หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : โลกุตระปัญญา เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2014, 07:31:44 pm (http://www.madchima.net/images-sp/pc76.jpg) สมาธิชาวบ้าน : โลกุตระปัญญา ภาวะพระนิพพานนั้น ถ้ารู้และเข้าใจธาตุรู้อย่างถ่องแท้แล้ว เกิดปัญญาจากธาตุรู้ และถอนความเป็นตัวตนเจ้าข้าวเจ้าของธาตุรู้ได้ ธาตุรู้นั้นก็สอนเราให้รู้จักพระนิพพาน เพราะในที่สุดเราได้คืนธาตุรู้นี้กลับไปสู่ความเป็นเดิมแท้ของมัน สภาวะพระนิพพานเป็นการที่หมดสิ้นซึ่งการยึดติดในทุกๆ สิ่ง ดวงจิตกลับสู่ภาวะเดิมแท้ก่อนที่จะลงมาแปดเปื้อนความคิดต่างๆ พระพุทธเจ้าก็รู้ตรงนี้ พระพุทธเจ้าเกิดมาบนโลกไม่ได้เกิดมาเพื่อประกาศธรรมะ แต่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบพระนิพพานที่ยิ่งใหญ่ และได้นำมาประกาศซึ่งธรรมะอันนำพาเพื่อความหลุดพ้น พระนิพพานมีอยู่ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดในโลกนี้ พระพุทธเจ้ารู้ธรรมะนี้ก็เลยนำมาประกาศแก่ชาวโลก :25: :25: :25: พระนิพพานก็คือการพรากดวงจิตออกจากความคิด ไม่มีสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ร่างกายตัวตนไม่ปรากฏ ความรู้สึกไม่ปรากฏ ไม่มีความคิดหลงเหลือในดวงจิต ในขั้นต้นจะเป็นสมาธิในระดับฌาน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง จิตสละทุกอย่างทิ้งแม้กระทั่งตัวจิตเอง จิตกลับสู่จิตเดิมแท้ จิตดวงนั้นจะอยู่ในภาวะนิพพาน เพราะตอนแรกธาตุรู้ก็เป็นความเดิมแท้ แต่ต่อมาเกิดเป็นอวิชชาขึ้น เกิดมีเจ้าของขึ้นมา คิดว่าเป็นของของมัน ก็เลยเริ่มมีจิตของเรา วิญญาณของเรา หลังจากนั้นจิตวิญญาณของเราที่ไปครอบครองธาตุรู้ ก็เริ่มสะสมกรรมต่างๆ ต่อจิตเมื่อเท่าทันถึงที่สุด ก็จะรู้ว่าธาตุรู้นั้นไม่มีใครเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ (http://www.madchima.net/images-sp/pc73.jpg) แต่เราเองที่หลงผิดคิดว่ามันเป็นของของเรา ต่อเมื่อถึงความรู้สูงสุดตรงนี้ แล้วจิตมันปล่อยวางธาตุรู้นี้ไป เพราะธาตุรู้ไม่ใช่ของมัน ไม่มีตัวตนจริง ไม่ใช่ของของมัน ธาตุรู้มันก็เป็นธาตุรู้ ไม่มีเจ้าของ เมื่อปล่อยธาตุรู้อันนั้นไปเป็นอิสระ ความเป็นเจ้าของธาตุรู้ไม่มีเมื่อไหร่ ธาตุรู้นั้นก็เป็นปัญญาพระนิพพาน ปัญญาพระนิพพานก็เกาะติดกับจิตไปเรื่อย จะเกิดความรู้ไปทีละนิดอย่างเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดทางของปัญญาพระนิพพานจะเป็นโลกุตระในโลกียภูมิ ปัญญาพระนิพพานมาสุดที่โลกุตระในโลกียภูมิแล้ว ปัญญาพระนิพพานก็ก้าวเข้าสู่โลกุตระภูมิ ก็เป็นปัญญาพระนิพพาน แต่เป็นอาการที่ไม่มีสมมติบัญญัติเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อไหร่ที่เรารู้ว่าไม่เกิดจะดีที่สุด เห็นความสุขในพระนิพพาน พระนิพพานก็จะปรากฏให้เราเห็น :96: :96: :96: แต่ตอนนี้เรายังอยู่ในโลก เรายังมีความรู้สึกว่ามีความสุขทางโลก เรายังไม่ประมวลคิด ถ้าเราประมวลความคิดเมื่อไหร่ เราจะเห็นว่าความสุขทางโลกมันจะมีจริงๆ แต่มันมีไม่มากเมื่อเทียบกับความทุกข์บนโลก เมื่อเทียบกันแล้วจะรู้ว่าการไม่เกิดเท่านั้นที่เป็นสุขจริงๆ เป็นสุขนิรันดร์ คราวนี้ปัญญาพระนิพพานก็จะเกิดเยอะขึ้น พอเห็นถึงความจริง แนวทางที่จะปฏิบัติไปต่อเรื่อยๆ มันจะเกิดและเป็นแรงกระตุ้น มันอยู่ที่เราตัดสินใจ จิตทุกดวงที่จะสำเร็จพระนิพพานจะต้องสำเร็จในโลกุตระภูมิ เป็นอาการของจิตที่เป็นนามธรรมล้วนๆ ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการสอน การเรียน แต่สามารถสอบอารมณ์ซึ่งกันและกันได้ จิตที่เกิดปัญญาที่เรียกว่าโลกุตระปัญญา เป็นพระนิพพานที่เหนือโลกเป็นโลกุตระภูมิไปแล้ว ถึงแม้ว่าไม่มีความหมายในสมมติบัญญัติ ไม่มีความขอบเขตในสมมติบัญญัติ ไม่มีสัญญาในสมมติบัญญัติ ไม่มีเวทนาในสมมติบัญญัติ แต่ในความไม่มีนั้นก็เกิดปัญญาโลกุตระได้เช่นกัน เป็นนิพพานเหมือนกัน. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/090214/85738 (http://www.thaipost.net/tabloid/090214/85738) |