หัวข้อ: "หลวงปู่ทวด-วัดช้างให้" รำลึกถึงคุณความดี มิใช่เพียงพุทธพาณิชย์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 15, 2014, 07:53:56 pm (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2014/01/pro30130157p1.jpg) "หลวงปู่ทวด-วัดช้างให้" รำลึกถึงคุณความดี มิใช่เพียงพุทธพาณิชย์ รายงาน โดย เขมินท์ เกื้อกูล เมื่อกล่าวถึงหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นหนึ่งในพระเกจิสายใต้ที่ผู้คนรู้จักทั่วทุกภูมิภาคของไทย ไม่ว่าจะไปทางเหนือสุด หรือมุ่งหน้าไปทางอีสาน รวมทั้งภาคกลาง ย่อมต้องมีโอกาสได้พนมมือไหว้หลวงปู่ทวดที่มีการจัดสร้างขึ้นมาทั้งใหญ่และองค์เล็ก รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่มีความศรัทธา ขอให้ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เดินทางมาสักการะรูปเหมือนด้วยตนเองที่วัดช้างให้ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต วัดช้างให้ หรือวัดราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ที่ ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตั้งมาแล้วกว่า 300 ปี หนังสือ ประวัติ...วัดช้างให้ ปัตตานี ของมูลนิธิสมเด็จหลวงพ่อทวดและพระครูวิสัยโสภณ (ทิม ธมฺมธโร) วัดช้างให้ ที่พระครูปริยัติกิจโสภณ (สายันต์ จนฺทสโร) เจ้าอาวาสมอบให้อ่านได้เล่าถึงเรื่องตำนานของที่มาทำไมจึงต้องชื่อว่า "วัดช้างให้" ย่อออกมาได้ดังนี้ ans1 ans1 ans1 "พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองแห่งใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้อธิษฐานและปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินตาม จนวันหนึ่งช้างได้หยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ร้องขึ้นมา 3 ครั้ง พระยาแก้มดำจึงถือเป็นนิมิตที่ดีว่าจะสร้างเมือง แต่น้องสาวกลับไม่ชอบ จึงปล่อยช้างให้เดินต่อและไปพอใจสร้างเมืองอยู่ใกล้ชายทะเล บริเวณบ้านกรือเซะ แต่พระยาแก้มดำเองกลับพอใจกับจุดที่ช้างได้หยุดและร้องขึ้น จึงตัดสินใจสร้างวัดแทน พร้อมกับตั้งชื่อว่าวัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือสมเด็จพะโคะ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และสั่งลูกศิษย์ไว้ว่า หากมรณภาพขอให้นำศพกลับไปวัดช้างให้ แล้วเมื่อถึงคราวมรณภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ได้นำศพท่านมาฌาปนกิจที่วัดช้างให้ตามคำสั่งเสีย อัฐิส่วนหนึ่งของหลวงปู่ทวดจึงถูกฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัดช้างให้" :96: :96: :96: หากค้นปูมประวัติของหลวงปู่ทวด มีการบันทึกไว้ มีชื่อจริงว่า ปู่ เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 4 ปีมะโรง พ.ศ.2125 หรือเมื่อ 431 ปีมาแล้ว ที่บ้านสวนจันทร์ ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา เมื่อครั้นอายุได้ 7 ขวบ บิดามารดาที่มีฐานะยากจนได้พาลูกชายไปร่ำเรียนหนังสือกับสมภารจวง วัดดีหลวง กระทั่งอายุครบ 14 ปี ได้บวชเณร และไปอยู่กับพระครูสัทธรรมรังสี วัดสีหยง จากนั้นไปเรียนต่อที่สำนักพระครูกาเดิม วัดเสมาเมือง จ.