หัวข้อ: ตาบอดลักควาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 30, 2013, 12:13:29 pm (http://sv6.postjung.com/picpost/data/142/142420-12-7769.jpg) ตาบอดลักควาย มีกระทาชายนายตาบอดคนหนึ่ง เกิดมีความคิดประพฤติชั่วริอ่านเป็นขโมยเข้าไปลักควาย เขาจับควายได้ตัวหนึ่ง จึงขึ้นขี่หลังแล้วตีควายให้เดินเรื่อยไป หวังจะรีบหนีไปให้พ้น ก่อนที่เจ้าของเขาจะตื่นขึ้นมาในตอนสว่าง ควายก็เดินเรื่อยไป แต่จะเดินไปถึงไหนอย่างไร เจ้าบอดขโมยควายนั่งอยู่บนหลังก็หารู้ไม่ ได้แต่นึกคะเนเอาในใจว่า ควายมันพามานานนักหนา คงจะหนีเจ้าของมาได้ไกลแล้ว...แต่ "เฮ้ย.! เจ้าบอด..นั่นเอ็งนึกสนุกขึ้นมาอย่างไรล่ะ จึงได้มาขี่ควายของข้าเล่นแต่เช้ามืด...ระวังให้ดีหนา เดี๋ยวตกลงมาควายมันจะเหยียบเอาตาย.! เพราะควายนั้นมันติดจะดุๆอยู่ด้วย..." :41: :41: :41: เสียงเจ้าของควายซึ่งพึ่งตื่นขึ้นมาล้างหน้าในตอนเช้า ตะโกนบอกมาจากบนบ้านด้วยความหวังดี.! พอได้ยินเสียงเจ้าของควายร้องบอกมาดังนี้นั่นแหละ กระทาชายนายบอดขโมยควายจึงได้สติสำนึกรู้ว่า แผนการณ์ขโมยของตนนั้นพลันล้มเหลวเสียแล้ว เสียดายแรงที่อุตส่าห์ลงทุนนั่งบนหลังควาย ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน นึกว่าคงไปได้ไกลแล้ว แต่ที่ไหนได้เจ้าควายจัญไรมันพาเดินวนเวียนอยู่รั่วบ้านนั่นเอง.! หลงตีควายเสียย่ำแย่ แต่ควายมันไม่รู้ว่าจะให้ไปทางไหน.? ในที่สุดก็ต้องพาเดินวนเวียนอยู่แต่ภายในรั่วบ้าน จนเจ้าของเห็นเข้าในตอนสว่างนั่นแหละ :96: :96: :96: อุปมานี้ฉันใด... ปุถุชนที่ถูกอวิชชาเข้าครอบงำดวงใจ ทำให้ปัญญาจักษุมืดมน ย่อมเปรียบได้กับกระทาชายนายตาบอดลักควาย ที่กล่าวมาแล้วไม่ผิดเพี้ยน เลยทีเดียวเพราะจะต้องท่องเที่ยวเวียนวนลัดเลาะอยู่ภายในรั่วแห่งวัฏสงสารอย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยที่ตนเป็นคนตาบอด จึงไม่สามารถมองเห็นลู่ทางที่จะนำตนออกไปได้! _____________________ ที่มา : โพธิธรรมทีปนี board.palungjit.org/f4/ตาบอดลักควาย-199291.html (http://board.palungjit.org/f4/ตาบอดลักควาย-199291.html) ภาพจาก http://sv6.postjung.com/ (http://sv6.postjung.com/) :49: :49: :49: กระทาชาย หมายถึง คนผู้ชาย. เป็นคำที่นิยมใช้ในการเล่านิทาน เช่นว่า "กาลครั้งหนึ่ง มีกระทาชายนายหนึ่งเป็นคนตลก ใคร ๆ ก็อยากพูดคุยด้วยเพราะทำให้ได้หัวเราะกันเป็นการคลายเครียด." คำว่า กระทาชาย นี้ โบราณใช้ว่า กระไทชาย เช่นที่ปรากฏในเรื่องมหาชาติคำหลวง ตอนพระนางมัทรีฝันเห็นชายร่างกำยำว่า "อันว่ากระไทชายผู้หนึ่งดำดูกำยำโสดแล." คำว่า กระไทชาย เพี้ยนมาจากคำว่า ข้าไทชาย นั้นเอง. ข้าไท หมายความว่า ผู้รับใช้ บริวาร. คำว่า ข้าไทชาย กลายมาเป็น กระไทชาย แล้วมาเป็น กระทาชาย อีกทอดหนึ่ง. _____________________________________________________________________ ผู้เขียน ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต ประเภทวรรณศิลป์ สาขาวิชาภาษาไทย สำนักศิลปกรรม http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=11 (http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=11) หัวข้อ: Re: ตาบอดลักควาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 30, 2013, 12:32:53 pm (http://www.vcharkarn.com/uploads/252/253193.jpg) คำว่า วัฏสงสาร แยกเป็น ๒ ศัพท์ คือ วัฏ + สงสาร วัฏฏะ แปลว่า วน หรือ หมุน มีอยู่ ๓ อย่าง คือ ๑. กิเลสวัฏฏ์ วน คือ กิเลส ได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ๒. กรรมวัฏฏ์ วน คือ กรรม ได้แก่ ภพ สังขาร ๓. วิปากวัฏฏ์ วน คือ วิบาก ได้แก่วิญญาณนาม รูป อายตนะ ๖ ผัสสะ เวทนา เพราะกิเลสมีอยู่ จึงเป็นเหตุให้ทำกรรมที่เป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง เพราะทำกรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดผลแห่งกรรม เพราะผลของกรรมจึงเป็นเหตุให้กิเลสเกิดขึ้นอีก และทำกรรมอีก เกิดวิบากอีก ในที่สุดก็วนกันไปวนกันมาอย่างนี้ จนหาเบื้องต้นและที่สุดไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจทั้ง ๔ จากนั้นก็ไม่สามารถที่จะออกจากภพ หรือจากโลกได้ เหมือนตาบอดลักควาย หรือพายเรือในหนอง ฉะนั้น :41: :41: :41: นิทานคนตาบอดลักควาย คนตาบอดริอ่านเป็นขโมย เข้าไปลักควายเขา จับควายได้แล้วขึ้นขี่หลังตีควายเรื่อยไป ควายก็เดินวนอยู่ในคอกเรื่อยไป แต่ควายจะเดินไปถึงไหนอย่างไรก็หารู้ไม่ ตีควายเรื่อยไปจนสว่าง นึกว่าคงไปไกลแล้ว ที่แท้ควายเดินวนอยู่ในรั้วบ้านนั่นเอง จนเจ้าของตื่นขึ้นมาเห็น และร้องถามว่า นั่นจะเอาควายเขาไปไหน จึงรู้สึกว่าตนหลงตีควายเสียแย่ ในที่สุดก็วนเวียนอยู่ในรั้วบ้านนั่นเอง การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตาของตัวบอดไม่แลเห็นทางออก จึงได้วนอยู่ไม่รู้จักสิ้นสุด ข้อนี้ฉันใด ปุถุชนที่ถูกอวิชชาครอบงำอยู่ก็ฉันนั้น ไม่เห็นอริยสัจ ไม่เห็นลู่ทางที่จะสลัดออกไปจากโลก หรือจากกองทุกข์ได้ ไม่ผิดอะไรกับคนตาบอดลักควายดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เพราะเหตุฉะนั้น เราท่านทั้งหลายจึงพากันท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ในสังสารวัฏไม่รู้จักสิ้นสุด ส่วนอุปมาคนพายเรือในหนอง กระจ่างดีอยู่แล้ว ถึงจะพายไปจนเมื่อย จะช่วยกันสักสิบพาย ก็พายวนอยู่ในหนองนั่นเอง (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/634/23634/images/TravelVacation/KlongBangMai26June10/SAM_4460_resize.JPG) ถ้าเห็นอริยสัจ ๔ แล้ว จะพ้นทุกข์ พ้นวัฏฏะ พ้นสังสาร ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก มีหลักฐานอ้างอิงปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ หน้า ๕๓๖ - ๕๔๒ ว่า จตุนนัง อริยสัจจานัง ยลาภูตัง อทัสสนา สังสริตัง ทีฆมัทธานัง ตาสุ ตาเสวว ชาตีสุ การที่เราท่านทั้งหลาย ได้พากันเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ตลอดกาลนานหลายหมื่นหลายแสนชาติ ก็เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง จาก "วิปัสสนากรรมฐาน" ภาค ๒ โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี http://www.dharma-gateway.com/monk/p...p-vilas-03.htm (http://www.dharma-gateway.com/monk/p...p-vilas-03.htm) ขอบคุณภาพจาก http://www.vcharkarn.com/ (http://www.vcharkarn.com/) http://www.oknation.net/ (http://www.oknation.net/) หัวข้อ: Re: ตาบอดลักควาย เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ พฤศจิกายน 30, 2013, 12:56:17 pm st11 st12 thk56
หัวข้อ: Re: ตาบอดลักควาย เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ ธันวาคม 02, 2013, 04:00:53 am st11 st12 thk56
|