สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 10, 2013, 09:17:14 pm



หัวข้อ: 'ความดีที่ไม่มีตัวตน' หัวใจค่ายเยาวชนไทย ทำดีถวายในหลวง
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 10, 2013, 09:17:14 pm

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2013/12/09/bbf895bi5khikbeabka7h.jpg)


'ความดีที่ไม่มีตัวตน' หัวใจค่ายเยาวชนไทย ทำดีถวายในหลวง
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยมนสิกุล โอวาทเภสัชช์

หลังจากที่กระแสในเฟซบุ๊กกระหน่ำเลขาสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่พยายามให้กลุ่มกัลยาณมิตรเพื่อเครือข่ายวิถีพุทธ (กคพ.) เลิกทำโครงการเยาวชนไทยทำดีถวายในหลวง ในที่สุด จากเสียงร้องเรียนของกลุ่มกคพ.ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้สอบสวนเลขา สพฐ. ถึงสาเหตุที่จะระงับการสนับสนุนทุนของสพฐ.กับโครงการดังกล่าว ในที่สุด โครงการก็กลับมาดำเนินต่อไปได้ ปัจจุบันเป็นปีที่ ๘ แล้ว

พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส ประธานโครงการพัฒนาโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทยทำดีถวายในหลวง" เล่าว่า เหตุหนึ่งเพราะหลังๆ มีคนชอบโจมตีว่า ทำไมต้องทำความดีถวายในหลวงด้วย

"จริงๆ แล้ว ค่ายเราไม่ได้ทำเรื่องการประจบประแจง แต่เน้นการทำความดีเพื่อความดี เราเริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เพื่อเป็นอนุสรณ์การเฉลิมฉลองมหามงคลวโรกาส ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีแนวทางชัดเจน คือ ให้เรารู้ถึงพระคุณที่ท่านมีต่อคนไทย เรามาทำความดี เพื่อเป็นการกตัญญูกตเวที แล้วก็นำแรงบันดาลใจจากพระองค์ท่านมาทำความดีต่อ แต่ทั้งหมดยังไม่ใช่ขั้นสูงสุดของความดี ในค่ายเราจะให้เด็กตั้งคำถาม และมีกระบวนการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project based learning) ว่า สุดท้ายเราทำความดีเพื่ออะไร

 :49: :49: :49:

"การทำความดีเพื่อตัวเอง เพื่อในหลวงก็ยังไม่สูงสุด แต่ความดีที่สูงสุดคือ การทำความดีเพื่อความดี ในค่ายก็ให้เขาเรียนรู้ ให้เห็นกิเลสตัวแข่งขัน เห็นโลกธรรมที่มากระทบ เขาจะวางใจอย่างไร เรามีคำขวัญว่า การประกวดไม่ใช่การแข่งขัน เพราะก่อนการประกาศผล มีการเล่นกับสภาวะทางจิตให้เขาเห็นว่า จิตมันแกว่งอย่างไร ในระหว่างการตัดสิน ให้เห็นความสกปรกของจิตในการอยากเอาชนะ ให้เห็นโทษของมัน ทำไมเพื่อนทำดีกับเรา แล้วเราไม่รู้สึกดีกับเพื่อน

     ทั้งที่เขาทำดีกับเรามาก กิจกรรมต่างๆ ในค่ายทำให้เด็กๆ เห็นสภาวะจิตใจของเขา จากนั้นเขาจะรักกันเอง เพราะเห็นว่าสภาวะจิตที่คิดไม่ดีเหล่านั้นมันหลอกเขาอย่างไร สภาวะนี้เอง เขาจะเห็นความน่ารังเกียจของจิต แล้วก้าวข้ามมันให้กลับมาทำความดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทำดีแบบไม่หวังผล ให้เขาเข้าใจว่า ทำความดีเพื่อความดีคืออะไร"

สุดท้ายของค่าย พระมหาพงศ์นรินทร์ อธิบายว่า ก็จะเฉลยในตอนท้ายว่า ความดีเพื่อความดีนั้น ไม่ต้องเพื่ออะไรอีกต่อไป เพียงให้กุศลกรรมดีเกิดขึ้นในใจของเรา ทำแล้วมีความสุขในปัจจุบันก็พอ เป็นความดีที่ไม่มีตัวตน นี่เป็นหัวใจของค่าย

 :s_hi: :s_hi: :s_hi:

