หัวข้อ: สนง.พระพุทธฯกำชับต้องสำรวจ-ตักเตือนกลุ่มพระตุ้งติ้ง ยอมรับระบบยังดูแลไม่ทั่วถึง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 25, 2014, 08:16:31 pm http://www.youtube.com/watch?v=qZgRnThU-II#ws (http://www.youtube.com/watch?v=qZgRnThU-II#ws) สนง.พระพุทธฯกำชับต้องสำรวจ-ตักเตือนกลุ่มพระตุ้งติ้ง ยอมรับระบบยังดูแลไม่ทั่วถึง พฤติกรรมของพระสงฆ์หลายรูปทั้งในอดีตและปัจจุบันกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นกรณีของ"เณรคำ" หรือล่าสุดอย่างประเด็นของ "นาตาลี ร้อยหน้า" หรือ "พระเจษฎา" ที่ใข้ชื่อเฟซบุ๊ก "นู๋ร๊ากผัวเขา ผัวเขาก้อร๊ากนู๋" ซึ่งถูกวิจารณ์หลังมีภาพระหว่างช่วงที่สวมจีวรในสถานภาพภิกษุกับช่วงที่แต่งกายเป็นหญิงเผยแพร่ทางโลกออนไลน์และมีการแชร์ข้อความว่าผู้ที่อยู่ในภาพมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนโดนคนในสังคมวิจารณ์กันอย่างหลากหลาย แม้ที่ผ่านมาจะมีการอธิบายชี้แจงผ่านสื่อแต่ข้อมูลการชี้แจงก็ยังไม่สามารถคลายข้อสงสัยให้คนในสังคมหายข้องใจได้สำหรับกรณีนี้นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ถ้าในที่สุดแล้วได้ข้อสรุปว่าผู้ที่ตกเป็นข่าวมีพฤติกรรมแสดงออกตามที่ถูกกล่าวหาจริงก็ถือว่ามีความผิด มีโทษเข้าข่ายหลอกลวง และผิดธรรมวินัยร้ายแรงก็ต้องให้สึก :25: :25: :25: ในกรณีนาตาลี ร้อยหน้า สำนักงานพระพุทธติดตามผู้ที่อ้างว่าเป็นนาตาลี ซึ่งก็ยืนยันว่าไม่ได้มีความประพฤติอย่างที่เป็นข่าว แต่ถูกกลั่นแกล้งและกำลังจะแจ้งความดำเนินคดีผู้โพสต์ ในส่วนพระที่ให้ข่าว ทางสำนักพระพุทธสอบถามแล้ว ท่านยอมรับว่าให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนและได้ขอโทษต่อสังคมแล้ว "แต่โดยทั่วไปตอนนี้ทางมหาเถรสมาคมกำชับให้เจ้าคณะปกครองตรวจตราผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับสมณะเพศก็ต้องดำเนินการให้เด็ดขาด"นายนพรัตน์กล่าว จากกรณีนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยมากกว่าเดิมว่าชายไทยที่มีพฤติกรรมลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศสามารถบวชได้หรือไม่ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาฯ เปิดเผยว่า กรณีที่มีพฤติกรรมหรือการแสดงออกเบี่ยงเบนทางเพศชัดเจน พระธรรมวินัยมีระบุชัดเจนว่า กลุ่มบัณเฑาะว์ ไม่สามารถบวชได้หรือถ้าบวชแล้วมาแสดงออกภายหลังก็ต้องสึก กรณีที่มีจริตไปบ้างแต่ไม่ได้แสดงออกในทางเสื่อมเสียอย่างเข้าไปมั่วสุมทางเพศหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรสงฆ์โดยตรงก็ต้องดูเจตนาและพฤติกรรมซึ่งก็อยู่ในขั้นตักเตือนให้เปลี่ยนนิสัย :49: :49: :49: "ในระเบียบพระอุปัชฌาย์มีความชัดเจนว่าต้องส่งตัวบุคคลที่จะบวชมาตรวจสอบประวัติและมีการทดสอบนิสัยหรือเป็นการดูตัวก่อนบวชอย่างน้อย15 วัน ในดุลยพินิจของพระอุปัชฌาย์ก็น่าเชื่อถือได้ แต่ช่วงหลังก็ให้มีการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ส่วนพฤติกรรมที่ส่อเบี่ยงเบนถ้าไม่แสดงออกต่อหน้าจริงๆ บางทีพระอุปัชฌาย์ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าถ้าบวชไปแล้วหากพบเห็นในระยะ 5 ปีก็ต้องมีการดำเนินการไปตามกฎ แต่ถ้าหลังจากนั้นมีพบเห็นก็ต้องตรวจสอบและดำเนินการตามเหตุผล" ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำหรับสถิติการสึกที่ผ่านมา นายนพรัตน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นแต่ละปีมีไม่เกิน 10 ราย แต่บางครั้งเมื่อเกิดเป็นข่าว คนส่วนใหญ่จะคิดว่ากลุ่มที่มีพฤติกรรมแบบนี้มีมาก แต่จริงๆแล้วมีไม่มากนัก ทั้งนี้ ภิกษุ-สามเณรอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสงฆ์ โดยมีเจ้าคณะปกครองดูแลตามลำดับชั้น มีพระวินยาธิการทำหน้าที่สำรวจตรวจสอบการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยนายนพรัตน์ ยอมรับว่า ปัจจุบันยังมีจำนวนน้อยขณะที่โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วและมีสื่อที่เผยแพร่ข้อมูลอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีเครือข่ายที่ดูแลเรื่องนี้ 84 องค์กรและพร้อมช่วยเหลือให้ข้อมูลเบาะแส ซึ่งนายนพรัตน์ ระบุว่า อาจยังไม่สามารถดูแลอย่างทั่วถึงจึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้เบาะแสอย่างเช่นกรณีเณรคำ :96: :96: :96: นอกเหนือจากคำถามต่อพฤติกรรมสงฆ์ในเรื่องเพศแล้วที่ผ่านมายังมีคำถามเรื่องพฤติกรรมสงฆ์กับเรื่องทางโลกอย่างการเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งนายนพรัตน์ ระบุว่า ระเบียบมหาเถรสมาคมก็บัญญัติชัดเจน ห้ามพระชุมนุมทางการเมือง หรือไปอภิปรายทางการเมือง โทษสำหรับผู้กระทำผิดก็ต้องแล้วแต่เจตนาและการกระทำนั้นๆ อย่างไรก็ตาม นายนพรัตน์ แสดงความคิดเห็นว่า สิ่งที่กระทำนั้นอยู่ที่เจตนาและสิ่งที่แสดงผลจากการกระทำนั้นมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็ไม่ควรทำ แต่ถ้าเป็นการให้ความรู้ตามหลักธรรมในลักษณะที่เป็นกลางจริงและยืนยันได้ว่าถูกต้องก็สามารถทำได้ ขอบคุณข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398326407&grpid=&catid=19&subcatid=1904 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398326407&grpid=&catid=19&subcatid=1904) |