นครศรีธรรมราช จนอายุครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบทและทำญัตติอุปสมบทตั้งฉายาว่า "สามีราโม" จากนั้น พระภิกษุปู่ ได้ปรึกษากับพระครูกาเดิม เพื่อหาที่ศึกษาทางธรรมต่อ ก่อนได้รับคำแนะนำให้ไปเมืองหลวง หรือกรุงศรีอยุธยา... (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2014/01/pro30130157p2.jpg) ด้าน พระครูปริยัติกิจโสภณ (สายันต์ จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ หรือวัดราษฎร์บูรณะในปัจจุบัน เล่าให้ฟังต่อถึงประวัติคร่าวๆ ของหลวงปู่ทวดว่า การเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาไปยัง จ.สงขลา ในสมัยโบราณ มีเพียงเรือสำเภาเท่านั้น การเดินทางใช้ระยะเวลานานมาก เมื่อหลวงปู่ทวดท่านกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา แล้วต้องเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา ก็จะต้องมาลงเรือที่สงขลา แต่ก่อนเรือที่จะออกจากท่า บรรดาลูกเรือต่างวุ่นวายอยู่กับการเล่นพนันและลืมเตรียมน้ำจืดไว้ใช้บนเรือ ครั้นเมื่อเรือออกเดินทางไปแล้ว กลับไม่มีน้ำจืดจะกินจะใช้ จึงอ้างสาเหตุเป็นเพราะหลวงปู่ทวด จึงได้นิมนต์ให้ลงเรือเล็ก เพื่อจะนำไปทิ้งบนเกาะแห่งหนึ่ง "หลวงปู่ทวดจึงอธิษฐานว่าหากสามารถสืบต่ออายุพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองได้ ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เหยียบลงไปกลายเป็นน้ำจืด และน้ำทะเลบริเวณที่จุ่มเท้าลงไปก็กลายเป็นน้ำจืดจริงๆ บรรดาลูกเรือจึงได้ช่วยกันตักน้ำขึ้นมาเก็บบนเรือไว้ใช้ ด้วยเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงได้รับสมญานามว่า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" :25: :25: :25: กล่าวสำหรับ พระครูปริยัติกิจโสภณ อายุ 68 ปี เดิมเป็นคนบ้านละโพ๊ะ ต.ป่าไร่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ยังเล่าถึงสภาพของวัดช้างให้ด้วยว่า เมื่อหลายปีก่อนวัดช้างให้กับปัจจุบันแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลมีผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้ทำบุญ ทั้งคนและรถล้นทะลักออกไปยังหน้าวัด ต่างเข้าสักการะอัฐิหลวงปู่ทวดและรูปหล่อสำริดหลวงปู่ทวดในวิหาร พร้อมทั้งบูชาพระเครื่องหลวงปู่ทวด กลับไปเป็นสิริมงคลและสะสม จนกลายเป็นพระเครื่องที่มีผู้นิยมหามาครอง โดยเฉพาะพระว่านหลวงปู่ทวดรุ่นต่างๆ และเหรียญรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ต่างเป็นที่ต้องการของบรรดาเซียนพระและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หวังได้เป็นเคล็ดในการเลื่อนชั้นยศและมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนหลายต่อหลายวัด หรือแม้กระทั่งไม่ใช่วัดจำนวนมากแอบอ้างนำชื่อหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ไปสร้างเป็นรุ่นต่างๆ โดยไม่เคยขออนุญาตจากทางวัดเลย st12 st12 st12 "หลังจาก ปี 2547 เป็นต้นมา (เริ่มเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้) จำนวนผู้คนก็เริ่มลดน้อยลง