สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2014, 06:32:02 pm



หัวข้อ: • นักโบราณคดีชี้พระพุทธเจ้าอาจ “ประสูติ” ก่อนความเชื่อเดิม 200 ปี.!!
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 05, 2014, 06:32:02 pm

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000000038406.JPEG)


• นักโบราณคดีชี้พระพุทธเจ้าอาจ “ประสูติ” ก่อนความเชื่อเดิม 200 ปี.!!
       
       สหรัฐอเมริกา : มีรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Antiquity ฉบับเดือนธันวาคม 2013 ว่า ทีมนักโบราณคดี 40 คน นำโดย โรบิน เอ อี โคนิงแฮม แห่งมหาวิทยาลัยเดอรัม ประเทศอังกฤษ ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นแรกที่เกี่ยวกับช่วงเวลาประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งชี้ว่า พระองค์อาจประสูติก่อนความเชื่อเดิมถึง 200 ปี
       
       โดยนักโบราณคดีได้ขุดพบท่อนไม้ที่คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจดีย์ไม้โบราณ ใต้ซากวิหารที่ทำด้วยอิฐ ภายในมหาวิหารมายาเทวี ที่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล และจากการตรวจสอบเศษถ่านไม้และเม็ดทรายในบริเวณที่พบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ นักวิจัยยืนยันว่า สิ่งก่อสร้างที่อยู่ลึกลงไปนั้น สร้างขึ้นราว 600 ปี ก่อนคริสตกาล ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนสมมติฐานที่ว่า พระพุทธเจ้าอาจทรงมีชีวิต และเผยแผ่หลักคำสอนทางศาสนาก่อนหน้าช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันราว 200 ปี
       
       เจดีย์ไม้ดังกล่าว เชื่อว่าเป็นเจดีย์พุทธที่เก่าแก่ที่สุดโนโลก สร้างครอบทับไว้อีกชั้น โดยตรงกลางเป็นพื้นที่โปร่ง ดูคล้ายเป็นการสร้างครอบจุดที่เคยเป็นต้นสาละ ต้นไม้ที่พระนางสิริมหามายาทรงให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพุทธศาสดา
       
       ทีมนักวิจัยซึ่งได้ทุนสนับสนุนจากองค์การยูเนสโกและเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก สหรัฐอเมริกา เผยว่า การค้นพบครั้งนี้อาจช่วยไขปริศนาที่เป็นข้อถกเถียงกันมาช้านาน เกี่ยวกับช่วงเวลาการประสูติของพระพุทธเจ้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ ความเชื่อส่วนใหญ่มาจากการเล่าขานบอกต่อกันมา โดยปราศจากหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์
       
       ปัจจุบัน นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงประสูติเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล และเสด็จปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา

       
จาก Aljazeera America
จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557 โดย เภตรา
http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000000362 (http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000000362)