หัวข้อ: สืบค้นที่มาพระทองคำ ทำไมมาอยู่วัดเทพนารี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 08, 2014, 08:30:09 pm (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2014/02/07/401934/hr1667/630.jpg) สืบค้นที่มาพระทองคำ ทำไมมาอยู่วัดเทพนารี หลวงพ่อทองยิ้มวัดเทพนารี แขวง และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ยังอยู่ในความสนใจของผู้คน วัดนี้สร้างสมัยรัชกาลที่ 1 เดิมชื่อวัดบางพลูล่าง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2335 หน้าวัดหันเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยาด้านหลังปัจจุบันคือถนนจรัญสนิทวงศ์ หลังพบพระพุทธรูปทองคำศิลปะสุโขทัย ตามรูปแบบศิลปะ อายุราว 800 ปี แต่เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด เนื่องจากพระพุทธรูปยังไม่ได้กะเทาะออก เห็นเพียงแต่พุทธลักษณะภายนอกที่ใช้ปูนห่อหุ้มไว้ปูนลงสีทองอร่ามเรืองภายในพิสูจน์ด้วยเครื่องสแกนแล้ว พระครูปลัดนายกวัฒน์เจ้าอาวาสยืนยันว่า มีพระพุทธรูปทองคำอยู่จริง :25: :25: :25: พระพุทธรูปทองคำหรือหลวงพ่อทองยิ้มมาอยู่วัดเทพนารีได้อย่างไร พระครูปลัดนายกวัฒน์บอกว่า ฟังจากญาติโยม ได้ความว่า แต่เก่าก่อนหน้าวัดเทพนารีเป็นท่าน้ำ และยังเคยใช้เป็นท่าแพซุงที่ล่องมาจากเมืองเหนือ “อาตมาคิดว่า แต่ก่อนโน้นเขาคงล่องพระพุทธรูปมาจากเหนือ แล้วนำมาพักไว้ที่วัดแห่งนี้ก่อน พระสำคัญๆ ได้อัญเชิญไปประดิษฐานตามวัดต่างๆในกรุงเทพฯ เช่น วัดเบญจมบพิตร และวัดอื่นๆ ส่วนหลวงพ่อทองยิ้ม ท่านมีปูนหุ้มไว้ภายนอก อาจจะเป็นเพราะต้องการพรางตาเจ้านาย บางทีก็อาจจะเป็นการพรางตาหัวขโมยก็ได้ แล้วนำมาประดิษฐานในวัดชานเมืองก่อน” (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2014/02/07/401934/o3/420.jpg) เหล่านี้เป็นคำสันนิษฐานทั้งสิ้น แม้เรื่องราวพระพุทธรูปทองคำจะเปิดเผยออกมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีนักวิชาการสำนักไหนกล้าฟันธงได้ว่า หลวงพ่อทองยิ้มมาจากวัดไหน และมาอยู่วัดเทพนารีได้อย่างไร แต่ “อาตมาคิดว่า มาทางแม่น้ำแน่นอน” เจ้าอาวาสวัดเทพนารียืนยัน ถ้ามาทางน้ำ จะเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกันที่สุนทรภู่เคยกล่าวถึงไว้ในนิราศพระบาท ที่แต่งเมื่อ พ.ศ.2350 ได้หรือไม่ ยามนั้นสุนทรภู่ยังเป็นมหาดเล็กในพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ โอรสในกรมพระราชวังหลัง กลอนสุนทรภู่ตอนหนึ่งว่า “ถึงสามเสนแจ้งความตามสำเหนียก เมื่อแรกเรียกสามแสนทั้งกรุงศรี ประชุมฉุดพุทธรูปในวารี ไม่เคลื่อนที่ชลธารบาดาลดิน จึงสาปนามสามแสนเป็นชื่อคุ้ง เออชาวกรุงกลับเรียกสามเสนสิ้น นี่หรือรักจะมิน่าเป็นราคิน แต่ชื่อดินเจียวยังกลายเป็นหลายคำ...” :96: :96: :96: เมื่อสุนทรภู่ผ่านสามเสนมาแล้วก็ “ถึงบางพลัดยิ่งอนัตอนาถจิต นิ่งพินิจนึกหน้าน้ำตาไหล...” สุนทรภู่ไม่ได้บอกว่า ในที่สุดแล้วพระพุทธรูปนั้นขึ้นจากน้ำหรือไม่ ขึ้นแล้วไปอยู่วัดใด และท่านก็ไม่ได้บรรยายพุทธลักษณะ เพราะเกิดไม่ทัน ได้ยินเพียงตำนานเล่าขาน ดังนั้น พระพุทธรูปทองคำหุ้มปูนที่วัดเทพนารี อาจเป็นพระพุทธรูปต้นตำนานการตั้งชื่อสามเสน หรืออาจไม่ใช่ก็มีความเป็นไปได้พอๆกัน ความจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ การชะลอพระพุทธรูปจากเมืองเหนือมายังกรุงรัตนโกสินทร์ (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2014/02/07/401934/o5/420.jpg) ปรากฏร่องรอยให้สืบค้นว่า ต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีการชะลอพระพุทธรูปจากเมืองเหนือมาเกือบ 2,000 องค์ แต่ละองค์กระจายไปอยู่ตามวัดต่างๆ แน่นอนว่า พระพุทธรูปสวยงามอย่างพระพุทธรูปทองคำ ย่อมอยู่ในมือของผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และผู้ใหญ่เหล่านั้นมักมีวัดประจำของตนเอง ดร.