จนเดี๋ยวนี้รู้สึกว่าน่าจะลดไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับตัววัดช้างให้ก็ยังปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งเวลาที่วัดมีกิจกรรมหรืองานต่างๆ คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามก็ยังเดินทางมา แต่คนต่างถิ่นได้รับข่าวสารถึงเหตุการณ์ต่างหวาดกลัวกัน ถ้าพูดจริงๆ แล้วทางวัดช้างให้ไม่มีอันตราย หากย้อนไปสมัยโบราณ วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนมุสลิม มีการมาเยี่ยมเยียนกันตลอด เราอยู่เป็นเหมือนพี่เหมือนน้องกันมาตั้งแต่สมัยก่อน" เจ้าอาวาสวัดช้างให้ กล่าวด้วยว่า หากเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด ก็ไม่อยากพูดว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ยังไง เพราะว่าพูดไปบางครั้งจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่ต้องเข้าใจว่าพระ โดยเฉพาะพระในสมัยโบราณจะเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก หลวงปู่ทวดเป็นพระที่มีอายุยืนยาวมากและท่านก็เคร่งครัดมาก ช่วยเหลือสังคมก็มาก แม้กระทั่งท่านยังมีชีวิตอยู่ผู้คนก็มากราบไหว้ท่านมากเพราะเป็นพระที่เคร่งครัด เมื่อท่านมรณภาพ คนที่เคยศรัทธาก็มากราบไหว้ตลอด ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านตลอด st11 st11 st11 ส่วนเรื่องของการสร้างเหรียญและพระเนื้อผงต่างๆ มากมายของหลวงปู่ทวดนั้น ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัดช้างให้นั้น เจ้าอาวาสวัดช้างให้กล่าวว่า ตอนนี้เห็นหลายๆ วัดในหลายพื้นที่ต่างทำเพื่อหารายได้เข้าวัดบ้าง และก็มีส่วนตัวบ้าง ถือว่าตรงนี้สุดแล้วแต่ใครจะทำ แต่ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วย เพราะพระที่ทำไปแต่ละรุ่นแต่ละครั้ง ทำแล้วก็อยากจะให้นำไปบูรณะวัดวาอารามจริงๆ ไม่ใช่เอาไปใช้อย่างอื่น มันไม่ถูกต้องตามเป้าหมาย "บางครั้งคนก็ไปสร้างเป็นผลประโยชน์ เป็นธุรกิจส่วนตัว ที่สำคัญทางวัดไม่ได้อนุญาตให้นำรูปเหมือนหลวงปู่ทวดไปสร้าง ก็ยังแอบไปทำแล้วยังไปลงขายตามเว็บไซต์อ้างพิธีบวงสรวงที่วัดช้างให้ ทั้งๆ ที่ทางวัดไม่เคยรู้เรื่อง เอาจนกระทั่งทางเจ้าคณะจังหวัดปัตตานีออกหนังสือห้ามหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด โดยเฉพาะเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แอบอ้างสร้างพระหลวงปู่ทวดอีก ตอนนี้มีการแอบอ้างสร้างที่มันมากเกินไปเสียแล้ว ทำให้ญาติโยมสับสนกันหมด ไม่รู้ว่าของที่ไหนออกมา โยมก็แห่ไปบูชาโดยเข้าใจว่าเป็นของวัดช้างให้ ถึงขนาดว่าหลายต่อหลายคนถึงกับมาแอบตั้งโต๊ะบวงสรวงอยู่หน้าวัด เพียงแค่จะได้ถ่ายรูปแอบอ้างให้เห็นให้เข้าใจว่ามีการทำพิธีบวงสรวงที่วัดช้างให้ ขนาดว่าไม่อนุญาตก็ยังถ่ายรูปเอาไปลงเอาไปอ้างให้เกี่ยวข้องกับวัด อยากจะขอให้คนที่หากินกับเรื่องแบบนี้ ขอให้มีจิตสำนึกบ้าง" (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2014/01/pro30130157p3.jpg) พระครูปริยัติกิจโสภณ เล่าต่อว่า อยากให้ญาติโยม ประชาชนทั่วไปได้สำนึกและต้องฉุกคิดให้ดีว่าที่เขาเหล่านั้นสร้างขึ้น มาจากสาเหตุแบบไหน อยากให้คนที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่ทวดได้ใช้สติปัญญาคิดก่อนที่จะบูชาว่าต้นสายปลายเหตุมาจากไหน