สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 13, 2014, 07:18:59 pm



หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 13, 2014, 07:18:59 pm

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/t1/1798160_603407199740738_1877096431_n.jpg)

สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3

จิตทุกดวงเมื่อดำเนินไปในทางนี้ ก็จะเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน รู้เรื่องเดิมๆ แต่แตกต่างออกไป รู้ลึกไปถึงระบบกรรมบนโลก

ความทุกข์ที่มันจะเข้ามาทำร้ายเรา มันก็ถูกจิตรู้เท่าทัน ความทุกข์นั้นก็จะหายไป หรือหากไม่หายไป แต่ถ้าเท่าทัน ความทุกข์นั้นก็ทำร้ายเราได้น้อยลง เพราะจิตมันเท่าทันความทุกข์นั้นแล้ว คือจิตไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ความทุกข์นั้น หรือแม้กระทั่งความสุขก็เช่นกัน เมื่อจิตเกิดความรู้ ความสุขที่เข้ามาหากจิตเท่าทัน ความสุขนั้นก็ไม่ดึงเราไปติดสุขมากจนเกินไป ไม่ดึงเราไปหลงโลกด้วยอำนาจของความสุขนั้น

เพราะไม่ว่าความทุกข์หรือความสุข พอเราเท่าทันมันแล้ว มันก็จะเห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วดับไป โดยมีจิตของเราเข้าไปรับรู้ จนเกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

เมื่อจิตดำเนินไปในลักษณะนี้บ่อยๆ เข้า จิตจะยกตัวเข้าสู่ภูมิที่สูงขึ้นๆ ไปอีก ก็จะเห็นความทั้งความสุข ความทุกข์ ล้วนเกิดจากกรรม ซึ่งมาจากกรรมดี-กรรมชั่วที่เกิดจากการกระทำของเราโดยมีจิตเป็นตัวควบคุม กรรมทั้งสองจะส่งผลในความสุข ความสบาย ความสำเร็จ ส่วนกรรมชั่วก็ส่งผลในทางความทุกข์ ความเดือดร้อน ความลำบาก ความยากจน

แต่กรรมทั้งสองชนิดนี้จะส่งผลต่างกัน และกรรมทั้งสองชนิดนี้เป็นเหตุในการเกิดที่เท่าๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ดวงจิตนี้ยึดติดเป็นอวิชชา ไปหลงยึดมั่นถือมั่นไว้ ต่างก็เป็นเหตุปัจจัยในการเกิดเท่ากัน การเกิดคือผลลัพธ์ของกรรม เหตุปัจจัยมีได้ทั้งสองอย่าง ดังนั้นแล้ว จิตที่เข้าถึงนิพพานเป็นเรื่องที่อยู่เหนือกรรม ไม่มีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ไม่มีการเกิดอีก

แต่การทำกรรมดีไว้เป็นการสร้างเสบียงไว้สำหรับการเกิด เพราะหากไม่สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ กรรมดีจะส่งผลให้จิตดวงนั้นไปเกิดใหม่ ได้พบแต่สิ่งดีๆ ตามกรรมดีที่ทำไว้



(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/t1/1795684_599685286779596_1405536411_n.jpg)


แต่นิพพานโดยแท้จริงแล้ว จิตจะไม่สามารถที่จะยึดติดแม้แต่กรรมดีได้แม้แต่เพียงนิดเดียว เสบียงมีไว้สำหรับผู้ที่เดินทางกลับบ้านคือนิพพาน แต่เมื่อถึงบ้านแล้วถึงนิพพานแล้ว เสบียงที่ขนมาก็ต้องปล่อยทิ้งไป เพราะถ้าไปยึดมั่นถือมั่นในเสบียงก็ต้องเดินทางต่อไป ไม่ถึงบ้านถึงนิพพานสักที

จิตจะต้องพิจารณาจิตตลอด เรียกว่าจิตดูจิต จิตไม่เห็นจิตตัวเองเมื่อไหร่ก็จะหลงไปในทันที เมื่อพ้นอำนาจจากโลกนี้แล้ว จิตก็จะหลุดพ้น

 :25: :25: :25:

ของทั้งหมดบนโลกทั้งสิ่งของกรรมดี-กรรมชั่วก็หมดสิ้นไป กลายเป็นของของโลกไป เรายืมโลกนี้ใช้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ความตายมาถึงพ้นโลกไปทุกอย่างก็เป็นสมบัติของโลก ถ้าหลงยึดมั่นก็จะทำให้มาเกิดใหม่ วนเวียนอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เกิดในก้อนธาตุใหม่ แต่ดวงจิตเป็นดวงจิตเดิมเป็นละครเรื่องใหม่ไม่มีจบสิ้น ตราบจนจิตนั้นจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นโรงละครที่เล่นกันไปเรื่อยๆ

จิตวิญญาณไม่เคยดับสูญไปไหน เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ รู้แจ้งเห็นจริงแล้วมีความมุ่งมั่นสู่พระนิพพาน ดำเนินจิตไปในทางที่ถูกต้อง ละวางจากทุกสิ่งทุกอย่าง ก็สามารถที่จะหยุดโรงละครโรงนี้ได้เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นละครโรงนี้ก็จะไม่จบ.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/090314/87164 (http://www.thaipost.net/tabloid/090314/87164)


หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : จิตในดงความคิด 3
เริ่มหัวข้อโดย: what-is-it ที่ มีนาคม 14, 2014, 06:32:44 pm
พยายามอ่าน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คะ

  :49: thk56