"หลังจากค่ายจบลง เราจะเติมภูมิต้านทานให้เขาต่อ เพราะเขาต้องกลับไปเจอโลกธรรมฝ่ายลบ ส่วนใหญ่กลับไปแบบไม่เข้ารอบ หรือตกรอบ เราก็เตรียมเขามาตลอดในค่าย วันสุดท้ายที่ประกาศผล ความโหดร้ายที่เขาเผชิญกับความไม่ชนะและต้องกลับไปโรงเรียนเจอกับสายตาของผู้อำนวยการโรงเรียนที่เปลี่ยนไป ครูวิชาการอาจจะซ้ำเติมเขา แต่เราจะเตรียมจิตใจให้เขาทำความดีต่อ ไม่ใช่ว่าตกรอบก็เลิกทำ

"ทุกคนอาตมาจะถามถึงสามครั้ง ให้เขาจำลองภาพต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลับไป นี่คือความโหดร้ายของการศึกษาไทย ที่เด็กๆ ต้องเผชิญ และไม่ท้อแท้ที่จะทำความดีต่อไป แม้ว่าเขาจะน้ำตาไหล รู้ว่ามันยากที่จะเผชิญกับคำพูดหรืออะไรต่างๆ แต่เขาก็พร้อมใจกันยกมือ ที่จะทำความดีกันต่อ"



(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/12/09/ig57jadd97c6b9ke6gfdd.jpg)


๘ ปีที่ผ่านไป ผลการดำเนินงานโครงงานที่อยู่บนพื้นฐานกระบวนการเรียนรู้เป็นอย่างไรบ้าง พระมหาพงศ์นรินทร์ได้ติดตามผลอย่างไร ท่านตอบว่า เราติดตามผลตลอดแปดปี แม้ว่าเด็กๆ หายไป กลับมาเจอกันไม่ว่าที่ไหน ด้านในเขาโตขึ้น เขามาบอกว่า พระอาจารย์จำได้ไหม ผมยังทำดีต่อนะ

"ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจในกระบวนการคุณค่าแท้ของจิตใจที่ได้รับ เรารองรับเด็กได้ทุกกลุ่ม กิจกรรมจัดอยู่ที่วัด แม้ไม่ค่อยสะดวก แต่เด็กก็อยากมา อยากเรียนรู้ ที่ผ่านมาค่ายระดับภูมิภาคที่เราจัดทั้ง ๘ ภูมิภาค ครั้งหนึ่งๆ เรารับได้ ๒๐๐ คน แต่มาจริงๆ ก็ ๔๐๐-๕๐๐ คนก็มี โดยกระบวนการของค่ายจากเล็กๆ ที่เราเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ในส่วนการทำกิจกรรม เขาต้องคิด และลงมือทำด้วยตัวของเขาเอง พระและพี่เลี้ยงจะช่วยระดับหนึ่งแล้วจะส่งต่อให้เขาเป็นบริหารกิจกรรมต่อ จากค่ายระดับภูมิภาคเล็กๆ ก็สู่ค่ายระดับประเทศ ไม่ยากเลย เมื่อผ่านค่ายเล็กๆ มาแล้ว เราให้เขาคิดโครงงานที่ใหญ่ขึ้นต่ออีกเช่นว่า ถ้าเขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะบริหารประเทศอย่างไร เป็นการสร้างผู้นำ และกระบวนการแก้ปัญหาตั้งแต่เด็ก"

 :96: :96: :96:

สิ่งหนึ่งที่ประธานโครงการฯ บวนการเรียนรู้ตลอดก็คือ
"เรามีคำพูดคำหนึ่งว่า ถ้ารักในหลวงอย่าซื้อโน่นซื้อนี่เข้าบ้านหมด แล้วก็ไม่ได้ทำตามในหลวง หรือไม่ก็ไปจัดงานผลาญงบประมาณ ตรงนี้ เราคิดว่าเป็นการฉวยโอกาส แต่ถ้ารักในหลวงจริงๆ ต้องทำความดีให้กับส่วนรวม น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่าง นี่คือภาวะของกตัญญูกตเวทีที่แท้จริง เพราะจากการทำความดี การที่มีจิตสาธารณะก็นำไปสู่การทำงานเชิงวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตามมาด้วยความสามัคคีที่ไม่ต้องเอาชนะใคร ไม่ต้องแพ้ใคร เป็นเพียงการเรียนรู้ที่จะทำความดีที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นแหละ"

ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตอนหนึ่งว่า
"เด็กๆ นอกจากจะต้องเรียนความรู้แล้วยังต้องหัดทำการงานและทำความดีด้วย เพราะการทำงานจะช่วยให้มีความสามารถ มีความขยันอดทนพึ่งตนเองได้ และการทำดีนั้นจะช่วยให้มีความสุขความเจริญ ทั้งป้องกันตนไว้ไม่ให้ตกต่ำ”

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20131210/174528.html (http://www.komchadluek.net/detail/20131210/174528.html)