สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 27, 2014, 09:51:20 am



หัวข้อ: นมัสเต.... เสน่ห์ “เนปาล” (2)
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 27, 2014, 09:51:20 am

(http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuFTzqf4jUlOxnE4LXLwjpMxCmKWE8KQyGgH77b1.jpg)

นมัสเต.... เสน่ห์ “เนปาล” (2)

วันที่สองในเนปาล เรามีกำหนดการเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่าที่เป็นทั้งเสน่ห์และสีสันของเนปาลอีก 2 เมือง คือ เมืองปะฏัน หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า เมืองลาลิตปูร์ และ เมืองภักตะปูร์ หรือ ภัคตปุระ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วทั้งสองเมือง

“เราจะได้มีโอกาสไปเจอกุมารีมั้ย” คุณป้ายุ้ย “กรองสิญจน์ กนิษฐสุต” มหาราณีผู้นำคณะ เอ่ยปากถามไกด์หนุ่มทันทีที่ทุกคนขึ้นรถกันพร้อม หน้าแล้ว

“ผมจะพยายามนะครับ” ไกด์ที่เราตั้งฉายาให้ใหม่ว่า “คุณเส็ง” จนกระทั่งถึงวันนี้ เลยพานจำชื่อจริงของเขาไม่ได้ บอก

เมืองปะฏัน หรือที่บางครั้งอาจจะได้ยินฝรั่งออกเสียงตามภาษาอังกฤษว่า ปาทาน (Patan) อยู่ห่างจากใจกลางกรุงกาฐมาณฑุไปเพียง 5 กิโลเมตร แต่ด้วยความขรุขระของถนนและการจราจรที่ค่อน ข้างติดขัดทำให้เราต้องใช้เวลาถึงกว่า 30 นาทีในการเดินทาง


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlHy9HIXcRpcSClj.jpg)
รูปแกะสลักไม้ที่พิพิธภัณฑ์ปะฏัน

ปะฏัน หรือ ลาลิตปูร์ เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะและหัตถศิลป์ที่สวยงามมากเมืองหนึ่ง

ที่น่าสนใจ คือ เมืองนี้ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่มาโดยตลอดนับตั้งแต่ สร้างเมือง เช่นเดียวกับ เมืองสุโขทัย เมืองน่าน ของบ้านเรา เป็นเสมือนเมืองโบราณที่ยังคงมีชีวิต


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlIGS47YNJkZSygQ.jpg)
ร้านขายของในเมืองลาลิตปูร์หรือเมืองปะฏัน

คณะของเราลงจากรถก่อนถึงประตูเมืองราว 500 เมตร ไกด์หนุ่มนำหน้าพาเดินเข้าสู่บรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตแบบเรียบๆง่ายๆ ถนนยังเป็นอิฐโบราณ รถราแม้จะมีแต่ก็ไม่มากนัก มีทั้งรถยนต์ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถสามล้อ วิ่งบนถนนเดียวกับถนนที่คนเดิน ไม่มีการแบ่งแยกว่าตรงไหนจะเป็นถนนหรือฟุตปาท

“ผมจะพาคุณไปพบกุมารีก่อน คิดว่าถ้าคุณโชคดีก็จะเจอเธอ” คุณเส็ง บอก

เรามาหยุดที่หน้าวัดกุมารี ก่อนที่จะเข้าสู่ภายใน ไกด์หนุ่มเข้าไปเจรจาติดต่อ สักพักหนึ่ง เขากลับออกมาพร้อมรอยยิ้ม และบอกว่า “กุมารีแห่งเมืองปะฏันอยู่ที่นี่ และเธอยินดีที่จะพบพวกคุณ”


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlH6r63a6jqad4FS.jpg)
สมิตา ภัชราชาร์ยา..กุมารีแห่งเมืองปะฏันในวันพิธีการ

สมิตา ภัชราชาร์ยา (Samita Bajracharya) คือ กุมารีแห่งปะฏัน เธออายุ 12 ปี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกุมารีหรือกุมาริกาแห่งเมืองนี้มาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ขณะที่พวกเรากำลังรอพบเธอด้วยใจจดจ่ออยู่นั้น เด็กสาวโผล่หน้าเล็กๆ ออกมาจากหน้าต่างด้านบน และสักพักเธอก็ปรากฏกายในชุดสีแดง ท่าทางดูสงบนิ่งต่างจากเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะตำแหน่งกุมารีนั้น เปรียบเสมือนตัวแทนของเทพเจ้า

(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlIDWYNHskjVuCUV.jpg)
หอกุมารี

เราทุกคนได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปขอพรจากกุมารีได้ โดยต้องเดินขึ้นบันไดเล็กๆ ของบ้านหรือที่เรียกว่าวัดกุมารี ห้องที่เทพธิดาองค์น้อยอยู่นั้น เป็นเพียงห้องเล็กๆ ขนาดไม่น่าจะเกิน 15 ตารางเมตร กุมารีนั่งสงบนิ่งอยู่บนอาสนะ ขณะที่เราทุกคนเข้าไปกราบขอพร เธอทำเพียงใช้มือขวาแตะเบาๆ บนศีรษะ

(http://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZC1fsUh1nO35oDXTAFD4PQYpu27eG0.jpg)
กุมารี..สมิตา ในวันธรรมดาๆ

ใครรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่สำหรับตัวเองแล้ว ช่วงที่มือของกุมารีแตะลงที่ผมบนศีรษะอย่างเบาบางนั้น เราสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา

