หัวข้อ: เจตนาดี กับ ลมปาก เริ่มหัวข้อโดย: มานพ ที่ ตุลาคม 06, 2010, 11:37:32 pm (http://www.luangphorsodh.com/imgnitan/story-167-big.jpg)
ในยุคที่การลดความอ้วนเป็นแฟชั่น หลายคนดีใจเมื่อเพื่อนทักว่า "คุณผอมลงนะ" คนขับแท็กซี่หลายคนชอบเปิดเพลงในรถ ด้วยเจตนาดีที่หวังบริการลูกค้ามากกว่าแค่การไปถึงจุดหมาย เพื่อนร่วมงานไม่น้อยชอบเปิดเพลงดัง ด้วยเจตนาดีหวังให้คนอื่นได้อิ่มเอิบกับดนตรีด้วย ฝรั่งมีวลีหนึ่งว่า Take it for granted หมายถึง การทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายหนึ่งยินยอม เช่น หยิบกระดาษบานโต๊ะของเขาไปใช้โดยไม่ขออนุญาตก่อน ตักอาหารให้เขา ตบไหล่ของเขา ฯลฯ เจตนาดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สัมมาวาจาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง "คุณผอมลงนะ" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยากผอม ? "เมื่อไรคุณจะมีลูก : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ป็นหมัน หรือกำลังกลุ้มใจที่ไม่มีลูก ? "เมื่อไรจะเลิกเช่าบ้านอยู่เสียที ?" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีเงินเหลือ "ชุดสีเขียวไม่เข้ากับคุณเลย" : คุณรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้รักสีเขียวอย่างที่สุด ? เจตนาดีจะสมบูรณ์เมื่อมาพร้อมสัมมาวาจา "คุณผอมลงนะ" ในความหมายว่าเขาอ้วนเกินไป อาจพูดว่า "คุณดูดีขึ้นนะ" "คุณผอมลงนะ" ในความหมายว่าเขาผอมเกินไป อาจพูดว่า "ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่ามัวแต่ทำงานล่ะ" สุนทรภู่เขียนไว้ว่า "อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย" มิได้หมายความว่าเราต้องโกหกตอแหล แต่การเอาใจเขามาใส่ใจเราทำให้เราไม่ไปทำร้ายจิตใจใครโดยไม่รู้ตัว คำพูดง่ายๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่กลั่นกรองจากใจและปาก อาจช่วยทำให้คนฟังมีความสุขทั้งวันหรืออาจดจำได้ไปตลอดชีวิต และนั่นคือสัมมาวาจาที่แท้จริง จากหนังสือ รอยเท้าเล็กของเราเอง วินทร์ เลียววาริณ ตอนหนึ่งในหนังสือ เรื่อง เจตนาดีกับลมปาก --------------------ที่นี่ดอทคอม |