สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 12, 2013, 09:44:11 pm



หัวข้อ: อานิสงส์ถวายพวงมาลัยดอกมะลิ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 12, 2013, 09:44:11 pm

(http://victory-25.com/wp-content/uploads/2011/11/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B4.jpg)

อานิสงส์ถวายพวงมาลัยดอกมะลิ

      ประวัติพระสุมนาราชกุมารี
      ความพิสดารมีว่า ครั้งพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพวกชาวเมืองคิดกันว่า พวกเราทำการรบเสร็จแล้ว จักยึดพระศาสดาของพวกเราไว้ จึงริเริ่มที่จะได้พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข อาศัยเสนาบดีแล้วทำบุญตามลำดับ ในวันแรกๆ แห่งวันทั้งหมดเป็นวาระของเสนาบดี.

     ในวันนั้น เสนาบดีเตรียมมหาทานวางคนรักษาการณ์ไว้โดยรอบสั่งว่า วันนี้ พวกเจ้าจงคอยรักษาการณ์ไว้โดยที่ใครๆ อื่นจะไม่ถวายแม้ภิกษาสักอย่างหนึ่ง.
     วันนั้น ภรรยาเศรษฐีร้องไห้พูดกะธิดาซึ่งเล่นกับพวกหญิงสาว ๕๐๐ คนกลับมาแล้วว่า ลูกเอ๋ย หากว่าบิดาของลูกยังมีชีวิตอยู่ วันนี้แม่ต้องนิมนต์พระทศพลฉันเป็นรายแรก.
     ลูกสาวพูดกะมารดาว่า แม่จ๋า แม่อย่าคิดเลย ลูกจักทำโดยวิธีที่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จักฉันภิกษาของเราเป็นรายแรก.



(http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2006/08/L4605047/L4605047-0.jpg)


     โดนกีดกันไม่ให้ถวายข้าวปายาสให้พระพุทธเจ้า
     ต่อจากนั้น ธิดาจึงบรรจุข้าวปายาสที่ไม่มีน้ำลงในถาดทองคำมีค่าแสนหนึ่งจนเต็ม แล้วปรุงด้วยเนยใส น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดเป็นต้น เอาถาดอีกถาดหนึ่งครอบ เอาพวงมาลัยดอกมะลิล้อมภาชนะนั้น ทำคล้ายพวงดอกไม้ ครั้นได้เวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปบ้าน นางยกเองมีหมู่ทาสีแวดล้อมออกจากเรือนไป.

     ครั้นถึงระหว่างทาง พวกคนรับใช้ของเสนาบดีพูดว่า แม่หนูอย่ามาทางนี้.
     ธรรมดาผู้มีบุญมากย่อมมีถ้อยคำต้องใจคน ถ้อยคำของคนรับใช้เสนาบดีเหล่านั้นซึ่งพูดแล้วพูดเล่า ก็ไม่อาจห้ามไว้ได้.
     นางกล่าวว่า ท่านอา ท่านลุง ท่านน้า ทำไมท่านไม่ให้เราเข้าไปเล่า.
     คนรับใช้กล่าวว่า แม่หนู ท่านเสนาบดีตั้งพวกเราให้คอยรักษาการณ์ โดยสั่งว่า พวกเจ้าจงอย่าให้ใครๆ อื่นนำของเคี้ยวและของกินเข้ามาเป็นอันขาด.

    นางกล่าวว่า ก็พวกท่านเห็นของเคี้ยวของกินในมือของฉันหรือ.
    คนรับใช้พูดว่า เห็นแต่พวงดอกไม้จ้ะ.
    นางถามว่า ท่านเสนาบดีของพวกท่านไม่ให้ทำแม้การบูชาด้วยดอกไม้ด้วยหรือ.
    คนรับใช้พูดว่า ให้จ้ะแม่หนู.
    นางกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นพวกท่านหลีกไปสิ แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ทรงให้รับพวงดอกไม้เถิดพระเจ้าข้า.



(http://img844.imageshack.us/img844/9804/img3021r.jpg)


    ใช้พวงมาลัยดอกมะลิช่วย ได้ถวายข้าวปายาสให้พระพุทธเจ้าสมใจ
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแลดูคนรับใช้ของเสนาบดีคนหนึ่ง แล้วให้รับพวงดอกไม้ไว้ นางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า
    เมื่อข้าพระบาทบังเกิดในภพน้อยภพใหญ่ ขออย่าให้มีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดสะดุ้งเลย ในภพที่ข้าพระบาทเกิด ขอให้เป็นที่รักดุจพวงดอกไม้นี้ และขอให้มีชื่อว่าสุมนาเถิด.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เจ้าจงมีความสุขเถิด ดังนี้
    นางถวายบังคมแล้วกระทำประทักษิณ กราบทูลลากลับไป.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จไปยังเรือนของเสนาบดีประทับนั่งเหนืออาสนะที่เขาปูไว้ เสนาบดีถือข้าวยาคูน้อมเข้าไปถวาย.
    พระศาสดาทรงเอาพระหัตถ์ปิดบาตรไว้.
    เสนาบดีกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หมู่ภิกษุนั่งแล้ว พระเจ้าข้า.
    พระศาสดาตรัสว่า เราได้บิณฑบาตหนึ่งในระหว่างทาง.
    เสนาบดีนำมาลาออกได้เห็นบิณฑบาต.
    จูฬุปัฏฐากคนรับใช้ใกล้ชิดกล่าวว่า นายขอรับ ผู้หญิงพูดลวงกระผมว่าดอกไม้.
    ข้าวปายาสเพียงพอแก่ภิกษุทั้งหมด นับแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นต้นไป เสนาบดีได้ถวายไทยธรรมของตน.
    พระศาสดาเสวยเสร็จแล้ว ตรัสมงคลกถาเสด็จกลับ.

