หัวข้อ: อุเบกขาจิต - รู้โลก ไม่สู้รู้ตน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 29, 2014, 10:36:44 am (http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/696696.jpeg) อุเบกขาจิต - รู้โลก ไม่สู้รู้ตน ไม่ว่าอย่างไรประเทศไทยต้องออกตัวใหม่หรือ “รีสตาร์ต” กันด้วยดุลยภาพที่มีอยู่ในเวลานี้แล้ว ที่ในแง่ของการบริหารจิตแล้วช่วงที่ไม่มีม็อบ ไม่มีสิ่งเร้าจำนวนมากมาย ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนทางการเมืองในบริบทที่คนไทยเรา มีความตื่นตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย (แต่มีสติไหมไม่รู้) น่าจะถือว่า สถานการณ์การเมืองนั้นเป็นแบบทดสอบที่ดีเพื่อดูว่า จิตเรานั้นกระเพื่อมมากน้อยขนาดไหน บ่อยครั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาทำให้สติของเราหลุดไปเสียอย่างนั้น โดยบอกว่า เวลาปกติก็เจริญสติเอา แต่พอเวลาการเมืองก็สวมหัวโขนเข้าพวกนั้นพวกนี้กันไปเต็มที่ แสดงเกินบทบาทกันเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะพวกแม่ยกพ่อยก ที่ยิ่งนานวันจะยิ่ง “อิน” มากกว่าที่เคย ๆ เป็นกันมาว่าไปแล้ว การเข้ามาของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นความพยายามในการสลายขั้วต่าง ๆ ให้คนไทยกลับมาปรองดองกันอีกครั้งหลังจากที่แตกแยกกันมาเป็น เสี่ยง ๆ มองในแง่หนึ่ง :49: :49: :49: ไม่ว่าอย่างไรประเทศไทยต้องออกตัวใหม่หรือ “รีสตาร์ต” กันด้วยดุลยภาพที่มีอยู่ในเวลานี้แล้ว ที่ในแง่ของการบริหารจิตแล้วช่วงที่ไม่มีม็อบ ไม่มีสิ่งเร้าจำนวนมากมาย (รวมถึงการไม่มีโทรทัศน์ดูไปช่วงหนึ่ง อันเป็นช่วงที่หลาย ๆ คนบอกว่า สบายหูสบายตาเสียจริง ๆ เพราะไม่มีสิ่งเร้าสิ่งกระตุ้น) เป็นช่วงที่เราสามารถที่จะกลับมาทบทวนสิ่งต่าง ๆ เรียก สติกลับมาหาตัวเอง ทำ อุเบกขาจิต มองสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นกลางไม่เอาจิตไปจับ และใช้เวลาในการเรียกสติของเรากลับคืนมา เพื่อที่จะสังเกตการณ์สิ่งรอบตัวอย่างมีสติให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ มองดูบุคคลอื่นที่ยัง คง “อิน” กับบทบาทประชาชนการเมืองเต้นไปตามจังหวะแบบมีสติบ้างไม่มีสติบ้าง แล้วสะท้อนกลับมาดู ตัวเราว่า แล้วตัวเรานั้นเป็นอย่างไร ที่เขา เรียกว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัวนั้น ไม่ต้องมากสมัยนี้ ดูข่าวดูแหล่งข่าวดูตัวละครที่ประกอบกันแล้วหันมามองตัวเองด้วยสติก็ได้ครับว่า ตกลงแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่อย่างไร หากว่าก้าวไปอีกขั้นคือ การนั่งนิ่งเฉยตั้งสติแล้วลองประมวลเสียงของผู้เห็นต่าง และลองปรับท่าทีคุยกันฉันมิตรจะดีหรือไม่ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ฝรั่งเรียกว่า “ดีท็อกซ์” เพราะที่ผ่านมา พวกเราทุกคนอยู่ในบริบทที่มี “เฮตสปีช” หรือข้อความการสื่อสารที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนไทยด้วยกันมาเป็นเวลายาวนานพอสมควร :96: :96: :96: และจะดียิ่งหากว่าเราหยุดเอาอารมณ์ความรู้สึกไปใส่กับทุกการกระทำของตนเอง ตัดสินใจมองสิ่งต่าง ๆ จากสติ จากการพินิจพิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลของเรา และไม่ผลิตการสื่อสารที่เป็นพิษอย่างเช่น “เฮตสปีช” หรือการสื่อสารที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างที่สังคมไทยทำมาเป็นเวลาประมาณหนึ่งใหญ่ ๆ แล้ว แม้ว่ากระบวนการทางการเมืองนี้ อาจจะดูเหมือนทำให้เกิดการสะดุด แต่ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นไปแล้ว สิ่งสำคัญคือ การไม่เอาจิตเราไปจับไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ ที่ก่อให้เกิดความปีติยินดีมาก หรืออาการรู้สึกอึดอัดคับข้องใจก็ตามที ที่สุดแล้วรู้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการ “รู้ใจตน”. ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน www.dailynews.co.th/Content/Article/240625/อุเบกขาจิต+-+รู้โลก+ไม่สู้รู้ตน (http://www.dailynews.co.th/Content/Article/240625/อุเบกขาจิต+-+รู้โลก+ไม่สู้รู้ตน) |