หัวข้อ: เม็งกาลาบา....เมียนมาร์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 30, 2014, 10:59:18 am (http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuFVQ42TfekHVwv5dUX2XvASQfY9knoMxttDSVZj.jpg) เม็งกาลาบา....เมียนมาร์ “เม็งกาลาบา” เป็นคำทักทายภาษาพม่า มาจาก “มังคะละ” ซึ่งหมายถึง “มงคล” ดังนั้น เม็งกาลาบาจึงเป็นการให้พรยามทักทายกัน แปลได้ว่า ขอความเป็นมงคลจงมีแก่ท่าน...อะไรประมาณนั้น เกริ่นมาอย่างนี้ ก็เพื่อจะเล่าให้ฟังว่า ดิฉันไปพม่ามาค่ะ... คำทักทาย “เม็งกาลาบา” สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันทางศาสนาที่เหนียวแน่นของชาวพม่า เนื่องจากคำว่า “มังคะละ” หรือ “มงคล” ที่นำมาใช้ในคำทักทายนี้มาจากบทสวด “มงคลสูตร” ซึ่งเป็นบทสวดที่เป็นเสมือนรากฐานแห่งวิถีชีวิตของชาวพม่า โดยได้มีการแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาพม่าเพื่อให้เด็กๆได้เรียนกันตั้งแต่ในระดับอนุบาล และได้มีการนำมาสวดกันอย่างแพร่หลายภายในประเทศ บทสวดมงคลสูตรนี้กล่าวถึงมงคล 38 ประการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เพื่อเป็นข้อพึงปฏิบัติในแต่ละช่วงชีวิต ทั้งในช่วงวัยเด็ก ช่วงวัยทำงาน และช่วงสูงวัย ในส่วนของประเทศไทย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) กรุณาอธิบายอย่างง่ายๆว่า มงคลสูตรเป็นบทสวดที่ควรสวดเป็นประจำ เนื่องจากมีความหมายครอบคลุมมงคล อันได้แก่ สิ่งดีงาม ความสุข และความเจริญพรั่งพร้อมทั้งปวง :25: :25: :25: หลังจากได้รับรู้ความหมายอันลึกซึ้งของคำทักทายภาษาพม่าแล้ว ก็เริ่มต้นสำรวจประเทศพม่ากันได้เลยค่ะ... พม่าในวันนี้เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน...ด้านหนึ่ง ยังคงเต็มไปด้วยพลังศรัทธาทางพุทธศาสนา มนตร์ขลังของวัฒนธรรมอันล้ำลึก และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง พม่าก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เมืองใหญ่หลายๆเมืองของพม่าในวันนี้จึงไม่ต่างจากเมืองใหญ่ในหลายๆประเทศที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดในกระแสโลกาภิวัตน์และทุนนิยม ไปพม่าคราวนี้ คุณจึงไม่ได้เห็นคนพม่าหอบสตางค์เป็นกระสอบๆ ไปฝากธนาคารอีกแล้ว เพราะพม่าเริ่มมี ATM เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เศรษฐีพม่าก็ไม่ต้องแบกเงินสดใส่รถบรรทุกเพื่อไปซื้อบ้านราคาแพงหรือรถหรูอีกต่อไป เพราะพม่าเริ่มมีบัตรเครดิตใช้แล้ว :96: :96: :96: อีกอย่างคุณอาจจะงงๆ นั่นก็คือ ถนน 16 เลนในเมืองเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่าที่สร้างขึ้นมาเพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แม้ว่าประเทศพม่าในวันนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่ความเปลี่ยนแปลง เหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทำให้เสน่ห์ของพม่าหมดไป สาวน้อยนุ่งผ้าถุง ประแป้ง ทานาคาสีเหลืองนวลบนแก้มและหน้าผาก ควงคู่หนุ่มนุ่งโสร่งลองจีถือดอกมหาหงส์และกิ่งหว้า (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้สวรรค์และความสมปรารถนา) เดินเท้าเปล่าเข้าไปบูชาเจดีย์ซึ่งมีอยู่ทุกหนแห่ง เป็นภาพสะท้อนถึงวัฒนธรรมอันงดงาม และบ่งบอกถึงพลังศรัทธาที่ยังคงไม่ห่างหายไปจากดินแดนแห่งนี้ :sign0144: :sign0144: :sign0144: นั่นเพราะพม่าเป็นประเทศที่มีความเคร่งครัดในพระพุทธศาสนามากที่สุดแห่งหนึ่ง ชาวพุทธนิกายเถรวาทซึ่งเป็นนิกายหลักในพม่ายึดถือพุทธคุณมากกว่าความเชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือเครื่องรางของขลังใดๆ เราจึงไม่พบการทำพิธีกรรม