สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 22, 2014, 11:35:59 am



หัวข้อ: 'แม่ยุคใหม่' เสพติดสังคมออนไลน์
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 22, 2014, 11:35:59 am



(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2014/04/20/f58f699a8bfak6c9ahdbg.jpg)

'แม่ยุคใหม่' เสพติดสังคมออนไลน์ : ไลฟ์สไตล์

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่มีเวลาไม่มากนัก อย่างเช่นคุณแม่ที่ต้องดูแลลูก สามี และทำงานไปพร้อมกัน ล่าสุด  theAsianparent.com เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณแม่ยุคดิจิทัลกว่า 10,000 คนในอาเซียน พร้อมเผยผลสำรวจประจำปี 2014 ที่ห้องบอลรูม 2 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท เมื่อวันก่อน
 
ณัฐพร จันทร์โชคพงษ์ บรรณาธิการบริหาร theAsianparent.com เผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณแม่ในอาเซียน ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย พบว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ใช้อินเทอร์เน็ตและเข้าร่วมสังคมออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งใช้เพื่อความบันเทิงและทำงาน เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้คุณแม่ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะหลังจากที่มีลูก คุณแม่จะรับข้อมูลทางนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์น้อยลง

 
(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2014/04/20/gedh8beh69d9kgi5ciide.jpg)

"คุณแม่มากกว่า 77 เปอร์เซ็นต์ใช้อินเทอร์เน็ตในการทำงานอย่างน้อยวันละ 1 ชม.กว่า 72 เปอร์เซ็นต์ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างน้อยวันละ 1 ชม.ในเรื่องส่วนตัว ในขณะที่ 12 เปอร์เซ็นต์ ใช้ 6 ชม.ต่อวัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกอย่างคือ คุณแม่ในภูมิภาคนี้นิยมการติดต่อสื่อสารกับคุณแม่ท่านอื่นๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตมากกว่าการพบปะสังสรรค์ เพราะแม่ชาวเอเชียนับว่ามีวิถีชีวิตค่อนข้างยุ่งต้องจัดสรรเวลาระหว่างครอบครัว งาน และกิจกรรมอื่นๆ

สำหรับคุณแม่ในประเทศไทย 69 เปอร์เซ็นต์ติดต่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดย 85 เปอร์เซ็นต์เชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช็กอีเมล เข้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกและเข้าสังคมออนไลน์ หรือแค่เข้ามาค้นหาข้อมูลต่างๆ คุณแม่ 96 เปอร์เซ็นต์ใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อส่งข้อความถึงกัน ซึ่งแอพที่นิยมมากที่สุดคือ ไลน์ ใช้มากถึง 89  เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 คือ วอทส์แอพ อยู่ที่ 23 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้ว่าคุณแม่ชาวเอเชียเข้าข่ายเสพติดสังคมออนไลน์" บรรณาธิการบริหาร theAsianparent.com เผยผลสำรวจ


(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2014/04/20/ha8h877geac8bhjak9eef.jpg)

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2014/04/20/icd65dca6efehdfb8dd6d.jpg)

ภายในงานยังได้เชิญคุณแม่ยุคดิจิทัลมาร่วมเสวนา เริ่มต้นจาก "ปลา" ศิรินา มณีโชติ คุณแม่ลูก 2 วัย 26 ปี เล่าว่า ด้วยความที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย เวลาถามข้อมูลจากพ่อแม่ก็จะได้ข้อมูลที่ค่อนข้างเก่า ส่วนเพื่อนๆ ยังไม่มีลูก เวลาอยากรู้อะไรจึงต้องค้นหาจากอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่ตั้งท้องจนถึงตอนนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงค่ำ หลังจากลูกๆ เข้านอนแล้ว ด้าน "บุ๋ม" ณญาดา หาญโรจนสกุล คุณแม่วัย 30 ปี บอกว่า ปัจจุบันโลกโซเชียลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมาก ที่ใช้บ่อยที่สุดคือเฟซบุ๊ก เพื่อพูดคุยกับคุณแม่ท่านอื่นผ่านทางกล่องข้อความ เนื่องด้วยเวลาค่อนข้างจำกัด การคุยทางออนไลน์จึงสะดวกที่สุด
 
ขณะที่ "ป๋วย" อุไรวรรณ เจริญถาวรพาณิช คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กล่าวว่า การใช้เฟซบุ๊กเป็นการกระจายข่าวสารที่ดี และรวดเร็ว ขณะที่ไลน์เป็นการพูดคุยเฉพาะกลุ่มที่สะดวกตรงกลุ่ม และช่วยร่นเวลาได้มาก ส่วนยูทูบ กับกูเกิล พลัสก็ค่อนข้างใช้บ่อย เพราะช่วยต่อยอดการเรียนรู้ด้วยภาพเคลื่อนไหว ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ปิดท้ายที่ "ตุ๊กตา" สุภารัตน์ มาตย์สถิตย์ ยอมรับว่า ใช้อินเทอร์เน็ตบ่อยมาก อย่างเวลาจะซื้ออะไรให้ลูกสักอย่าง ก็จะเข้าไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก่อน แล้วถามบรรดาแม่ๆ อีกครั้งประกอบการตัดสินใจ เพราะสินค้าสำหรับเด็กเราซื้อครั้งเดียว จึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก แต่ถึงจะไม่ซื้อก็จะช่วยให้มีความรู้เพิ่มขึ้น


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140421/183166.html (http://www.komchadluek.net/detail/20140421/183166.html)


หัวข้อ: Re: 'แม่ยุคใหม่' เสพติดสังคมออนไลน์
เริ่มหัวข้อโดย: Hero ที่ เมษายน 23, 2014, 10:29:35 am
แม่ยุคใหม่

แม่ยุคเก่า

   มีกี่เปอร์เซ็นต์ ที่ว่าเป็น แม่ยุคใหม่ จะได้เสพย์ เทคโนโลยี

 ข้างบ้านผม แม่ยุคใหม่ทั้งนั้นเลย หาเช้ากินค่ำ มีอย่างมากก็มือถือ บางบ้านซักผ้าด้วยมือ อยู่เลย บ้างบ้านทีวีก็ไม่มี ผมว่ามีจำนวนมากนะ ขนาดเขตบ้านผมนี้ ก็ไม่ต่ำกว่า 200 กว่าคนแล้ว ที่เป็นอย่างที่ผมว่า

  ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเมืองไทย เป็นประเทศที่คนยากจน รากหญ้า มีจำนวนเกิน 80 เปอร์เซ็น ไม่งั้นระบบการเมืองตอนนี้ ไม่นำเอาคนรากหญ้าเหล่านี้ มาเป็นเครื่องต่อรอง หรอกครับ

  :character0029: :character0029: :character0029: