|
หัวข้อ: ธาตุกายสิทธิ์กับการปฏิบัติธรรม เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 23, 2013, 08:12:05 pm (http://www.weloveshopping.com/shop/client/000039/leklai/340.jpg) ธาตุกายสิทธิ์กับการปฏิบัติธรรม แร่เหล็กไหลนับเป็นวัตถุธาตุที่มีพลังอันเร้นลับภายในตัวเอง พลังอันลึกลับเหล่านี้ล้วนเป็นพลังที่ได้รับมาจากมหาจักรวาลของเรา เนื่องจากแร่เหล็กไหลเป็นธาตุที่ดำรงอยู่ในมหาจักรวาลธาตุ เช่นเดียวกับโลกของเรา แต่ด้วยความที่ได้เดินทางเข้ามายังโลกของเรานานนับเป็นล้านๆ ปีมาแล้ว เราจึงมีความรู้เกี่ยวกับธาตุชนิดนี้น้อยมาก แม้แร่เหล็กไหลจะไม่มีปรากฏอยู่ในตารางธาตุบนโลก แต่เมื่อนำไปตรวจสอบกลับพบว่าแร่เหล็กไหลนั้นมีองค์ประกอบภายในธาตุที่คล้ายคลึงกับเนื้อของสะเก็ดดาวตกที่เดินทางเข้ามายังโลกของเรา ตั้งแต่อดีตนั้น ครูบาอาจารย์ผู้มีความรู้ความสามารถได้เฝ้าสังเกตแร่ชนิดนี้ตั้งแต่ยังไม่มีใครทราบว่าธาตุดังกล่าวเดินทางเข้ามายังโลกของเราเพื่ออะไร รู้แต่ว่าแร่เหล็กไหลได้แฝงตัวอยู่บนโลกของเรามานานแสนนานแล้ว จนกระทั่งได้ค้นพบธรรมชาติของแร่เหล็กไหลหลายอย่าง จึงศึกษาวิธีการที่จะนำเอาแร่เหล็กไหลที่แฝงตัวเองอยู่ภายในหินให้หลุดออกมาได้ และสามารถนำเอาแร่เหล็กไหลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ :49: :49: :49: อย่างครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิรู้บางท่าน ได้นำเอาแร่เหล็กไหลมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติสมาธิภาวนา โดยให้ผู้ปฏิบัติวางแร่เหล็กไหลไว้บนฝ่ามือ แล้วให้กำหนดจิตลงสู่แร่เหล็กไหลชิ้นนั้น ให้เกิดเป็นเครื่องรู้แก่จิตแทนอุบายกรรมฐานเดิมที่เคยใช้กัน การนำเอาแร่เหล็กไหลมาใช้เป็นเครื่องรู้ให้แก่จิต จิตก็จะเกิดมีเครื่องรู้ใหม่ขึ้นมา เป็นเครื่องรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งมหาจักรวาล การกำหนดจิตลงสู่แร่เหล็กไหลจะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถรับรู้ได้ถึงพลังอันลึกลับจากมหาจักรวาล เป็นความตื่นเต้นและแปลกใหม่ที่จิตจะได้สัมผัส ซึ่งเมื่อจิตและแร่เหล็กไหลเริ่มรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีแล้ว จิตกับเหล็กไหลไม่พรากจากกัน แต่จิตจะเริ่มพรากตัวออกมาจากดงแห่งความคิดหรือกรอบแห่งความคิดอันเป็นสมมติบัญญัติโลก เมื่อจิตแยกตัวออกมาจากดงแห่งความคิดอันหลากหลายได้แล้ว จิตก็จะเริ่มเข้าสู่จิตเดิมแท้อันมีความว่างและช่องว่างเป็นอารมณ์จิต คราวนี้แร่เหล็กไหลที่ใช้เป็นเครื่องรู้ก็จะหายไปจากความรู้สึก และผู้ปฏิบัติก็จะได้สมาธิจิตอันเป็นภาวะแห่งจิตเดิมแท้ ซึ่งปลายทางก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ (http://www.web-pra.com/upload/article/44-1.jpg) นอกจากนี้ยังสามารถนำเอาแร่เหล็กไหลมาเพ่งเพื่อจดจำภาพของแร่เหล็กไหลในรูปแบบของการเพ่งกสิณได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้จะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ คือก่อนที่จิตจะเข้าสู่สมาธิจิต จิตที่กำหนดภาพกสิณนิมิตจะเกิดพลังจิตขึ้นมาอย่างมหาศาล เพราะการเพ่งกสิณนั้นเราเล่นกับภาพนิมิต ดังนั้นการสร้างภาพนิมิตและการกำหนดภาพนิมิตให้เป็นไปตามที่จิตเราสั่งนั้น พลังในการบังคับภาพกสิณนิมิตย่อมเป็นพลังจิตนั่นเอง เนื่องด้วยแร่เหล็กไหลได้ผ่านการเดินทางในมหาจักรวาลมานานแสนนาน จึงเกิดการเก็บบันทึกภาพต่างๆ ในมหาจักรวาลเอาไว้ยาวนานมากมาย เมื่อนำแร่เหล็กไหลมาเพ่ง แร่เหล็กไหลย่อมสร้างภาพกสิณนิมิตให้เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ซึ่งถ้าจิตของผู้ปฏิบัติดำเนินเข้าสู่ภาวะสมาธิแล้ว ภาพต่างๆ ที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ภายในแร่เหล็กไหลชิ้นนั้นก็จะปรากฏแทรกเข้ามาในภาพนิมิตกสิณที่เรากำลังกำหนดจิตเล่นกับภาพนิมิตกสิณนั้น จวบจนกระทั่งจิตของผู้ปฏิบัติรวมเป็นหนึ่ง คือรวมกับภาพนิมิตกสิณไม่พรากจากกันแล้ว จิตจึงแยกตัวออกมาจากความคิด และปล่อยวางภาพนิมิตกสิณนั้นเข้าสู่ความว่างและช่องว่างภายในจิตของตนเอง เกิดเป็นสมาธิจิตเหมือนกับการใช้อุบายกรรมฐานชนิดอื่นๆ คือภาพนิมิตจะหายไป ร่างกายตัวตนหายไป ลมหายใจหายไป เหลือแต่จิตดวงเดียวที่ส่องแสงสว่างอยู่อย่างนั้น การนำเอาแร่เหล็กไหลมาเพ่งเพื่อจดจำภาพกสิณนิมิต จึงถือเป็นวิธีการฝึกพลังจิตและปลุกฐานพลังแห่งจิตใต้สำนึกของมนุษย์เราเป็นอย่างดี st12 st12 st12 ปัจจุบันแม้จะมีครูบาอาจารย์และสำนักที่เกี่ยวข้องกับแร่เหล็กไหลอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ผู้ปฏิบัติก็ต้องใช้วิจารญาณพิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนว่าอันไหนจริงหรือปลอม แท้หรือเทียม ของจริงคือต้องมีภูมิปัญญาความรู้ในเรื่องแร่กายสิทธิ์จริง ส่วนสำนักปลอมที่ไม่มีภูมิปัญญาความรู้ในเรื่องแร่เหล็กไหลเลย ก็จะอาศัยชื่อเสียงของแร่เหล็กไหลมาแสวงหาประโยชน์ ทำให้ผู้คนเกิดความโลภ ความหลง และเกิดความงมงายได้ในที่สุด ส่วนครูบาอาจารย์ที่มีภูมิปัญญาอย่างแท้จริงนั้นย่อมสามารถที่จะประยุกต์เอาเรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลมาเป็นอุบายในการน้อมนำผู้คนให้หันเข้าสู่สิ่งอันเป็นธรรมะได้ ด้วยการนำเอาแร่เหล็กไหลมาใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติธรรมนั่นเอง. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/011213/82799 (http://www.thaipost.net/tabloid/011213/82799) ขอบคุณภาพจาก http://www.weloveshopping.com/ (http://www.weloveshopping.com/) , http://www.web-pra.com/ (http://www.web-pra.com/) |