สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 22, 2014, 10:28:11 pm



หัวข้อ: หวาดเสียว.! เผยภาพชาวเนปาลออกล่าน้ำผึ้งริมผา เทือกเขาหิมาลัย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 22, 2014, 10:28:11 pm

(http://www.khaosod.co.th/online/2014/03/13954848901395484905l.jpg)

หวาดเสียว.! เผยภาพชาวเนปาลออกล่าน้ำผึ้งริมผา เทือกเขาหิมาลัย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก boredpanda.com

เผยภาพถ่ายอันน่าทึ่งของเหล่านักล่าน้ำผึ้งจากเนปาล กับการเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ริมหน้าผา เทือกเขาหิมาลัย

วันที่ 19 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ได้เผยภาพถ่ายอันน่าทึ่งของเหล่านักล่าน้ำผึ้งแห่งเทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย แขวนชีวิตไว้บนเส้นเชือกที่ห้อยอยู่ระหว่างขอบหน้าผา ท่ามกลางกระแสลมแรงและกลุ่มควันดำหนา เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำผึ้งอันแสนหวานจากรังผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แม้ว่าภาพการเก็บน้ำผึ้งที่ชวนหวาดเสียวนี้อาจเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสียสำหรับใครหลายคน แต่นี่ก็คือวิถีชีวิตของชนเผ่าซึ่งอาศัยอยู่ในเขตคาสกี เชิงเขาหิมาลัยแห่งนี้ ซึ่งได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เป็นประเพณีโบราณซึ่งมีมาตั้งแต่ 11,000 ปีก่อนคริสตกาล


(http://www.khaosod.co.th/online/2014/03/13954848901395484916l.jpg)

โดยในการออกล่าน้ำผึ้งแต่ละครั้ง กลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้จะเริ่มจากการเก็บรวบรวมใบไม้มาเพื่อก่อไฟกองใหญ่ สุมควันไฟดำหนาไล่เหล่าผึ้งยักษ์ออกไปจากรังของพวกมัน เปิดทางสะดวกให้แก่นักล่าน้ำผึ้งในชุดป้องกันผึ้งให้ไต่ขึ้นไปบนเชือกซึ่งแขวนตรึงไว้จากยอดหน้าผาและพื้นเบื้องล่าง จนเมื่อนักล่าน้ำผึ้งไต่ขึ้นไปถึงที่ระดับ 50 เมตร ปฏิบัติการเก็บน้ำผึ้งของเขาก็เริ่มขึ้น โดยมีอุปกรณ์เป็นไม้ไผ่ 2 ท่อน ท่อนแรกใช้เพื่อตัดรังผึ้งออกจากขอบผา และอีกท่อนใช้ยึดรังผึ้งไว้ไม่ให้ร่วงลงไปด้านล่าง โดยรังผึ้งที่เก็บได้จะถูกวางไว้ในตะกร้าที่ห้อยลงมาจากยอดผา ก่อนที่ตะกร้าจะค่อย ๆ หย่อนลงมาให้คนที่รออยู่เบื้องล่างได้เก็บรวบรวมต่อไป

อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการลดลงของจำนวนประชากรผึ้ง ทำให้ชนเผ่ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่รังผึ้งยักษ์เหล่านี้จะหายไปในสักวัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายวิถีชีวิตของพวกเขาแล้ว ยังเป็นการทำลายแหล่งอาหารและแหล่งรายได้สำคัญของชนเผ่านี้ด้วย


(http://www.khaosod.co.th/online/2014/03/13954848901395484923l.jpg)

(http://www.khaosod.co.th/online/2014/03/13954848901395484929l.jpg)

ขณะที่รัฐบาลเองก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการนำประเพณีการล่าน้ำผึ้งสุดหวาดเสียวนี้ มาโปรโมทเป็นกิจกรรมในการผจญภัยของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ล่าน้ำผึ้งร่วมกับเหล่านักล่าน้ำผึ้ง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ที่สร้างประโยชน์ทางด้านการเงินแก่ชนเผ่า โดยที่ชนเผาเชิงเขาหิมาลัยอาจไม่ตระหนักเลยว่าประโยชน์ระยะสั้นนี้ อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่แหล่งอาหารของพวกเขาจะหายไปเร็วขึ้น จากการไต่เขาด้วยสารพัดอุปกรณ์ทันสมัยของนักท่องเที่ยวซึ่งทำลายสภาพของหน้าผา และจากการเก็บน้ำผึ้งนอกฤดูกาล ซึ่งผิดไปจากธรรมชาติที่พวกเขาเคยทำ

นอกจากนี้ อีกสาเหตุสำคัญที่จะทำให้รังผึ้งเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดนั้น เป็นเพราะน้ำผึ้งจากเทือกเขาหิมาลัยนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดต่างชาติมาก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังญี่ปุ่น จีน และเกาหลี เพื่อนำมาใช้ในยาแผนโบราณ ขณะที่น้ำผึ้งสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลกมากที่สุด และทำเงินได้ราว 1,600 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งการเก็งกำไรนี้ยังอาจนำวิถีการล่าน้ำผึ้งไปสู่การเก็บน้ำผึ้งเพื่อการค้ามากขึ้น ทำให้ผึ้งเหล่านี้ตายเร็วขึ้นนั่นเอง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UUTRORGc1TUE9PQ==&sectionid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UUTRORGc1TUE9PQ==&sectionid=)