วัตถุประสงค์การสร้างเอาไปทำอะไร อาจจะโฆษณาว่าเอาเงินไปช่วยเหลือวัด ทำวัดนั้นวัดนี้ แต่ความจริงแล้วพอได้เงินมา 20-30 ล้าน ก็เอาไปให้วัดแค่ 4-5 แสน จากนั้นไม่รู้ว่าเอาไปไหนหมดและไม่เคยบอกใครว่าพระรุ่นนี้ทำขึ้นมาแล้วได้กี่บาท "ความจริงเจตนารมณ์ของหลวงปู่ทวด คือการได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาและหลักธรรมมะให้กับชาวพุทธผู้เสื่อมใสศรัทธา กับเป็นพระนักสู้ อุทิศตน จนถูกยกย่องเป็นพระอริยสงฆ์ หากแต่ปัจจุบันได้มีผู้บิดเบือนลืมเลือนว่าร่างของท่านได้ถูกฌาปนกิจที่วัดช้างให้แห่งนี้ เราชาวพุทธ ต้องไม่ลืมเจตนารมณ์ของท่าน ต้องกล้าเข้าวัด ไปกราบไหว้ รำลึกถึงคุณงามความดีของท่านและร่วมกันสร้างอนุสรณ์ให้เผยแพร่ มิใช่เพียงจะรำลึกถึงแต่พุทธพาณิชย์เพียงอย่างเดียว :sign0144: :sign0144: :sign0144: "ของวัดช้างให้เองตอนนี้ที่สร้างพระขึ้นมาก็เพื่อส่งเสริมการศึกษาให้กับพระสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเป้าหมายสูงสุด เฉพาะการศึกษาสายทางธรรมมะทางบาลี คือวัดจะไม่ไปยุ่งกับการศึกษาทางโลก ทางสายสามัญก็จะเอาสายนักธรรมกับบาลีให้ได้รับการศึกษาจนถึงเปรียญ 9 หรือปริญญาตรี ขณะนี้ได้ช่วยเหลือการศึกษาของพระสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้มาเรียน มีสถานที่ได้เรียน เพราะจากสถานการณ์ทำให้วัดอื่นๆ ที่เคยเป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ อย่างที่วัดเมืองยะลา หรือวัดมุจลินทวาปีวิหาร (วัดตุยง) พระอารามหลวง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ต่างก็ล่มกันหมดแล้ว เหลือแต่ที่วัดช้างให้แห่งเดียว ปัญหาจากไม่มีเด็กๆ มาบวชเรียน เพราะคนไทยพุทธใน 3 จังหวัดเหลือน้อย พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็ย้ายออกนอกพื้นที่ไปกันมาก มีผู้มาเรียนภาษาบาลีน้อยลง ทางวัดช้างให้จึงเป็นเพียงวัดเดียวที่ยังมีเรียน ทางวัดพยายามต่อสู้จนสุดความสามารถ ถึงจะต่อสู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย สู้แบบที่ไม่มีใครมาคอยยุ่งช่วยเหลือในจุดนี้ก็ตาม ปัจจุบันไม่มีใครมองเห็น ไม่สนับสนุนเหมือนกับเมื่อก่อน" :s_good: :s_good: :s_good: เจ้าอาวาสวัดช้างให้ สรุปตอนท้ายอย่างน่าฟังว่า สิ่งที่อยากจะให้หน่วยงาน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกเข้ามาดูแลบ้างนั้นไม่อยากจะพูดแล้ว ได้แต่ใช้หลัก อัตตาหิ อัตโน นาโถ หรือตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หากสู้แล้วล่มไป หรือไปไม่รอดก็สุดแล้วแต่วาสนา เพราะว่าทำสุดความสามารถแล้ว ขอบคุณภาพข่าวจาก หน้า 8 มติชนรายวัน ฉบับวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2557 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389762204&grpid=&catid=19&subcatid=1904 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389762204&grpid=&catid=19&subcatid=1904) หัวข้อ: Re: "หลวงปู่ทวด-วัดช้างให้" รำลึกถึงคุณความดี มิใช่เพียงพุทธพาณิชย์ เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มกราคม 20, 2014, 12:09:34 pm st11 st12 thk56
|