สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อนอกหลายฉบับเกาะติดข่าวข่าวหนึ่งในแวดวงอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถืออย่างใกล้ชิด คือ ความเคลื่อนไหวของสภาสูง (วุฒิสภา) ในสหรัฐอเมริกา ในการผลักดันกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือประเภทที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน จะต้องมีการพัฒนาและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Kill Switch หรือปุ่มทำลายตัวเองลงในมือถือทุกรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐ เพื่อที่ว่าเมื่อใครทำสมาร์ทโฟนหล่นหาย หรือถูกขโมยไป ก็จะสามารถสั่งการทำงานแบบระยะไกล ให้ซอฟต์แวร์ในเครื่องทำลายข้อมูลสำคัญๆ ที่อยู่ในมือถือนั้นให้สิ้นซาก
 
ด้วยคุณสมบัติของสมาร์ทโฟน ในการสนับสนุนการเชื่อมต่อโลกออนไลน์ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้ทุกวันนี้ หน่วยความจำในมือถือกลายเป็นแหล่งเก็บข้อมูลส่วนตัวทั่วไป, ข้อมูลสำคัญสำหรับการทำธุรกิจ/ธุรกรรม ของคนยุคนี้ไปแล้ว นั่นหมายความว่า การทำมือถือสูญหาย ก็เปรียบเสมือนการหยิบยื่นทุกข้อมูลสำคัญในชีวิตไปให้ใครก็ไม่รู้ และอาจสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของมือถือได้

 :49: :49: :49:

ทั้งนี้ มีรายงานผู้บริโภค ระบุว่า ในปี 2555  มีคดีขโมยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ รวมแล้วมากกว่า 1.6 ล้านเครื่อง ทั้งยังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหานี้ที่จะรุนแรงขึ้น โดยในซานฟรานซิสโก พบว่ามือถือและแท็บเล็ต กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของคดีโจรกรรมในยุคนี้ เพราะนำไปขายต่อได้ง่าย โดยมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 2 ใน 3 จากจำนวนคดีโจรกรรมทั้งหมด จากเดิมที่คิดเป็นสัดส่วนราว 50% ขณะที่ในภาพรวมทั้งประเทศ ปัจจุบันคดีโจรกรรม 1 ใน 3 ของสหรัฐ ล้วนเป็นคดีที่เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
 
หนึ่งในผู้ผลักดันคนสำคัญของร่างกฎหมายนี้ คือ หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งหากใครเกาะติดข่าวมาโดยตลอด ก็จะเห็นถึงกระแสตอบรับอย่างน่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ในการเข้าสู่การพิจารณาระดับรัฐเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผลการโหวตกลับพลิกโผ โดยได้รับคะแนนสนับสนุนไม่เพียงพอ จนถึงขั้นมีเสียงบ่นออกมาจากผู้เกี่ยวข้องว่า เกิดจากอิทธิพลของผู้ผลิตมือถือกระเป๋าหนักทั้งหลาย ลงขันกันคว่ำร่างกฎหมายนี้แต่เนิ่นๆ
 
 :41: :41: :41:

เนื่องจาก ความตื่นตัวของผู้บริโภคชาวมะกันต่อความเสี่ยงของโทรศัพท์หาย หรือถูกขโมย นับเป็นหนึ่งในช่องทางรายได้ของบริษัทโทรศัพท์มือถือ ในการขายประกันเกี่ยวกับมือถือ โดยแต่ละปีรายได้ส่วนนี้คิดเป็นเงินหลายพันดอลลาร์สหรัฐ
 
แม้ผู้ผลิตใหญ่ๆ หลายราย รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จะออกมาบอกว่า อาจพัฒนาคุณสมบัติ “ทำลายตัวเอง” ไว้เป็นบริการทางเลือกสำหรับลูกค้า โดยจะเริ่มได้หลังเดือนกรกฎาคม 2558 แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้เสียงลือนี้จางลงไป
 
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เกมนี้ใครจะชนะ แต่โดยส่วนตัวขอเชียร์ให้สหรัฐผ่านร่างกฎหมายนี้สำเร็จ เพราะเชื่อว่า ตลาดมือถือทั่วโลกจะได้อานิสงส์ด้วยแน่นอน...คงไม่มีใครที่อยากถูกขโมยโทรศัพท์ แล้วยังต้องถูกขโมยสารพัดข้อมูลสำคัญส่วนตัวในมือถือ (แถมให้โจรไปด้วย)
 
ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140427/183551.html (http://www.komchadluek.net/detail/20140427/183551.html)