สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 09, 2014, 08:39:05 am



หัวข้อ: ทำไม 'แผ่นดิน' ถึงไหว??? แล้วมาจับตา..แนวโน้มการเกิด 'แผ่นดินไหว' ในอนาคต!
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 09, 2014, 08:39:05 am

(http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuFVNVVbZsP05AdD2NYcemp8W5X48ZfiQnG8IO4o.jpg)

ทำไม 'แผ่นดิน' ถึงไหว??? แล้วมาจับตา..แนวโน้มการเกิด 'แผ่นดินไหว' ในอนาคต!

"ภัยธรรมชาติ" ที่บางครั้ง มักมาแบบไม่ทันให้ใครตั้งตัว หรือบางครั้ง มนุษย์ก็เตรียมพร้อมทุกสิ่งอย่างเรียบร้อย แต่แล้ว... "ความเสียหาย" ก็ยังมีอยู่ไม่น้อยอยู่ดี...

หลายคนก็อาจจะรับรู้ รับทราบ เรื่อง "แผ่นดินไหว" กันมามากแล้ว แต่อีกหลายคนก็ยังคงสงสัยว่า ทำไมแผ่นดินจึงไหว??? จนเมื่อล่าสุดเย็นวันที่ 5 พ.ค. 57 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศไทย ขนาด 6.3 โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย สร้างความเสียหายไม่น้อย แก่สิ่งของ บ้านเรือน อาคาร วัด สถานโบราณ ถนน รวมถึงห้างร้าน โรงแรมอีกหลายแห่ง "ไทยรัฐออนไลน์" จึงได้นำข้อมูลจากสำนักแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา มาตีแผ่แบบเฉพาะ ว่าแท้จริงแล้ว...แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร ??? และมีสาเหตุมาจากอะไร ???

 :91: :91: :91:

การเกิดแผ่นดินไหว อาจมีด้วยกันหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดภายในโลก ภายนอกโลก หรือทั้งภายในและภายนอกโลก โดย แผ่นดินไหวที่เกิดภายในโลก อาจเกิดจากรอยเลื่อน ระเบิดใต้ดิน การไหลหมุนเวียนของน้ำใต้ดิน การเคลื่อนตัวของหินหลอมละลาย การเปลี่ยนแปลงสถานะใต้ดิน การทำเหมือง และการยุบตัวใต้ดิน

ส่วนแผ่นดินไหวที่เกิดนอกโลก จะเกิดจากลม ความดันบรรยากาศ คลื่นในทะเล น้ำขึ้นหรือลง ความสั่นสะเทือนจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น จราจร ระเบิดเป็นต้น และการชนของอุกาบาต

และสุดท้าย แผ่นดินไหวที่เกิดจากทั้งภายในและภายนอกโลก คือ การระเบิดของภูเขาไฟ และแผ่นดินถล่ม


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHNB62A4zCLgwb7NSJDauwfVgeyC.jpg)
ทำไม 'แผ่นดิน' ถึงไหว???

ขอยกตัวอย่าง การเกิดแผ่นดินไหวโดยธรรมชาติ ก็มีอย่างเช่น แผ่นดินไหวเกิดจากแรงภายในเปลือกโลก (Tectonic Earthquake), แผ่นดินไหวเกิดจากภูเขาไฟระเบิด (Volcano Eruption), แผ่นดินไหวเกิดจากการยุบตัวหรือพังทลายของโพรงใต้ดิน (Implosion), ความสั่นสะเทือนจากคลื่นมหาสมุทร (Oceanic Microseism)

และ การเกิดแผ่นดินไหวโดยการกระทำของมนุษย์ ก็เช่น เหตุการณ์ที่ควบคุมได้ เช่น การระเบิด หรือจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ เช่น การจราจร เครื่องจักรเครื่องยนต์ การระเบิดบนพื้นผิวหรือใต้ดิน เป็นต้น, แผ่นดินไหวจากการกระตุ้น เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำ การทำเหมือง การฉีดของเหลวลงใต้ดิน เป็นต้น

 ans1 ans1 ans1

สำหรับแผ่นดินไหวที่ทำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์เป็นจำนวนมาก ได้แก่ แผ่นดินไหวซึ่งเกิดจากแรงภายในเปลือกโลก ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวเนื่องจากแรงภายในเปลือกโลก คือ

1.ลักษณะโครงสร้างของโลก ซึ่งสามารถแบ่งได้คร่าวๆ เป็น 3 ส่วน คือ
   -ส่วนที่เป็นแกนโลกอยู่ลึกที่สุดและมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดทำให้ชั้นหินหลอมละลายมีการเคลื่อนตัว
   -ส่วนที่เป็นชั้นหินหลอมละลาย เป็นของแข็ง แต่มีคุณสมบัติของการเคลื่อนตัวคล้ายของเหลว แต่มีความเร็วช้ามากอยู่ในระดับหลายเซนติเมตรต่อปี
   -ส่วนที่เป็นเปลือกโลก เปลือกโลกที่ห่อหุ้มโลกอยู่มีความหนาน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของโลก และไม่ได้เป็นชิ้นเดียวกัน แบ่งออกเป็นชิ้นใหญ่ๆได้ประมาณ 10 ชิ้น

(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHNB62A4zCLgwb7Lx4FzpeYezUQz.jpg)
ทำไม 'แผ่นดิน' ถึงไหว???

2. การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกชิ้นต่างๆ
เนื่องจาก ชั้นหินหลอมละลาย ได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก และลอยตัวขึ้นผลักดันเปลือกโลกอยู่ตลอดเวลา เปลือกโลกแต่ละชิ้น จะมีทิศทางการเคลื่อนตัวต่างๆ กัน พร้อมกับสะสมพลังงานไว้ภายใน บริเวณตรงขอบของเปลือกโลก จึงเป็นส่วนที่มีการชนกันหรือเสียดสีกันหรือแยกจากกัน หากบริเวณขอบของชิ้นเปลือกโลกใดๆ ที่ไม่สามารถทนแรงอัดได้ ก็จะแตกหัก และมีการเคลื่อนตัวโดยฉับพลัน หรือบางครั้งผลักดันให้เปลือกโลกอีกชิ้นคดโค้ง ต่อจากนั้นเมื่อสะสมพลังงานมาก ก็จะดีดตัวกลับเพื่อรักษาสมดุลย์ กระตุ้นให้เกิดความสั่นสะเทือน แผ่กระจายไปทุกทิศทาง บริเวณนี้จะเป็นบริเวณที่มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

โดยบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก เป็นบริเวณแนวแผ่นดินไหวของโลก หากพาดผ่านหรืออยู่ใกล้กับประเทศใด ประเทศนั้นจะมีความเสี่ยงต่อภัยแผ่นดินไหวค่อนข้างสูง เช่น ประเทศญี่ปู่น ฟิลิปปินส์ ชิลี สหรัฐอเมริกา เป็นต้น นอกจากนั้นแรงที่สะสมในเปลือกโลก ยังถูกส่งผ่านเข้าไปในพื้นทวีปตรงบริเวณรอยร้าวของหินใต้พื้นโลก หรือที่เรียกว่า รอยเลื่อน (Fault) ในกรณีที่รอยเลื่อนใดๆ ไม่สามารถทนแรงที่บดอัดได้ ก็จะมีการเคลื่อนตัวอย่างฉับพลันเช่นกัน เพื่อปรับความสมดุลย์ของแรง กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว กระจายคลื่นความสั่นสะเทือนไปทุกทิศทาง เรียกบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวภายในเปลือกโลกใต้พื้นดิน ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่แท้จริง และเรียกบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว ตรงผิวพื้นข้างบน ซึ่งสามารถกำหนดพิกัดเป็นตำบลที่ละติจูดและลองจิจูด ว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนผิวพื้น


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHNB62A4zCLgwb7EO3eZMM0PJZ75.jpg)
สภาพอาคารเรียน4ชั้น โรงเรียนพานพิทยาคม พังเสียหายทั้งหลัง จนต้องปิดทำการสอนไม่มีกำหนด

นับสถิติ "แผ่นดินไหวในไทย"
สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้บันทึกสถิติการเกิดแผ่นดินไหว ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.1905 จนถึง พ.ศ.2556 พบว่า ประเทศไทยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้วประมาณ 148 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่ประชาชนรู้สึกได้ แต่หากนับในส่วนที่ไม่รู้สึกนั้น มีจำนวนมากมายมหาศาล!

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวที่มีขนาดเล็กที่สุด ที่ถูกบันทึกไว้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2521 ขนาด 1.6 และขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้ถูกบันทึกในสถิติชุดนี้ แต่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 5 พ.ค.57 ที่ผ่านมานี่เอง ทำให้ทุกฝ่ายจับจ้องเหตุการณ์ครั้งนี้ในทุกมิติ ทั้งมองว่า ปรากฏการณ์ในครั้งนี้ อาจเป็น "สัญญาณเตือน" ถึงการมาของภัยธรรมชาติ ที่อาจจะรุนแรงมากกว่านี้ หรือจะเป็นในมุมของความเสียหาย ทั้งต่อชีวิต และทรัพย์สิน หรืออาจเป็นในด้านของการรับมือ

เช่นเดียวกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ที่มองว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ อาจทำให้หน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัย กู้ภัย และช่วยเหลือ จากเหตุแผ่นดินไหว ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น และประชาชนคนไทยเอง ก็ถึงเวลาที่จะต้องเรียนรู้กับการรับมือภัยพิบัติประเภทนี้ เพราะต้องยอมรับว่า เราทุกคนยังไม่คุ้นชินกับเหตุแผ่นดินไหวเท่าไหร่นัก

 :41: :41: :41:

จับตา! แนวโน้มของการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต
"บุรินทร์ เวชบรรเทิง" ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว เปิดเผยกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ถึงแนวโน้มในการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยในอนาคตว่า ไม่สามารถบอกได้ว่า แนวโน้มการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคตของประเทศ จะเป็นอย่างไร เพราะเราจะอ้างอิงข้อมูลจากสถิติที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น ซึ่งแผ่นดินไหวในประเทศไทยขนาด 5.0 ขึ้นไป จะเกิดขึ้นกับประเทศ 5 ปีต่อ 1 ครั้ง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ในอนาคต..ความรุนแรงของแผ่นดินไหวนั้น จะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความรุนแรงของขนาด แต่เป็นเรื่องของความสูญเสีย เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และต้องการหาที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจไม่รู้ว่า พื้นที่ตรงนั้นเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่

นอกจากนี้ ทุกหน่วยงาน แม้ว่าจะมีการตื่นตัวมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องของอุปกรณ์ที่จะรวบรวมข้อมูล และบุคลากร ที่เพิ่มขึ้นมาก ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะว่าการคาดการณ์เหตุภัยพิบัตินั้น จะต้องมีการทำข้อมูลอย่างต่อเนื่องหลายปี นอกจากนี้แล้ว การทำแผนเฝ้าระวัง ป้องกัน และกู้ชีพนั้น ยังต้องให้ความสำคัญ และต้องตรวจสอบว่า ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และบังคับใช้มากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกัน กฎหมายของการควบคุมการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ซึ่งเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้สิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเตรียมพร้อมอย่างมากในการรับมือกับภัยพิบัติประเภทนี้

"ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อลดความสูญเสียให้มากที่สุด รวมถึงการให้ความรู้กับประชาชนถึงแผ่นดินไหว ขณะที่ประชาชนเองต้องมีความรู้เรื่องการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุได้ด้วยตนเองก่อนในเบื้องต้น" นายบุรินทร์ กล่าว


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHNB62A4zCLgwb7EtWuTrqQ1XDzJ.jpg)
ยอดฉัตรเจดีย์วัดทรายขาว ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงใหม่ หักและวิหารแตกร้าวเสียหายหนัก

เมื่อเกิดภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ขาดไป!
ภับพิบัติในแต่ละประเภท จะมี "วิธีรับมือ" แตกต่างกัน ซึ่ง "ไทยรัฐออนไลน์" ขอแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ การเตรียมพร้อมก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ระหว่างเกิดเหตุแผ่นดินไหว และหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

หน่วยงานที่เกี่ยวกับการเตรียมพร้อม คือ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ศูนวิจัยภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่จะคอยบันทึึก และตรวจตราสถิติ รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่กล่าวไป ก็ยังต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ควบคู่ไปกับการรายงานข่าวผ่านสื่อมวลชน ที่ต้องคอยเฝ้าระวังสถานการณ์ที่ของการเกิดอาฟเตอร์ช็อก ในส่วนนี้เรายังเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวกับการคมนาคม และการสื่อสาร ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ต ตลอดจนสื่อมวลชน จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ทั้งเรื่องเส้นทางการคมนาคม ความเสียหาย รวมไปถึงการออกมากู้ชีพของหน่วยงาน อย่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นต้น ที่จะต้องคอยช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บาดเจ็บ และกาจัดหาที่พักพิงชั่วคราวอีกด้วย

 :96: :96: :96:

จนล่วงเลยไปถึงหลังเหตุแผ่นดินไหว หน่วยงานที่ทำหน้าที่ฟื้นฟูทั้งสิ่งแวดล้อม บ้านเรือน ถนน และจิตใจ ก็ยังต้องทำงานกันต่อไป ซึ่งอาจพูดได้ว่า ทุกๆ หน่วยงานนั้น จะต้องทำงานกันอย่างไม่หยุดหย่อน และต้องเตรียมพร้อมรับเหตุแผ่นดินไหวเสมอ

แผ่นดินไหวขนาด 6.3 ถือเป็นสัญญาณเตือน ว่า หน่วยงานและคนไทยทุกคน จะต้องพร้อมที่จะรับมือ และรู้จัก "ภัยพิบัติ" ประเภทนี้ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองจากอันตราย ที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า...จะมาถึงตัวเองเมื่อไหร่.


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DHNB62A4zCLgwb7GIVNjFS1ZAlFr.jpg)
ภาพมุมสูงความเสียหายจากแผ่นดินไหว

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/420979 (http://www.thairath.co.th/content/420979)