    เสนาบดีถามว่า หญิงที่ถวายบิณฑบาตชื่อไร.
    ธิดาเศรษฐีขอรับ.
    เสนาบดีคิดว่าหญิงมีปัญญา เมื่อมาอยู่ในเรือน ชื่อว่าสวรรค์สมบัติของบุรุษไม่ใช่หาได้ยากเลย ดังนี้
    จึงนำนางนั้นมาตั้งไว้ในตำแหน่งหัวหน้า.
    นางก็จับจ่ายทรัพย์ในเรือนของมารดาและในเรือนของเสนาบดี ถวายทานแด่พระตถาคตบำเพ็ญบุญตลอดอายุ



(http://www.tamsabye.com/newsicon/1312728109.jpg)


    จุติในสวรรค์ มีฝนดอกมะลิตกเต็มทั่วเทวโลก
    ครั้นจุติจากนั้นก็ไปบังเกิดในเทวโลกฝ่ายกามาวจร.
    ในขณะที่นางเกิดนั้นเอง ฝนดอกมะลิตกเต็มทั่วเทวโลกประมาณแค่เข่า.
    ทวยเทพคิดว่า เทพธิดานี้ถือเอาชื่อของตนด้วยตนเองมา จึงตั้งชื่อเทพธิดานั้นว่า สุมนา.
    เทพธิดานั้นท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลกตลอด ๘๙ กัป ในที่ที่นางเกิดแล้วๆ ฝนดอกมะลิก็ตกไม่ขาด จึงมีชื่อว่าสุมนาอย่างเดิม.



(http://sangkae.files.wordpress.com/2011/05/e0b89ee0b8a7e0b887e0b8a1e0b8b2e0b8a5e0b8b1e0b8a2e0b888e0b8b3e0b89be0b8b2.jpg)


     เกิดเป็นธิดาพระเจ้าโกศล มีฝนดอกมะลิตกประมาณแค่เข่าในวันคลอด
     ก็ครั้งนี้ นางได้ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าโกศล
     ในวันนี้เอง กุมาริกา ๕๐๐ ก็ถือปฏิสนธิในตระกูลนั้นๆ แล้วคลอดจากครรภ์มารดาในวันเดียวกันหมด.
     ในขณะนั้นเอง ฝนดอกมะลิตกประมาณแค่เข่า.

     พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระธิดานั้นทรงปลื้มพระทัยว่าราชธิดานี้จักเป็นผู้สร้างบุญกุศลมาก่อน ทรงดำริว่าธิดาของเราถือเอาชื่อของตนด้วยตนเองมา จึงพระราชทานพระนามของพระธิดานั้นว่า สุมนา แล้วทรงให้ค้นหาทั่วพระนครด้วยทรงดำริว่า ธิดาของเราคงจะไม่เกิดเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทรงสดับว่ามีทาริกา ๕๐๐ เกิด จึงโปรดเกล้าให้เลี้ยงไว้ทั้งหมดด้วยพระองค์เอง รับสั่งว่า เมื่อถึงเดือนหนึ่งๆ พวกเจ้าจงนำมาแสดงแก่ธิดาของเราดังนี้.
     พึงทราบว่า พระธิดาทรงกระทำมหาสักการะ แล้วตั้งความปรารถนาไว้ จึงได้พระนามอย่างนี้.



(http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2011/08/09/192792/hr1667/630.jpg)


     อายุ ๗ ขอบได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าสำเร็จโสดาบัน
     เวลาพระธิดามีพระชนม์ได้ ๗ พระชันษา เมื่ออนาถปิณฑิกเศรษฐีสร้างวิหารเสร็จ จึงส่งทูตไปกราบทูลพระตถาคต พระศาสดามีหมู่ภิกษุเป็นบริวารได้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี.

     อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ไปกราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า การเสด็จมา ณ ทีนี้ของพระศาสดา เป็นมงคลทั้งแก่ข้าพระองค์ ทั้งแด่พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเกล้าให้พระสุมนาราชกุมารีพร้อมด้วยทาริกา ๕๐๐ ถือหม้อน้ำและของหอมและดอกไม้เป็นต้น รับเสด็จพระทศพลเถิด พระเจ้าข้า.

     พระราชาตรัสว่า ดีแล้วเศรษฐี แล้วทรงกระทำตามนั้น.
     พระธิดาก็เสด็จไปตามที่พระราชาทรงแนะนำ ถวายบังคมพระศาสดา แล้วทรงบูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น แล้วประทับอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

     พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่พระธิดา.
     พระธิดาพร้อมด้วยกุมารี ๕๐๐ ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
     ทาริกา ๕๐๐ มาตุคาม ๕๐๐ และอุบาสก ๕๐๐ แม้เหล่าอื่นก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลในขณะนั้นเหมือนกัน.
     ในวันนั้นมีโสดาบัน ๒,๐๐๐ ในระหว่างทางนั้นเอง...ฯลฯ...



ที่มา อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ สุมนวรรคที่ ๔
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=31 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=31)
ขอบคุณภาพจาก
http://victory-25.com/ (http://victory-25.com/)
http://topicstock.pantip.com/ (http://topicstock.pantip.com/)
http://img844.imageshack.us/ (http://img844.imageshack.us/)
http://www.tamsabye.com/ (http://www.tamsabye.com/)
http://sangkae.files.wordpress.com/ (http://sangkae.files.wordpress.com/)
http://static.cdn.thairath.co.th/ (http://static.cdn.thairath.co.th/)