สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 07:43:16 am



หัวข้อ: 1 วัน 3 วัด ตามรอย..มรดกธรรมสังฆราชา
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 07:43:16 am

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2014/07/15/ahbckfj7fe957ad88fgga.jpg)

ศิลปวัฒนธรรม : 1 วัน 3 วัด ตามรอยมรดกธรรมสังฆราชา

สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์นับแต่สร้างกรุงจวบจนวันนี้มีทั้งสิ้น 19 องค์ และแม้ว่าสมเด็จพระสังฆราชองค์ล่าสุดจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว และยังไม่มีการสถาปนาองค์ใหม่ หาก "ธรรมะ" ของประมุขแห่งสงฆ์ยังคงสถิตอยู่ในใจชาวพุทธอย่างไม่มีวันสูญสิ้น เพื่อรำลึกถึงมรดกธรรมที่ได้จารึกไว้ในแผ่นดิน "เดอะ วิสดอม" ธนาคารกสิกรไทย จึงจัดกิจกรรมแห่งศรัทธาในแนวคิด "ตามรอยสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์" พาชาวพุทธลูกค้าธนาคารเดินทางจาริก 3 วัดใน 1 วันที่พระสังฆราชเคยประทับอยู่ ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
 
งานนี้นอกจาก ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จะนำท่องธรรมแล้ว ยังได้นักโหราศาสตร์คนดัง "อ.ช้าง" ทศพร ศรีตุลา ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับพระจริยวัตรของสมเด็จพระสังฆราชแต่ละองค์ เริ่มจากวัดบวรฯ พระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.5 และ ร.9 ขณะทรงครองสมณเพศ และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (พระสังฆราชที่เป็นเชื้อพระวงศ์) ถึง 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ กับอีกหนึ่งพระสังฆราชที่มาจากสามัญชน คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระสังฆราชองค์ที่ 19
 
 st11 st11 st11

ช่วงหนึ่งของการสนทนาธรรม พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย หรือ "พระศากยวงศ์วิสุทธิ์" ผู้สนองงานสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 เล่าว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงเปรียบเสมือนพ่อบังเกิดเกล้า เพราะทรงสั่งสอนและถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่อยมา หากจะให้พูดถึงพระจริยวัตรของพระองค์คงใช้เวลาเป็นวันเพราะมากเหลือคณา โอกาสนี้ขอยกเรื่องพระเมตตาต่อสรรพสัตว์ ทรงเลี้ยงไก่ชื่อ "เจ้าบอด" และทรงเลี้ยงสุนัข เวลาทรงตรวจวัดทุกเย็นทั้งเจ้าบอดและสุนัขทรงเลี้ยงจะมาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง นอกจากนี้ยังทรงมีวิธีสอนสั่งธรรมะอันมีลักษณะเฉพาะของพระองค์
 
"ครั้งหนึ่งชาวต่างชาติมาถ่ายทำรายการแล้วเห็นแต่คนแก่เข้าวัด เลยสงสัยว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธแต่ทำไมคนเข้าวัดน้อย จึงทรงตรัสว่า พระพุทธศาสนาอยู่ในสายเลือดทุกหยดของคนไทย หาใช่อยู่ที่วัดไม่ ขณะที่ด้านวิชาการทรงนิพนธ์เกี่ยวกับการศึกษาไว้มากมาย ทรงตั้งคำถามว่าที่ผ่านมาเรามักบอกว่าให้นำความรู้บรรจุไว้ที่สมอง ทั้งที่จริงแล้วเราเคยคิดนำมาบรรจุไว้ที่ กาย วาจา ใจ บ้างหรือไม่ นั่นเป็นวิธีสอนที่แยบยล" ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าว

 
(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2014/07/15/h696da58k5895feiefe9b.jpg)

มาที่ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย นอกจากจะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมผสมผสานสยามกับยุโรปแล้ว ยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (องค์ที่ 11) และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) (องค์ที่ 18) โดย ท่านเจ้าคุณสิริวัฒโนดม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ฟื้นความทรงจำสมัยเป็นศิษย์ก้นกุฏิรับใช้ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) ว่า

ทรงปฏิบัติธรรมอย่างเข้มงวด ทรงตรัสว่า "สีจีวรไม่เกี่ยว จิตนั้นเป็นสำคัญ" ทรงเป็นพระสังฆราชองค์แรกที่เสด็จไปครบทุกจังหวัด ทรงโปรดให้ชาวพุทธอาราธนาศีล 5 ด้วยเสียงดัง  ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรปฏิบัติเป็นเบื้องต้นไปสู่ความสุข จนได้ชื่อว่า "สมเด็จพระสังฆราชศีล 5"
 
"ขณะที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ทรงมีพระเมตตามาก ไม่โปรดตรัสคำหยาบ หรือดุ อีกทั้งยังตรัสเรื่องความสามัคคีอยู่บ่อยๆ เปรียบกับการกำมือชก ถ้ากำไม่แน่นก็ไม่มีพลัง ทรงสอนเรื่องความสามัคคีและให้อภัยเสมอ " ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวพร้อมกับเสริมว่าทุกวันนี้ที่บ้านเมืองไม่สงบสุขก็เพราะใจยังอาฆาตกัน
 
 ans1 ans1 ans1

หากมองอีกมิติหนึ่งหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชแต่ละองค์ไม่เคยล้าสมัย ดังคำสอนที่อุบัติขึ้น จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ หรือ "วัดโพธิ์" พระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายมหานิกาย ที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระองค์เจ้าวาสุกรี สุวัณณรังสี) (องค์ที่ 7) และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) (องค์ที่ 17) ซึ่ง พระสุธีธรรมานุวัตร หรือ "ท่านเจ้าคุณเทียบ" ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แสดงธรรมเทศนาพร้อมยกธรรมะของพระสังฆราชว่า

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงเชี่ยวชาญเรื่องกวีนิพนธ์ เมื่อศึกษาชีวิตของพระองค์จะเห็นว่าทรงมี "ความเพียร วิริยะ อุตสาหะ" อย่างมาก ส่วนสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณฺณสิริ ธรรมมะของพระองค์คือ "เมตตา" ทรงสอนเสมอว่าคนเราต้องมีความรักกัน ถ้าไม่มีความรักก็จะเดือดร้อน จึงทรงเปรียบ "จิตเหมือนปลา เมตตาเหมือนน้ำ" คุณธรรม 2 ข้อนี้ถ้าทำได้ก็จะมีความสุขตลอดไป...
 
กิจกรรมนี้นอกจากพุทธศาสนิกชนจะได้ทราบซึ้งในรสพระธรรมของประมุขแห่งสงฆ์ที่ฝากไว้ชั่วกาลนานแล้ว ยังได้ชมความงามของวัดวา รวมถึงเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ของสมเด็จพระสังฆราชที่เก็บรักษาไว้เป็นที่รำลึกอีกด้วย

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140717/188274.html (http://www.komchadluek.net/detail/20140717/188274.html)