อุเทน วงศ์สถิตย์ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออกคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ฉายภาพเหตุการณ์ให้ฟังว่า การขนพระพุทธรูปจากหัวเมืองต่างๆ เข้ามากรุงเทพฯ นั้นปรากฏมีมาตลอดในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นทุกรัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 :49: :49: :49: แต่การขนย้ายพระพุทธรูปครั้งใหญ่ที่สุดก็คือในสมัยรัชกาลที่ 1 ในพระราชพงศาวดารระบุว่า“โปรดให้เชิญพระพุทธปฏิมากร ทองเหลือง ทองสำริด ซึ่งชำรุดปรักหักพังอยู่ ณ เมืองพิษณุโลกเมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย เมืองลพบุรี กรุงเก่า ทั้งองค์ใหญ่องค์น้อยรวม 1,248 องค์ ลงมาให้ช่างหล่อต่อพระเศียร พระศอ พระหัตถ์ พระบาท เสร็จบริบูรณ์แล้ว อัญเชิญประดิษฐานไว้ตามที่อันสมควร” เหตุการณ์นี้คงจะเกิดขึ้นในช่วงราว พ.ศ. 2336-2344 อันเป็นปีที่วัดพระเชตุพนสร้างเสร็จในสมัยนั้นการขนย้ายพระพุทธรูปต้องขนส่งมาทางแพ และคงมีพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งที่แตกแพ กระจัดกระจายไปตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ ประชาชนริมฝั่งคลองพบเข้าก็อาราธนาขึ้นประดิษฐานตามวัดวาอารามต่างๆ จนเป็นที่มาของตำนานพระพุทธรูปลอยน้ำ st12 st12 st12 มาในสมัยรัชกาลที่ 2 ไม่ปรากฏการขนย้ายพระพุทธรูปจำนวนมาก ในพระราชพงศาวดารระบุเพียงการอัญเชิญพระพุทธบุษยรัตน์ เข้ามาจากเวียงจันทน์ในปี พ.ศ.2355 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากทรงโปรดการสร้างวัด จึงมีการขนย้ายพระพุทธรูปต่างๆ เข้ามาในเมืองหลวงหลายคราว เช่น พระพุทธชินสีห์ มาไว้วัดบวรฯ และยังอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญจากอาณาจักรล้านช้าง เช่น พระสุก พระใส พระแซกคำมาประดิษฐานในวัดสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ เนื่องจากมีการสร้างวัดเป็นจำนวนมากโดยเหล่าข้าราชบริพาร จึงเกิดการแสวงหาพระพุทธรูปที่มีลักษณะงามเพื่อเป็นพระประธานกันครั้งใหญ่ แต่ไม่ปรากฏหลักฐาน เช่นในกรณีของพระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร แต่เดิมก็เคลื่อนย้ายจากหัวเมืองมาในคราวนี้ (http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2014/02/07/401934/o4/420.jpg) สมัยรัชกาลที่ 4 แม้มีการสร้างวัดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคณะธรรมยุต แต่พระพุทธรูปส่วนใหญ่โปรดให้สร้างขึ้นใหม่ตามแบบราชนิยม แต่ก็มีการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปสำคัญบางองค์ เช่น ย้ายพระแสน พระใส มาไว้วัดปทุมวนาราม และย้ายพระศรีศาสดามาไว้วัดบวรฯ นอกจากนี้อาจมีพระพุทธรูปอื่นๆ เคลื่อนย้ายเข้ามาในรัชกาลนี้ เช่นในกรณีวัดหงษ์รัตนาราม การเคลื่อนย้ายครั้งสำคัญอีกครั้งคือ ในปี พ.ศ.2442 เมื่อ รัชกาลที่ 5 สร้างวัดเบญจมบพิตรเสร็จ ทรงรับสั่งให้กรมพระยาดำรงฯ จัดหาพระพุทธรูปที่มีลักษณะงาม ในศิลปะต่างๆ มาประดิษฐานไว้ในบริเวณระเบียงพระอุโบสถ ประเด็นนี้ พระครูปลัดนายกวัฒน์บอกว่า “หลายคนมีความเห็นตรงกันว่า หลวงพ่อทองยิ้มน่าจะมาจากวัดใดวัดหนึ่งจากกรุงสุโขทัย อาจจะมาพร้อมๆ กับการสร้างวัด หรือนำมาภายหลังก็ได้พอๆกัน” ans1 ans1 ans1 ทำไมถึงคิดอย่างนั้น “เพราะว่าคนสร้างเป็นชาวมอญผู้รับใช้พระมหากษัตริย์มาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ยังมีทายาทสนองงานเรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 4 และสืบเชื้อสายเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน ขุนนางท่านนี้ต้องเป็นผู้มีบารมี ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสร้างวัดใหญ่โตขนาดนี้ได้” เราพอทราบรางๆ ว่า หลวงพ่อทองยิ้มน่าจะมาจากเมืองเหนือ แต่จะเป็นสุโขทัยหรือไม่ความจริงเป็นอย่างไร ต้องหาความกระจ่างกันต่อไป. ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/401934 (http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/401934) หัวข้อ: Re: สืบค้นที่มาพระทองคำ ทำไมมาอยู่วัดเทพนารี เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2014, 08:24:39 am :c017:
|