หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : พุทธะและพระนิพพาน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 15, 2014, 09:50:24 am (https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/t1.0-9/10300903_633377153410409_60011875514409337_n.jpg) สมาธิชาวบ้าน : พุทธะและพระนิพพาน การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของสรรพสิ่งในสากลจักรวาลนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเวลาทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขความเสื่อมตามเวลา โลกของเรานี้อยู่ได้ด้วยเงื่อนไขของเวลาโลก โลกอื่น มิติอื่น ก็อยู่ได้ด้วยเงื่อนไขของเวลาในโลกนั้น เวลาในมิติ เวลาที่ต่างโลกต่างมิติ มีความยาวนานไม่เท่ากัน โลกของเรานี้ก็เช่นกัน ที่ยังคงอยู่ได้เพราะเงื่อนไขของเวลา มันจึงมีมิติเวลาขึ้นมาทับซ้อน จิตของคนเราก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ โลกจักรวาลนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นับครั้งไม่ถ้วน แต่ดวงจิตจะใช้รอบของเวลาอะไรซ้ำๆ ได้ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่จริงๆ ผู้รู้เขาพูดถึงว่าทุกสิ่งมันเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่มีอยู่จริง การดำรงอยู่ของโลกนี้เปรียบเสมือนกับนกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ที่ถูกนายพรานยิงด้วยลูกศร นกตัวนั้นได้ตายไปแล้วตั้งแต่ลูกศรพุ่งออกจากคันธนู เรื่องการแตกดับไปแล้วท่ามกล่างมิติและรอบของเวลา สิ่งต่างๆ ที่ดำรงอยู่ได้ด้วยเงื่อนไขนี้ เรื่องนี้จะเข้าใจยาก :49: :49: :49: เงื่อนไขของเวลานี้ครอบคลุมไปในการเกิดดับของดวงจิตวิญญาณ เรียกได้ว่าทุกอย่างอยู่ได้ด้วยเงื่อนไขของเวลาทั้งสิ้น จิตทุกดวงพอมันมีอวิชชา มีความเชื่อ มีความหลง มันก็คิดว่าทุกอย่างเป็นจริง พอมันคิดว่าจริงเสร็จ มันก็ยึดมั่นถือมั่น คิดเป็นจริงเป็นจัง จิตนี้คิดที่ไหน ยึดที่ไหน ก็จะเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นที่นั่น มนุษย์เราศึกษาเรื่องนี้จนได้พบคำตอบว่า เราต่างอยู่ในความคิดของเราเอง พระพุทธเจ้าก็รู้เรื่องนี้ว่าจริงๆ แล้วเราเกิดในความฝันของเราเอง แต่หาทางออกไปไหนไม่ได้ และทุกครั้งที่พระอรหันต์เกิดขึ้นบนโลก พระอรหันต์ก็บอกว่า เมื่อจิตเห็นจิตแล้ว มันถอดความเป็นเจ้าของจิตดวงนี้ มันไม่มีอะไรเลย ใครที่สำเร็จจิตแล้วต่างพูดถึงสิ่งนี้เป็นแบบเดียวกันหมดเลย ไม่มีใครเคยเถียงเลยว่าพระนิพพานคืออนัตตา คือการไม่มีตัวไม่มีตน นักศาสนาหรือนักปรัชญาบางคนอาจจะตีความพระนิพพานในรูปแบบต่างๆ ตามตำราและความเข้าใจของตน นิพพานนั้นมีอยู่จริงในแง่ของสัจนิยม แต่ในแง่ของพระสุญญตานิพพานไม่มีอยู่จริง แต่แท้ที่จริงแล้วนิพพานมีอยู่จริงและไม่มีอยู่จริง :96: :96: :96: เราเองก็เป็นมนุษย์ที่พยายามใฝ่ให้ถึงสิ่งนี้ มีสิ่งที่ตื่นรู้ หรือที่เรียกกันว่า “พุทธะ” ในจิตทุกคน แต่ยังไม่สามารถค้นหาได้เจอ ถึงแม้ว่าจะมีคนมาสอนหรือไม่มาสอนก็ตาม สิ่งที่เป็น “พุทธะ” มันอยู่ในใจเราทุกคนอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรไกลไปกว่านี้ เหมือนแก้วที่มีน้ำเต็ม จิตที่เปรียบเหมือนแก้วน้ำนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาอะไรมาเติมให้เต็มอีกแล้ว ถึงจะใส่อะไรเข้าไปอีกในสิ่งที่เต็มอยู่แล้ว มันก็ไม่เต็มไปกว่านี้ เพราะฉะนั้น ความเป็นพุทธะไม่มีความจำเป็นต้องแสวงหา เพราะสิ่งนั้นอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราค้นหาในตัวเราเองไม่เจอ การค้นหานั้นไม่ใช่ไปค้นหาภายนอก แต่เป็นการค้นหาภายในจิตของเราเอง มันคล้ายกับเส้นผมบังภูเขา เพราะอวิชชามาบดบังความจริงของจิตให้เข้าใจผิด st12 st12 st12 คนเราที่จิตมั่นคงดีก็จะเห็นความจริงที่เกิดขึ้น มนุษย์ผู้ที่รู้ความจริงก็อย่างพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง คือรู้ด้วยตนเอง ด้วยความตื่นรู้ หรือพุทธะที่มีอยู่ในตัวทุกคน เพราะฉะนั้น พระที่จะสำเร็จจริงๆ แล้วไม่มีใครสอนให้จิตเกิด “พุทธะ” หรือเข้าสู่ “นิพพาน” ได้ เพราะเขาค้นพบความจริงในใจด้วยตนเอง ถ้าค้นพบแล้วก็จะค้นพบสิ่งเดียวกันทั้งหมด คือความเป็นพุทธะ คือจิตเท่าทันจิต จนถอดถอนอวิชชาจนดวงจิตเข้าสู่จิตเดิมแท้ และเข้าสู่พระนิพพานในที่สุด. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/200414/89166 (http://www.thaipost.net/tabloid/200414/89166) หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : พุทธะและพระนิพพาน เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ พฤษภาคม 15, 2014, 09:00:53 pm ขออนุโมทนาสาธุ gd1 st12
หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : พุทธะและพระนิพพาน เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ พฤษภาคม 17, 2014, 08:35:24 am st11 st11 st11
|