สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 22, 2013, 08:17:32 pm



หัวข้อ: ถ่ายทอดพลังจิตด้วยกสิณไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 22, 2013, 08:17:32 pm

(http://i1.ytimg.com/vi/E6hiIdxo2Gc/hqdefault.jpg)

ถ่ายทอดพลังจิตด้วยกสิณไฟ

    ในการปฏิบัติสมาธิภาวนาอบรมจิตด้วยอุบายวิธีการเพ่งกสิณไฟนั้น ผู้ที่ฝึกสมาธิโดยการเพ่งกสิณไฟย่อมมีอาการทางจิตที่เรียกว่า “พลังจิต”  ปรากฏขึ้น ด้วยเพราะว่าการเพ่งกสิณไฟเป็นการที่จิตใช้ไฟมาเป็นเครื่องรู้ให้แก่จิต หรือกล่าวได้ว่าเป็นการเอาไฟมาเป็นเครื่องมือทางจิตนั่นเอง

    นิมิตกสิณไฟจึงเป็นภาพนิมิตที่ไร้ขอบเขต ไม่อาจควบคุมและกำหนดให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ การเพ่งไฟจึงต่างมีนิมิตกสิณไฟที่แตกต่างกันออกไป บางรายเป็นรูปคล้ายดอกบัวแดง บางคนเพ่งกสิณไฟแล้วเห็นเป็นภาพนิมิตคล้ายกับธงสีแดง คล้ายกับผ้าแดง หรือคล้ายกับวงกลมสีแดงที่ลอยอยู่กลางอากาศ

    เมื่อจิตสามารถสร้างภาพนิมิตกสิณไฟให้เกิดปรากฏขึ้นภายในจิตได้แล้ว นิมิตเหล่านั้นจะมีการพัฒนาไปตามกำลังจิตของผู้ปฏิบัติ อาทิ กำลังจิตที่มั่นคงในระดับต้นๆ ภาพนิมิตจะเริ่มทรงตัว ไม่ล้มไปมา และเมื่อจิตมีความมั่นคงสูงขึ้น ภาพนิมิตจะเริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นจนราวกับมองเห็นด้วยตาเปล่า

     :sign0144: :sign0144: :sign0144:

    ภาพที่ปรากฏเสมือนจริงนั้นเป็นภาพอุคคหนิมิตในเบื้องต้น ต่อเมื่อจิตมีความมั่นคงสูงขึ้น ภาพนิมิตกสิณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงโดยมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น จากภาพเสมือนจริงในเบื้องต้น ภาพนิมิตกสิณไฟจะเริ่มมีมิติของภาพเกิดขึ้น มีมิติแห่งความลึก คมชัด จนคล้ายกับผ้าแดงปลิวอยู่กลางอากาศ สามารถย่อให้ภาพนั้นเล็กลง หรือขยายให้ภาพนิมิตกสิณนั้นใหญ่ขึ้น เรียกภาพนิมิตกสิณให้เข้ามาใกล้หรือเรียกให้ถอยห่างออกไป ตามกำลังอำนาจจิต ภาพนิมิตกสิณในลักษณะนี้เรียกว่า “ปฏิภาคนิมิต” ที่พร้อมจะพัฒนาไปสู่พลังจิต

    การเพ่งกสิณที่จะสามารถพัฒนาไปสู่พลังจิตได้ ผู้ปฏิบัติจะต้องเพ่งกสิณมากกว่าบุคคลทั่วไป เพราะพลังจิตจะเกิดขึ้นได้นั้นจิตต้องเพ่งไฟมากและนานกว่าการเพ่งไฟเพื่อทำสมาธิ อย่างการเพ่งไฟเพื่อให้จิตเกิดเครื่องรู้ สามารถทำได้ด้วยการเพ่งเทียนเพียงเล่มเดียว


(http://board.plungjai.com/index.php?action=dlattach;topic=1003.0;attach=4494)

    แต่หากเป็นการเพ่งกสิณไฟเพื่อให้จิตเกิดมีพลังจิตนั้นจะต้องเพ่งเทียนติดต่อกันอย่างน้อยห้าเล่มขึ้นไป จิตจึงจะทรงตัวและเกิดปรากฏการณ์อันเป็นพลังจิตขึ้นได้

    การเพ่งกสิณไฟด้วยการเพ่งเปลวเทียนจะต้องเพ่งจนกระทั่งจิตเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ครบ เช่น สามารถเห็นภาพนิมิตได้อย่างชัดเจน ทั้งลืมตาและหลับตา สามารถเห็นภาพนิมิตที่เป็นภาพนิมิตซ้อนได้อย่างแจ่มชัดสามารถกำหนดภาพนิมิตอื่นเข้ามาภายในจิตที่กำลังเพ่งไฟอยู่ได้อย่างมั่นคง สามารถยืดหดภาพนิมิตกสิณภายในจิตได้สามารถมองเห็นภาพดวงจิตวิญญาณต่างๆ ในมิติอื่นได้อย่างแจ่มชัด สามารถมองเห็นคลื่นความคิดที่เปล่งออกมาจากจิตของคนได้

    เมื่อจิตมีคุณสมบัติของการเพ่งไฟครบสมบูรณ์แล้ว จิตก็พร้อมที่จะพัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่าพลังจิต โดยการสอนผ่านทางจิต กสิณไฟเป็นวิชาเดียวที่มีการพัฒนาพลังจิตด้วยการถ่ายทอดอารมณ์ทางจิตผ่านเปลวไฟ จากอาจารย์ผู้สอนสู่ศิษย์ ด้วยการเพ่งไฟให้ดู และให้ศิษย์เพ่งไฟตาม

     :25: :25: :25:

    อารมณ์ต่างๆ ของการเพ่งไฟจะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ เมื่ออาจารย์ส่งจิตเข้าไปบังคับไฟอันเป็นพลังอำนาจจิต ศิษย์ก็จะเรียนรู้ในอารมณ์ที่กำลังปรากฏอยู่ในเปลวไฟที่อาจารย์กำลังเพ่งอยู่นั้น ถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ผ่านทางเปลวไฟอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง การเรียนการเพ่งกสิณไฟจึงมีความแตกต่างจากกรรมฐานกองอื่น

    โดยส่วนมากครูบาอาจารย์หลายท่านไม่ยอมที่จะสอนการเพ่งกสิณไฟ เพราะพลังอำนาจของกสิณไฟนั้นควบคุมยาก และหากผู้ปฏิบัติไปหลงในภาพมายานิมิตของกสิณไฟแล้ว อาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาจิตเพื่อการหลุดพ้น หรือพระนิพพานได้.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/081213/83094 (http://www.thaipost.net/tabloid/081213/83094)
ภาพจาก http://i1.ytimg.com/ (http://i1.ytimg.com/) , http://board.plungjai.com/ (http://board.plungjai.com/)