325 ซีซี. มีปริมาณน้ำตาลทราย 35 กรัม บางครัวเรือนนิยมแช่น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มรสหวานจัดอื่นๆ ในตู้เย็นไว้ดื่มแทนน้ำเปล่า เพราะเชื่อว่าดื่มแล้วจะสดชื่นกว่าน้ำเปล่าทั่วไป ซึ่งจะเป็นอันตรายจะเป็นการสร้างค่านิยมติดหวาน เพิ่มความเสี่ยงเป็นเบาหวาน

 :happybirthday3: :happybirthday3: :happybirthday3:

ทั้งนี้ โรคเบาหวาน ขณะนี้พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยอาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป เป็นภัยที่เกิดเงียบๆ ซึ่งสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานในผู้ใหญ่ ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยและมากกว่าปกติ คอแห้ง กระหายน้ำ และดื่มน้ำมากผิดปกติ หิวบ่อย กินจุแต่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ซึมและหายใจหอบเหนื่อยง่าย ปัสสาวะทิ้งไว้มีมดตอม เป็นแผลเรื้อรัง แผลหายช้า คันตามผิวหนัง หากมีอาการเหล่านี้ขอให้พบแพทย์

ส่วนในเด็ก ผู้ปกครองสามารถสังเกตได้จากน้ำหนักตัวและรูปร่างของลูกว่าเริ่มมีภาวะอ้วน หากมีรอยดำปรากฏที่รอบต้นคอ ใต้รักแร้ หรือขาหนีบ ถูไม่ออก เด็กบางรายอาจปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน ขอให้สงสัยว่าลูกอาจเป็นเบาหวาน ให้พาไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ

 :coffee2: :coffee2: :coffee2:

ในปีงบประมาณ 2557 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะให้สถานบริการทั่วประเทศ ตรวจคัดกรองเบาหวานครอบคลุมคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทุกพื้นที่ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 เพื่อให้การดูแล ให้คำปรึกษา และความรู้การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ทั้งผู้ที่ยังไม่ป่วย ผู้ที่เสี่ยงป่วย และผู้ที่ป่วยแล้ว เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้มีสุขภาพดี โดยใช้หลัก 3 อ. 2 ส. ได้แก่

    1.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่พอเหมาะ กินผัก-ผลไม้เพิ่มขึ้น กินปลาและเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รสหวานหรือเค็มมากเกินไป ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ และน้ำอัดลม
    2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาทีและ
    3.ทำจิตใจอารมณ์ให้แจ่มใส

    ส่วน 2 ส. คือ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา
    นอกจากนี้ ควรจำกัดชั่วโมงการเล่นคอมพิวเตอร์และดูโทรทัศน์ของลูกหลานไม่ให้เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากเด็กจะกินอาหารเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดใน 3 เรื่อง คือ ควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยาควบคุมอาการ เพราะโรคนี้ยังไม่มียารักษาหายขาด ซึ่งการปฏิบัติตัวดังกล่าว จะช่วยให้การรักษาของแพทย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/edu/382789 (http://www.thairath.co.th/content/edu/382789)