สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 07, 2014, 06:45:52 am



หัวข้อ: • เทรนด์ใหม่มาแรง..ชาวพุทธญี่ปุ่นนิยมฝังศพรวมกัน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 07, 2014, 06:45:52 am

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000009008602.JPEG)
ญี่ปุ่น : เทรนด์ใหม่มาแรง..ชาวพุทธญี่ปุ่นนิยมฝังศพรวมกัน


          • เทรนด์ใหม่มาแรง..ชาวพุทธญี่ปุ่นนิยมฝังศพรวมกัน
       
       ญี่ปุ่น : ประเพณีการฝังศพของชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาพุทธหรือชินโตนั้น จะนำโกศไปฝังในหลุมศพของครอบครัว ซึ่งหลุมศพแห่งนี้จะเป็นสุสานของบุตรชายคนโตและครอบครัวของเขาสืบต่อไป ส่วนบุตรชายคนรองต้องสร้างสุสานของตนเองขึ้นมาใหม่
       
       ตามธรรมเนียมนั้น สุสานของตระกูลต้องมีลูกหลานคอยดูแลเซ่นไหว้ แต่ปัจจุบัน มีหลายสุสานที่ขาดผู้ดูแล เนื่องจากการย้ายถิ่นฐาน หรือไร้ลูกหลาน ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการฝังศพมีราคาแพง ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ ด้วยการฝังในสุสานรวม
       
       คูมิโกะ คาโนะ หญิงชราวัย 74 ปี เล่าว่า เธอและสามีผู้ล่วงลับ ตัดสินใจเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า ไม่ต้องการสร้างสุสานขึ้นใหม่และทิ้งภาระให้ลูกๆ โดยจะขอฝังในสุสานรวม ทั้งคู่จึงได้เข้าร่วม “กลุ่มโมยาอิโนกาอิ” คือกลุ่มคนที่กังวลกับการฝังศพของตัวเอง เนื่องจากไม่มีบุตรธิดา โดยสมาชิกในกลุ่มจะพบปะสังสรรค์กันเป็นครั้งคราว เพื่อผูกสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก่อนเสียชีวิตและถูกฝังรวมกัน ดังนั้น เมื่อสามีของเธอเสียชีวิตในปี 2008 อัฐิของเขาได้ถูกฝังในสุสานรวม ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 3,000 ศพแล้ว

        :96: :96: :96:

       พระเรียวกาอิ มัตสึชิมะ ซึ่งมีบิดาเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มโมยาอิโนกาอิเมื่อ 25 ปีที่แล้ว กล่าวว่า “มันไม่ยุติธรรมที่บางคนมีคนคอยดูแลภายหลังเสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่บางคนไม่มี ด้วยเพราะเลือกที่จะเป็นโสด หรือไม่มีบุตร”
       
       นางฮารุโยะ อินู ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยโตโยะ และเป็นผู้อำนวยการองค์กรไม่แสวงกำไรซึ่งสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เปิดเผยว่า กลุ่มคนที่มองหาทางเลือกใหม่ เพื่อจัดการฝังศพตัวเองนั้น อันดับหนึ่งคือ คู่สามีภรรยาที่มีแต่บุตรสาว อันดับสองคือ คู่ที่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาว อันดับสามคือ คู่ที่ไม่มีบุตร อันดับสี่คือ คนโสด และอันดับห้าคือ ภรรยาที่ไม่ต้องการฝังรวมกับสามี

       
จาก Taipeitimes
จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย เภตรา
ที่มา http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000087175 (http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000087175)