นับเป็นโชคดีของคณะธรรมะหรรษา ที่เราได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพร่วมกับกุมารีได้ เพราะโดยปกติแล้ว ธรรมเนียมโบราณจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปกับกุมารีในเวลาที่ไม่มีเทศกาลหรือพิธีการใดๆ ซึ่งพิธีการที่ว่านั้นจะมีเพียง 13 ครั้งต่อปีเท่านั้น เช่น เทศกาล Rato Machindranath หรือเทศกาลขอฝนต่อเทพ เป็นต้น


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlIFwStsXT2TGjqi.jpg)
เทวรูปทองเหลืองและสัมฤทธิ์

แม่ของสมิตา บอกว่า ลูกสาวของเธอได้รับการคัดเลือกให้เป็นกุมารี และตำแหน่งนี้จะหมดลงเมื่อเด็กสาวมีประจำเดือนเป็นครั้งแรก ซึ่งเธอก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะต้องมีการคัดเลือกเด็กหญิงให้มารับหน้าที่กุมารีแห่งเมืองต่อ

ตามตำนานระบุว่า กุมารีส่วนใหญ่จะเป็นเด็กหญิง วัยตั้งแต่ 3 ขวบที่ผ่านการเลือกจากสังฆราช 5 รูป และโหรหลวง ว่า มีลักษณะแห่งเทพด้วยรูปร่างที่ละม้ายต้นกล้วย ขาเรียวดุจขากวาง หน้าอกกว้างเหมือนสิงห์ ลำคอเหมือนหอยสังข์ นํ้าเสียงสดใสและนุ่มอ่อนหวาน เมื่อได้รับการคัดเลือกแล้ว กุมารีจะต้องมาอาศัยอยู่ในตำหนักใหญ่ หรือที่เรียกว่า “การ์” เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวเนปาล ตลอดช่วงที่เธอยังไม่มีโลหิตไหลออกจากร่างกาย


(http://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZC1fsUh1nO35oDXTAFFNGzmF2YKGhz.jpg)
ไม้แกะสลักด้านบนของหอตัดความเป็นชาย

จากวัดกุมารี เดินข้ามฝั่งถนนมาประมาณ 300 เมตรก็จะถึง จตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์ และ พระราชวังปะฏัน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง

(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlHx5A2gypfzAXKH.jpg)
พระราชวังปะฏัน

พระราชวังเก่าแก่แห่งปะฏันนี้ เต็มไปด้วยงานศิลปะโบราณที่มีความละเอียดงดงาม โดยภาพแกะสลักส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องราวในคัมภีร์ศาสนาฮินดู เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองแห่งพระพุทธรูป งานหล่อโลหะ และ ทองเหลือง ขณะที่เมืองภัคตาปูร์ ซึ่งเราจะไปเที่ยวชมกันในช่วงบ่าย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการแกะสลักไม้

เราเดินผ่านจตุรัสปะฏันและพระราชวัง เข้ามาด้านใน ไกด์หนุ่มชี้ให้ดูอาคาร 3 ชั้น สร้างด้วยอิฐแดง มีหน้าต่างไม้สลักลวดลายอยู่ด้านบน เขากระซิบเบาๆว่า ที่ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง และอดีตเคยเป็นหอที่ใช้สำหรับตัดความเป็นชายของพวกขัณฑีในวัง ฟังแล้วเสียวสยองไม่ใช่เล่น


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHJITfcASmtbmlH8ZSOTrJ9YNQla.jpg)
ชาวฮินดู..มารองน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเมืองปะฏัน

ถัดจากพระราชวังเข้าไป จะผ่านบริเวณที่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งยังคงมีชาวฮินดู มาดื่ม อาบ และล้างหน้าด้วยน้ำที่ไหลออกมาจากธรรมชาติ กลางเมืองปะฏันแห่งนี้ โดยเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บและทำให้มีสิริมงคลในชีวิตได้

(http://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZC1fsUh1nO35oDXTAHUegsTrF3a7DQ.jpg)
กงล้อมนตรา...ที่วัดทอง

ด้านในสุดของเขตจตุรัสปะฏัน เป็นที่ตั้งของ วัดทอง หรือ Golden Temple มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดหิรัณยะวรรณะ มหาวิหาร เป็นวัดของศาสนาพุทธ จุดเด่นอยู่ที่หลังคาที่ทำจากแผ่นทองยาวลงมาจดพื้น มีความเชื่อสืบทอดกันมาว่าเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปสู่สวรรค์ ภายในมีรูปปั้นโลหะที่ทำจากทอง เหลือง และทองแดง เป็นรูปเทพตามคติความเชื่อ วัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองปะฏัน

สัปดาห์หน้าไปต่อกันที่ภัคตาปูร์ เมืองแห่งปริศนาและความเร้นลับของเทวะ ตำนานความงาม ความรัก และอำนาจของพระราชวัง 55 หน้าต่าง.


(http://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZC1fsUh1nO35oDXTAJWMq41db1mCXg.jpg)
เทวรูปกามสูตรที่เมืองปะฏัน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/418724 (http://www.thairath.co.th/content/418724)


หัวข้อ: Re: นมัสเต.... เสน่ห์ “เนปาล” (2)
เริ่มหัวข้อโดย: KIDSADA ที่ เมษายน 27, 2014, 11:43:56 am
 thk56 st12