หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : ตาที่สาม เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 04, 2014, 10:06:45 am (http://www.bloggang.com/data/p/poneak/picture/1375154433.jpg) สมาธิชาวบ้าน : ตาที่สาม หลายๆ ศาสนาในโลกเรานี้มีความเชื่อที่ตรงกันว่า มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาจะมีตาชนิดหนึ่ง ตาชนิดนี้จะอยู่ระหว่างประมาณหน้าผาก และตาชนิดนี้เป็นตาที่ไม่ต้องอาศัยเลนส์ตาหรือลูกตา แต่มันสามารถที่จะมองเห็นภาพได้ ตาชนิดนี้ก็มักมีปรากฏให้พบเห็นอยู่บนพระพุทธรูปหรือตามรูปปั้นต่างๆ ซึ่งเราจะเรียกตาชนิดนี้กันว่า “ตาที่สาม” ตาที่สามเป็นตาที่รู้ธรรมเห็นธรรม ในการรับรู้ธรรมต่างๆ จะผ่านจากตรงนี้ หลายคนจึงบอกว่าตาที่สามถือเป็นทวารอย่างหนึ่ง เป็นมโนทวาร เป็นทวารที่อยู่ตำแหน่งของตานี้ :29: :29: :29: ในทุกชาติ ทุกศาสนา ที่มีการปฏิบัติ จะยอมรับกันว่ามีภาพบางอย่างเกิดขึ้นตรงบริเวณนี้ กล่าวคือเราสามารถมองเห็นได้โดยที่ไม่ได้ใช้ตา มันไร้มิติ สามารถเห็นไปทั้งในอดีตและในอนาคต อาศัย อตีตังสญาณ (คือ ญาณหยั่งรู้ส่วนอดีต ผู้บรรลุญาณนี้จะสามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า กรรมในอดีตชาติส่งผลมาเป็นกรรมในปัจจุบันได้อย่างไร ชาติก่อนทำอะไรไว้ ชาตินี้จึงมาเป็นอย่างนี้) อนาคตังสญาณ (คือ ญาณหยั่งรู้ส่วนอนาคต ผู้บรรลุญาณนี้จะสามารถเห็นล่วงหน้า ว่าในอนาคตอันใกล้อันไกลจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งคนที่รู้ล่วงหน้าจะสามารถป้องกันแก้ไขได้ดีกว่าคนที่ไม่รู้ล่วงหน้า) ปัจจุปปันนังสญาณ (คือ ญาณหยั่งรู้ส่วนปัจจุบัน ผู้บรรลุญาณนี้จะสามารถรู้เหตุปัจจัยของเรื่องที่มีอยู่เป็นอยู่ขณะนี้ และเหตุปัจจัยของเรื่องที่จะมีจะเป็นในกาลข้างหน้า) กับทิพจักขุญาณ จึงทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และภาพในอนาคตได้ (https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/hphotos-ak-snc7/579870_10151510504500513_1246056522_n.jpg) อย่างในลัทธิอนุตตรธรรม (คำสอนเป็นการผสมผสานระหว่างลัทธิขงจื้อกับลัทธิเต๋า) เรียกตำแหน่งตาที่สาม ซึ่งอยู่ตรงบริเวณหน้าผากระหว่างคิ้วนี้ว่า “จุดญาณทวาร” และยังเชื่อว่าวิญญาณจะเข้าออกร่างกายผ่านทางประตูนี้ และเป็นทางเดียวที่วิญญาณจะใช้ผ่านกลับคืนสู่สวรรค์ ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของวิญญาณทุกดวงจิต จึงสามารถเดินทางผ่านไปยังมิติภพภูมิต่างๆ ได้ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในการเวียนว่ายตายเกิดในทั้งสามโลก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันก็อยู่ในขั้นของโลกียฌาณเท่านั้น อาศัยมโนทวารไปล่วงรู้ทุกมิติภพภูมิหมด อย่างเช่น สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ แต่หากยังคงมีกลุ่มความคิดอะไรอยู่ก็จะสามารถมองเห็นได้จากตาที่สามนี้ นั่นคือเราจะสามารถมองเห็นมิติภพภูมิอื่นๆ ได้หมด โดยผ่านตำแหน่งของทวารหรือว่าตำแหน่ง “ทิพยจักษุญาณ” นี้เอง :96: :96: :96: พระพุทธรูปในบ้านเราที่มีตาพิเศษ (ตาที่สาม) ก็จะอยู่ในตำแหน่งระหว่างประมาณหน้าผากนี้เหมือนกัน อย่างพระพุทธรูปหรือเทพต่างๆ ในอินเดียก็เช่นเดียวกันหรืออย่างพระฤๅษีเองก็มีตาที่สามเช่นกัน ผู้ที่สำเร็จการเพ่งกสิณไฟจำต้องปิดตาที่สามไว้ เพราะถ้าตาที่สามเปิดขึ้นมาเมื่อใด ตาไฟก็จะทำให้ไฟลุกติดสิ่งที่มองได้ ผู้ปฏิบัติที่ฝึกการเพ่งไฟจะมีอาการคล้ายๆ กันคือ เมื่อจิตเป็นไฟ ไฟก็เป็นจิต จิตที่เพ่งไฟจึงมีคุณสมบัติของไฟ ไฟมีคุณสมบัติเช่นไร จิตก็จะมีคุณสมบัติเช่นนั้น คือมีความร้อนสามารถเผาไหม้วัตถุต่างๆ ได้นั่นเอง. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/270714/93683 (http://www.thaipost.net/tabloid/270714/93683) ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/ (http://www.bloggang.com/) https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/ (https://fbcdn-sphotos-h-a.akamaihd.net/) |