หรือการให้เช่าพระเครื่อง เครื่องรางในพุทธสถานของพม่าเลย พุทธสถานทุกที่มีแต่ความสงบ พื้นสะอาดเรียบ เนื่องด้วยทุกคนต้องเดินเท้าเปล่าเข้าบริเวณพุทธสถาน แม้แต่ถุงเท้าหรือถุงน่องบางๆก็ห้ามใส่ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อองค์พระพุทธเจ้า และเพื่อระลึกถึงพระเมตตาคุณของพระองค์เมื่อครั้งเสด็จไปทุกหนแห่งเพื่อโปรดสัตว์ด้วยพระบาทเปล่าในกาลก่อน พุทธสถานที่สำคัญ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพม่าคือเจดีย์ ชาวพม่านับตั้งแต่กษัตริย์จนถึงชาวบ้านสามัญชนเชื่อในการสร้างเจดีย์เป็นพุทธบูชา คนที่มีกำลังทรัพย์ก็มักสร้างเจดีย์ของตนเองเพื่อเป็นที่สวดมนต์บูชาพระพุทธเจ้า และด้วยความเชื่อว่าผู้สร้างเจดีย์จะได้บุญมาก เราจึงเห็นเจดีย์มากมายทั่วพม่า ทั้งเจดีย์ทองอร่าม และเจดีย์ปูนเปลือยธรรมดาที่สร้างขึ้นตามศรัทธาและกำลังทรัพย์ของผู้สร้าง st12 st12 st12 ชาวพุทธในพม่ามีความผูกพันกับเจดีย์มาก หนึ่งในเจดีย์ที่ได้รับความเคารพสูงสุด ก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งประดิษฐานอยู่ใจกลางเมืองย่างกุ้ง และเป็นหนึ่งใน 5 มหา–บูชาสถานที่ชาวพม่าเชื่อว่าต้องไปสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดของตนเอง พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เป็นศิลปะมอญที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้ว มีพระเกศธาตุ 8 เส้นบรรจุอยู่ภายใน องค์พระเจดีย์ห่อหุ้มด้วยทองคำหนัก 23 ตัน มีทับทิมและเพชรซึ่งประเมินค่ามิได้ประดับอยู่บนยอด พระเจดีย์ นอกจากนี้ ระหว่างการก่อสร้างยังได้มีการขุดพบเครื่องอัฐบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน 3 พระองค์ ได้แก่ ไม้เท้า เครื่องกรองน้ำ และจีวร แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าเคยทรงดำรงพระองค์อยู่จริง ณ สถานที่แห่งนี้ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าพม่าจะผ่านความเปลี่ยนแปลงมามากมายขนาดไหน กลางกรุงย่างกุ้งก็ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ และทองคำสุกอร่ามที่ห่อหุ้มองค์ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เสมอ ไฟที่ส่องสว่างมายัง พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองไม่เคยดับ เช่นเดียวกับที่ทองคำที่หุ้มองค์พระเจดีย์ไม่เคยหมอง st11 st11 st11 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลพม่ากำหนดให้มีการหุ้มทองพระเจดีย์ทุกๆ 4 ปี ซึ่งในวันหุ้มทองพระเจดีย์ ชาวพม่าทั่วประเทศจะพากันมาต่อคิวเพื่อบริจาคทองคำนำไปหุ้มองค์พระมหาธาตุเจดีย์อันเป็นที่เคารพสูงสุดของพวกเขาอย่างมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว ในวันนี้สีทองอร่ามของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่ยังคงมองเห็นได้จากทุกมุมของเมืองย่างกุ้ง เหมือนจะตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของแรงศรัทธาในพุทธศาสนา เหมือนจะบอกผู้มาเยือนทุกคนว่า ภายใต้ทองสุกอร่าม ยังมีความงามที่งามกว่าซ่อนอยู่ นั่นคือพุทธคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น “ไหว้พระพุทธ ใจอย่าหยุดที่ทองคำ” ขออย่ากราบไหว้เพียงแค่ความงามภายนอก แต่ควรพิจารณาลงไปให้เห็นถึงพุทธคุณอันยิ่งใหญ่นั้นด้วย เม็งกาลาบา...ขอความเป็นมงคลจงมีแก่ทุกท่านค่ะ. ภัสวลี นิติเกษตรสุนทร ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.thairath.co.th/content/424908 (http://www.thairath.co.th/content/424908) หัวข้อ: Re: เม็งกาลาบา....เมียนมาร์ เริ่มหัวข้อโดย: Mario ที่ พฤษภาคม 31, 2014, 04:35:13 pm st12 st12 thk56
|