หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : กระบวนการทางจิต เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 09, 2014, 10:13:36 am (https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/1512343_486503974799385_1965215912_n.jpg) สมาธิชาวบ้าน : กระบวนการทางจิต พระนิพพานคือความเป็นอนัตตา เป็นความสุญญตา เป็นความไม่มีตัวไม่มีตนอยู่จริง ถึงตรงนี้แล้ว จิตเดิมแท้หรือธาตุรู้กลับไปสู่ธาตุรู้เดิมๆ คือกลับไปรวมกับจิตเดิมแท้ โดยที่ไม่แยกว่าเป็นจิตของใคร ความเป็นเจ้าของไม่มี มันมีแต่จิตที่เป็นธาตุรู้เฉยๆ ธาตุรู้เฉยๆ ก็เหมือนธาตุทั่วไปที่เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ที่มันมีของมัน แต่มันไม่มีเจ้าของ ไม่มีแยกออกมาว่าธาตุรู้นั้นเป็นของของใคร เป็นเพียงธาตุรู้เฉยๆ ดังนั้นอาการนี้จึงเป็นอาการพระนิพพาน นิพพานเป็นสิ่งที่สูงสุดที่มนุษย์ได้ค้นพบทางจิตวิญญาณ แต่นิพพานเป็นเรื่องของนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไม่สามารถประมาณการได้ถึงสัณฐานไม่มีความหนา ความกว้าง ความยาว ไม่มีลักษณะเป็นตัวตน ไม่มีเป็นรูปร่างให้เห็น พระนิพพานเป็นภาวะที่อยู่ในจิตใจ พระนิพพานโดยปกติของมันมีอยู่แล้ว เพียงแต่จิตของเราจะค้นพบเมื่อไร มันอยู่ในจิต ในใจของคนทุกคน ในจิตใจของทุกคนก็มีนิพพานอยู่แล้วทั้งนั้น แต่เรายังหาไม่เจอ ยังหาไม่พบ เพราะพระนิพพานคือสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด คือเรื่องของใจเท่านั้น :25: :25: :25: จากสิ่งหนึ่งไปสู้อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นนามธรรม จากความมีอยู่ไปสู่ความไม่มีตัวตน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องนามธรรมที่อยู่ภายในจิตใจเรา ซึ่งซับซ้อนเข้าใจยาก ไม่สามารถเข้าใจด้วยวิธีการทางโลก เพราะในที่สุดสิ่งที่ดูเหมือนมีตัวตน ที่สุดแล้วมันกลับไม่มีตัวตน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ได้ด้วยอำนาจความคิดเราทั้งสิ้น ตกอยู่ในมายาความคิดอย่างแยกไม่ออก แยกไม่ออกระหว่างความคิดความฝัน เพราะในความคิดความฝันนั้นมีมิติต่างๆ มากมายเช่นกัน แต่ว่าความฝันเรื่องที่เรามาเกิดขึ้น ณ ขณะนี้มันดูเป็นจริงเป็นจังมาก เป็นจริงเป็นจังจนเราแยกไม่ออกว่ามันเป็นเพียงความฝัน ยกเว้นแต่เรามีความตั้งมั่นปฏิบัติสมาธิภาวนาจนจิตเกิดความตั้งมั่นสูง ถึงจะเริ่มมองเห็นความจริงขึ้นมาบ้าง (https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/1459838_571601316254660_895702142_n.jpg) ความจริงที่เป็นอกาลิโก คือเหนือกาลเวลา ไม่จำกัดเวลา ไม่อยู่ในเงื่อนไขของเวลา ว่าสิ่งที่เราอยู่มันไม่เป็นจริง มันเป็นแค่ภาพฝันของตนเอง พอเราเริ่มเห็นความจริงแล้ว เราจะเห็นว่าเราเป็นเพียงมิติของความฝันที่เราดำรงอยู่ในความฝันนั้น หาทางออกไปไหนไม่ได้ วนเวียนอยู่อย่างนี้ แท้ที่จริงแล้ว มิติความฝันนี้มันไม่มีตัวตนอยู่ ต่อเมื่อมีคนเชื่อว่ามันเป็นจริง มันก็เป็นจริงตามที่เชื่อ ดวงจิตนี้มันเป็นธาตุรู้ ธาตุรู้มันน้อมนำไปสู่อารมณ์ ไปเกิดความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์นั้น เกิดอวิชชาคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา เมื่อคิดเป็นจริงเป็นจัง ว่าจิตของเรา ว่าวิญญาณของเรา ก็เกิดการท่องไปในมิติความคิดความฝันที่ยังมีแดนเกิด แดนตาย :bedtime2: :bedtime2: :bedtime2: ใครมีกรรมสัมพันธ์กัน ก็กลับมาเกิดในความฝันเรื่องเดียวกัน มีกรรมผูกพันกัน ก็มีการวนเวียนร่วมกัน ต่อเมื่อเราเห็นว่าความจริงมันเป็นเรื่องของปรากฏการณ์ในจิตที่มันเป็นเพียงเรื่องที่เกิดในจิตเราเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นใดเลย นอกจากปรากฏการณ์ความคิดที่เกิดชึ้นแล้วดับไป แล้วจิตเข้าไปยึดมั่นว่ามันเป็นความจริง แต่แท้ที่จริงแล้วแม้แต่ดวงจิตของเราก็ยังไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง มันเป็นอนัตตา คำว่าอนัตตาคือไม่มีตัวตน เป็นจุดสุดท้ายของสรรพสิ่ง ในเมื่อไม่มีตัวไม่มีตน แต่เรากำลังพูดขณะมีตัวมีตน การเข้าใจว่าในที่สุดเป็นอนัตตาจึงเป็นเรื่องเข้าใจยาก เข้าใจยาก เพราะเป็นนามธรรม. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/291213/83998 (http://www.thaipost.net/tabloid/291213/83998) ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/Dhammawangso (https://www.facebook.com/Dhammawangso) หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : กระบวนการทางจิต เริ่มหัวข้อโดย: arkarakasa ที่ มกราคม 20, 2014, 05:39:01 pm สงบดีครับ
|