สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

หญิงชราวัย 69 ปี อดีตเป็นเศรษฐินีเคยมีเงินกว่า 10 ล้านบาท และเคยเป็นเจ้าของแผงขายเสื้อผ้าในตลาดสดเทศบาล 3 เขตเทศบาลนครขอนแก่น ถึง 5 ห้อง แต่ปัจจุบันชีวิตกลับประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจจนกิจการขาดทุน ต้องยึดอาชีพเก็บขยะขายเลี้ยงชีพ และใช้ตลาดเป็นที่ซุกหัวนอน

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุวรรณ วรวิระยะประเสริฐ อายุ 60 ปี ที่ปรึกษาชุมชนตรีเทพนครขอนแก่น นผู้ดูแลรักษาตลาดสดเทศบาล 3 (โบ๊เบ๊) ถนนกลางเมือง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จ.ขอนแก่น ว่า มีหญิงชราอดีตมีฐานะเป็นระดับเศรษฐินี แต่ปัจจุบันยึดอาชีพเก็บขยะและของเก่าหาเลี้ยงชีพ ซึ่งขณะนี้ได้อาศัยบริเวณอาคารชั้น 2 ของตลาดสดเทศบาล 3 จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ นางนงค์ อ่อนอก อายุ 69 ปี ชาว จ.มุกดาหาร นอนเฝ้ากองขยะจำนวนหลายกอง ที่มีการเก็บใส่ถุงไว้เรียบร้อย ซึ่งขยะบางส่วนเริ่มส่งกลิ่นเหม็น




โดย นายสุวรรณ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา นางนงค์ เคยเป็นเศรษฐินี มีเงินสดมากถึง 10 ล้านบาท ตอนที่สร้างตลาดสดเทศบาล 3 เสร็จใหม่ๆ นางนงค์ได้มาขอเช่าห้อง จำนวน 5 ห้องที่อยู่บนชั้นสองของอาคาร ในราคา 5 ล้านกว่าบาท เพื่อทำกิจการขายเสื้อผ้า โดยมีลูกชาย 3 คน และลูกสาว 3 คน ช่วยดูแลกิจการ ส่วนสามีได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคประจำตัว

นายสุวรรณ กล่าวต่อไปว่า เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจทรุดลงลูกชายและลูกสาวทั้งหมดของ นางนงค์ ได้พากันขอเงินแม่ไปดำเนินธุรกิจของตัวเองใน จ.ขอนแก่น ขณะที่ นางนงค์ ยังคงขายเสื้อผ้าอยู่ในตลาดสดเทศบาล 3 แต่ไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก จึงต้องปิดกิจการ และย้ายไปขายเสื้อผ้าอยู่ในตลาดสดบางลำภู ซึ่งอยู่ติดกับตลาดสดเทศบาล 3 แต่ก็ยังคงขายไม่ดี แถมขาดทุนไปหลายล้านบาท





นางนงค์ จึงตัดสินใจไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง และเก็บเงินสดไว้ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อมีมากกว่า 1 ล้านบาท จากนั้นก็มาเก็บขยะขายมีรายได้วันละประมาณ 100-200 บาท และอาศัยอยู่ในตลาดสดเทศบาล 3 ส่วนขยะที่ยังไม่ได้ขายก็นำมาเก็บไว้ภายในอาคารที่เป็นห้องเช่าทั้ง 5 ห้อง อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการดูแลตลาดสดเทศบาล 3 ได้มาขอร้องให้ นางนงค์ กลับไปอยู่กับบุตรสาวและบุตรชายที่มีกิจการมั่นคง แต่นางนงค์ไม่ยอม โดยบอกว่า ถึงแม้ตนจะมีที่ดินและมีเงินที่สำหรับสร้างบ้านได้ ก็จะไม่ยอมสร้างบ้านใหม่ แต่จะขออยู่เฝ้ากองขยะจนกว่าตนเองจะตายไปจากไปในตลาดสดเทศบาล 3

ขณะที่ นางนงค์ ได้เล่าประวัติของตนเองว่า เป็นคนมีเงินมากกว่า 10 ล้านบาทจริง แต่ได้นำมาลงทุนประกอบธุรกิจขายเสื้อผ้าอยู่บนอาคารชั้น 2 ของตลาดสดเทศบาล 3 เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เมื่อเจอภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี ทำให้เสื้อผ้าขายไม่ออกขณะที่ลูกชายและลูกสาวก็ขอเงินไปลงทุนจำนวนมาก ตนเลยประสบปัญหาขาดทุน จึงต้องไปหาเก็บขยะขาย และปลงกับชีวิต แต่จะไม่ยอมไปอาศัยอยู่กับลูกๆทุกคน เพราะไม่อยากไปรบกวนให้ลูกให้เกิดความลำบากในตัวแม่ และตนเองยังมีที่ดินอยู่พร้อมกับเงินสดอยู่ในธนาคารจำนวนหนึ่ง ถ้าตายไปแล้วก็คิดว่าจะมอบให้กับการกุศลต่อไป.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/regional/246588/ตะลึงอดีตเศรษฐินีเมืองหมอแคนเก็บขยะขายเลี้ยงชีพ (http://www.dailynews.co.th/Content/regional/246588/ตะลึงอดีตเศรษฐินีเมืองหมอแคนเก็บขยะขายเลี้ยงชีพ)