หัวข้อ: ผลวิจัยชี้เฟซบุ๊ก เป็นสังคมออนไลน์ครองใจคนไทยในปี 57 เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 27, 2014, 11:21:48 am (http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuFBn8TFSZI8aSRRsygU4O1mtxXpGYPysLlnVL1h.jpg) ผลวิจัยชี้เฟซบุ๊ก เป็นสังคมออนไลน์ครองใจคนไทยในปี 57 ผลวิจัย TNS เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Facebook ในประเทศไทย พบคนไทยใช้เวลาบนเฟซบุ๊กถึง 2.35 ชั่วโมง/วัน มากกว่า สื่อโซเชียลแบบอื่นๆ และยังใช้ค้นหาสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าและบริการ และชมวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กสูงถึง 71%... เครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก (Facebook) เผยผลวิจัยข้อมูลเชิงลึกภายใต้การดำเนินการสำรวจโดย TNS เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Facebook ในประเทศไทย พบว่าคนไทยใช้เวลาบน Facebook มากยิ่งขึ้น เข้าใช้งานจากสถานที่ต่างๆ หลากหลายขึ้นรวมถึงมีการใช้งานระหว่างกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวันเพิ่มมากขึ้น โดยเวลาที่ใช้บน Facebook สำหรับการค้นหาสิ่งใหม่ๆ มากว่าสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ ถึง 96% สูงกว่าเวลาในการบริโภคสื่ออื่นๆ ทั้งสื่อดิจิตอล นิตยสาร และโทรทัศน์ :49: :49: :49: :49: ขณะที่ ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจยืนยันว่า พวกเขารู้สึกชอบที่จะติดต่อเพื่อน หรือ คนรู้จักผ่าน Facebook มากกว่าการสื่อสารผ่านสื่อรูปแบบเดิมๆ และใช้เวลากับ Facebook โดยเฉลี่ย 2 ชั่วโมง 35 นาที ต่อวัน ผู้ใช้คนไทยเห็นหรือค้นหาข้อมูลสินค้าบน Facebook ถึง ร้อยละ 68 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 28 ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าบน Facebook ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า บริการ หรือ การเดินทางท่องเที่ยว ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 57 ของคนไทยผู้ใช้ Facebook ค้นพบหรือรู้จักเกี่ยวกับสินค้า แบรนด์ หรือบริการต่างๆ เป็นครั้งแรกผ่านทาง Facebook ในขณะเดียวกัน มากกว่าร้อยละ 71 รับชมวิดีโอบน Facebook โดยร้อยละ 56 ใช้ Facebook โพสต์วิดีโอหรือลิงก์ของวิดีโออีกด้วย นายแอร์โรว์ กัว หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMBs กลุ่มประเทศจีน (จีน ไต้หวัน ฮ่องกง) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Facebook กล่าวถึงผลสำรวจว่า “ด้วยการเข้าถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือกว่าร้อยละ 134 และจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมากถึง 27 ล้านคนต่อเดือน ประเทศไทยจึงเป็นตลาดสำคัญที่เปี่ยมไปด้วยโอกาส สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาบน Facebook โดยขณะนี้ ผู้ซื้อโฆษณามีตัวเลือกมากมาย เมื่อต้องการช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มผู้รับสารเป้าหมาย Facebook จึงเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแบรนด์ต่างๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ในการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลไปยังกลุ่มเป้าหมายของตน :96: :96: :96: "คนไทยมีปฏิสัมพันธ์บน Facebook มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ พวกเขายังยินดีที่ได้ค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ เป็นครั้งแรกบน Facebook เช่น ภาพยนตร์และสินค้าต่างๆ สิ่งที่คนไทยเห็นบน Facebook ยัง มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก พวกเขาจะค้นหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไว้ใจ รวมทั้งศึกษาข้อมูลสินค้าบนเพจของแบรนด์ เมื่อต้องการค้นหาสินค้าใหม่ๆ หรือเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ข้อมูลเชิงลึกนี้จึงถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการวางกลยุทธ์การตลาด สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี” หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ SMBs กลุ่มประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฟซบุ๊ก กล่าว (http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1DGTzIruU9L2F84Yw7qzmjXySGolr.jpg) นายแอร์โรว์ กัว (ที่สามจากซ้าย) นายพอล ศรีวรกุล (ขวาสุด) นายวีรธิป ธนาพิสิทธิกุล (ซ้ายสุด) และคุณกมลวรรณ กอไพศาล (ที่สองจากซ้าย) ด้าน นายพอล ศรีวรกุล กรุ๊ปซีอีโอ บริษัท aCommerce กล่าวว่า อุตสาหกรรม ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันยังมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอันใกล้ แบรนด์ต่างๆ จะต้องการขายสินค้าของพวกเขาในทุกช่องทาง โดยสถานที่ซื้อขายจะย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์ภายใต้ระบบบริหารจัดการเดียวกัน ทั้งหมด นอกจากนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเข้าสู่ยุคของโอทูโอ (O2O) คอมเมิร์ซ (Online-to-Offline) โดยร้อยละ 65 ของธุรกรรมทางการเงินจะเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ และสิ้นสุดลงที่โลกออฟไลน์ ในขณะเดียวกัน Facebook จะมีความสำคัญมากกว่าการเป็นเครื่องมือที่ ใช้สร้างแบรนด์ โดยจะเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของแบรนด์ ผลการสำรวจของเราพบว่า Facebook ช่วยขับเคลื่อนการนำลูกค้าไปสู่ช่องทางการตลาดอื่นๆ โดยร้อยละ 58 ของยอดสั่งซื้อมาจากการโฆษณาบน Facebook :49: :49: :49: ขณะที่ นายวีรธิป หรือ วิน ธนาพิสิทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Pomelo กล่าวว่า เพื่อเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในโลกยุคดิจิตอล แบรนด์จำเป็นต้องเล่าเรื่องราว ผ่านการผสมผสานระหว่างรูปภาพที่เตะตา ข้อความที่กระตุ้นความสนใจ และแพลตฟอร์มที่สร้างการเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกัน จากประสบการณ์ของ Pomelo เฟซบุ๊กถือเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการกำหนด กลุ่มผู้รับสารเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณการเข้าถึงผู้รับสาร สิ่งที่ทำให้เฟซบุ๊กแตกต่างจากสื่อเดิมๆ ทั่วไป คือ การช่วยให้ประเมินผลที่ได้รับจากแคมเปญ เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นได้ ส่วน นางสาวกมลวรรณ กอไพศาล ผู้อำนวยการการตลาดดิจิตอล บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การนำเครื่องมือในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ของ Facebook มาผสมผสานกัน ทำให้เราสามารถระบุและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่เราต้องการขายได้ อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ออฟฟิศเมทเห็นผลจากแคมเปญพิเศษสำหรับสินค้าในหมวดความงาม ด้วยการเติบโตของผลตอบแทนมากกว่าที่ได้ลงทุนไปถึง 4 เท่า. ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/445964 (http://www.thairath.co.th/content/445964) |