หัวข้อ: ฝึกทิพยจักษุญาณ ด้วยการเพ่งกสิณ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 23, 2013, 06:41:19 am (http://sitluangporthob.com/picture/webboard_show/reply/large/2012_06_22_21_23_121.jpg) สมาธิกสิณเพื่อการทำลายความเคลือบแคลงสงสัย การฝึกสมาธิด้วยการเพ่งกสิณ เมื่อฝึกไปได้สักระยะ เมื่อผู้ปฏิบัติมีความชำนาญดีแล้วจะมีความสามารถพิเศษกว่าสมาธิแบบอื่นๆ เพราะสามารถที่จะจดจำภาพหรือหน้าคนได้ในเสี้ยววินาทีเพียงแค่เดินผ่าน อาจจะเรียกได้ว่าจิตจะสามารถจดจำได้ราวกับกล้องถ่ายรูป พอกำหนดจิตเรียกนิมิตมาให้เห็นได้อย่างละเอียดยิบเหมือนมองด้วยตาเห็น นี่เป็นจิตที่ฝึกกสิณมาแล้ว นิมิตก็จะมีหลายแบบ มีนิมิตโดยทั่วไปที่เราไม่ได้ตั้งใจจะจำ กับนิมิตถาวรที่เราสามารถหลับตาลงไปแล้วเรียกนิมิตมาให้ปรากฏ หรือจะเป็นนิมิตที่เราทำสมาธิจนจิตสัมผัสได้ถึงนิมิตที่ต้องการให้เราเห็น นิมิตที่เห็นนี้ไม่ว่าเราจะย่อขยายอย่างไร ภาพนิมิตก็ยังแจ่มชัดภาพไม่แตก เช่น ณ ที่นั้นเป็นนิมิตของเมืองบังบดหรือพญานาค ก็จะมีนิมิตเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาในจิตได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าเราเป็นนักวาดภาพแล้วได้นิมิตอย่างนี้ พญานาคที่เราเห็นแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดจะไม่เหมือนใคร เพราะว่าจิตเราเห็นนิมิตของพญานาคแจ่มชัด :96: :96: :96: อย่างการเพ่งกสิณจากพระอาทิตย์เหมือนกัน ช่วงเวลาและสถานที่ที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลในตอนเช้า เพราะว่าจะมีธาตุน้ำคอยหุ้มความร้อนจากพระอาทิตย์ ซึ่งจะเพ่งกสิณได้ลึกว่าพระอาทิตย์ที่ขึ้นจากทิวเขา หรือว่าตอนพระอาทิตย์ตกทะเล ถ้าเพ่งติดกัน 3-5 วันก็จะเห็นผลที่ชัดเจน แล้วแต่ว่าบุญใครบุญมันที่เคยฝึกด้านนี้มาก่อน จะรู้ได้เลยว่าลืมตากับหลับตามีค่าเท่ากัน บางครั้งหลับตาจะเห็นนิมิตชัดกว่าลืมตาเสียอีก ยิ่งมีสมาธิที่ตั้งมั่นดีแล้วภาพจะไม่ล้ม การฝึกอย่างนี้จะเป็นผลให้ได้ญาณ เพราะญาณแรกๆ ของการฝึกสมาธิคือ ทิพยจักษุญาณ (http://board.plungjai.com/index.php?action=dlattach;topic=725.0;attach=2625;image) แต่ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อทำลายความเคลือบแคลงสงสัย เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง เพราะหากไม่มีญาณต่างๆ จิตจะทำลายความเคลือบแคลงสงสัยได้ไม่หมดสิ้น ในทุกเรื่องทุกอย่างจะมีคำถามอยู่ตลอด เมื่อจิตรู้เรื่องญาณหมดสิ้นแล้ว ต่อไปจิตจะดำเนินไปสู่กระบวนการอบรมจิตให้เข้าไปสู่จิตที่หลุดพ้น พอจิตหลุดพ้น สิ่งที่ต้องรู้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้อีกแล้ว แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้มันยังมีความลังเลสงสัยในธรรมเยอะมาก ญาณพวกนี้จะทำให้เราเข้าใจทั้งหมด หมดสิ้นความสงสัยทั้งสิ่งที่เห็น สิ่งที่ไม่เห็น พอหมดสิ้นความสงสัยแล้วจิตจะเข้าไปสู่ภูมิวิปัสสนา การใช้ผ้าผูกตาในการทำสมาธิก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ทิพจักษุญาณเกิดได้ง่ายขึ้น การทำสมาธิจริงๆ เป็นเรื่องของการอบรมจิต เมื่อจัดกายให้อยู่ในท่วงท่าที่สมบูรณ์ดีแล้ว ก็กำหนดจิตลงในช่องว่างและความว่างภายในของเรา อาศัยอุบายกรรมฐานให้จิตมีเครื่องรู้ จิตมีเครื่องระลึก st12 st12 st12 เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว จิตพรากออกจากดงความคิดได้ ก็จะได้สมาธิ ถ้าจิตมันกำหนดจิตให้พรากจากความคิดเองไม่ได้ก็ต้องใช้อุบายให้จิตมีเครื่องรู้ จิตจะไปอยู่กับภาพนิมิตกสิณก็ได้ จิตจะไปอยู่กับลมหายใจเข้า หายใจออกก็ได้ จิตจะไปอยู่กับคำภาวนาก็ได้ เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องรู้ให้กับจิต ถ้าจิตอยู่เฉยๆ จิตก็จะเอาความคิดมาเป็นอารมณ์จิต จิตก็นั่งคิดไปเรื่อยๆ จิตลักษณะนี้เป็นจิตที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจโลก โลกสมมติมีกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไร ถ้าจิตอยู่ภายใต้สมมติโลกแล้ว จิตก็ไม่อาจจะรู้ความจริง รู้แต่สิ่งที่เป็นมายาสมมติปรุงแต่งที่สมมติโลกครอบงำเราไว้ จิตลักษณะนี้ไม่ใช่สมาธิ ไม่สามารถไปรู้แจ้งเห็นจริง เห็นความจริงของโลกได้ เมื่อไม่รู้ความจริง จิตก็จะตกอยู่ใต้มายาความคิดสิ่งปรุงแต่งให้จิตดวงนี้หลงไปกับมายาความคิดเหล่านี้ ดวงจิตที่เกิดอวิชชายึดมั่นถือมั่นเป็นมายาความคิด ก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้ หาทางหลุดพ้นไปไม่ได้ด้วยเพราะว่าเกิดอวิชชาความหลง หลงคิดว่าความคิดความฝันนี้เป็นจริง เป็นของของเราจริง เราเป็นเจ้าของจริง สิ่งเหล่านี้หลงยึดติดเข้าไปแล้ว จิตก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่อวิชชาความหลง หาทางออกไม่ได้ อยู่แต่ในมิติความคิดความฝันที่ถักทอร้อยรัดดวงจิตวิญญาณไว้. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/171113/82168 (http://www.thaipost.net/tabloid/171113/82168) ภาพจาก http://sitluangporthob.com/ (http://sitluangporthob.com/) , http://board.plungjai.com/ (http://board.plungjai.com/) หัวข้อ: Re: ฝึกทิพยจักษุญาณ ด้วยการเพ่งกสิณ เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ พฤศจิกายน 23, 2013, 09:48:30 pm st12 st12 st12
|