หัวข้อ: พระเทพฯ ทรงห่วง "เด็กขาดโอกาส 4 ปี อ่านไม่ได้" เหตุโรงเรียนใกล้บ้านถูกยุบ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 05, 2014, 09:21:23 am (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2014/11/p0101041157p1.jpg) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปเป็นประธาน ในงาน "วันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ครั้งที่ 26 และทรงบรรยายเรื่อง "อดีตเพื่ออนาคต : การศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ" ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พระเทพฯ ทรงห่วงเด็กขาดโอกาส 4 ปี อ่านไม่ได้ เหตุโรงเรียนใกล้บ้านถูกยุบ ในเมืองไม่สมดุลกับชนบท ′พระเทพฯ′ทรงแนะผู้เกี่ยวข้องวางแผนจัดการศึกษาให้เหมาะสม ทรงห่วงเด็กขาดโอกาสหลัง ร.ร.ถูกปิดเพราะเด็กน้อย ดูแลจิตใจเด็กตั้งครรภ์ไม่พร้อม-ผู้สูงวัย มุ่งสู่โลกาภิวัตน์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธาน ในงาน "วันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ครั้งที่ 26 และในวาระครบ 40 ปีบัณฑิตวิทยาลัย โดยมี นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดี มศว คณาจารย์ พร้อมพระสหายร่วมรุ่นขณะทรงศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ มศว เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ในโอกาสนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายเรื่อง "อดีตเพื่ออนาคต : การศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ" ตอนหนึ่งว่า ในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงปฏิรูปการศึกษา และการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน โดยทรงมีพระราชดำรัสว่า "ไม่ว่าใคร จะเป็นลูกใคร หรือเป็นพระโอรส พระธิดาของพระองค์เอง หรือเป็นลูกของใครที่ไหนในประเทศไทย ต้องจัดให้มีโอกาสทางการศึกษาได้เท่าเทียมเท่ากัน ซึ่งตามหลักการแล้ว คนไทยทุกคนต้องมีโอกาสทางการศึกษา สามารถอ่านออกเขียนได้ เพื่อไม่ให้ถูกหลอก ทำงานเพื่อประเทศชาติได้ เพื่อตัวเองได้รู้หนังสือ รู้วิชาชีพ" ตรงนี้ต่อไปในอนาคตต้องขยายมากกว่านั้น ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่ต้องเป็นทุกคนที่อยู่ในไทย และนอกประเทศ ดังนั้น การศึกษาจึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ทั้งรัฐบาลและเอกชนที่ต้องร่วมจัดการศึกษา :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายต่อว่า ที่ผ่านมามีวิชาเรื่องอนาคตศึกษา หรือการใช้ค่าสถิติตัวเลขต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น มาดูว่าแนวโน้ม หรือเทรนด์ต่อไปในอนาคตจะเป็นอย่างไร และเรื่องที่ได้ยินมา 30-40 ปีของการทำงาน คือประชากรเด็กจะลดลง เพราะการคุมกำเนิดได้ผล ทำให้โรงเรียนที่เคยเปิดให้การศึกษาทุกชั้นปี กลายเป็นเปิดปีเว้นปี จนกระทั่งปิดโรงเรียน เพราะเชื่อนักเศรษฐศาสตร์ว่าการมีเด็กน้อย จะไม่คุ้มกับการจัดการเรียนการสอน ผลของปรากฏการณ์นี้ทำเห็นได้ชัดเจน คือเราใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า "แต่สิ่งที่ตามมาคือมีเด็กจำนวนหนึ่งขาดโอกาสทางการศึกษา เพราะไม่มีโรงเรียนใกล้บ้าน พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องเดินทางไกล เพราะบางคนกว่าจะเดินไปถึงโรงเรียนก็เย็น เรียนมา 4 ปี ปรากฏว่าไม่รู้หนังสือเลย ตรงนี้เป็นเรื่องจริงที่พบเจอด้วยตนเอง จึงใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการใช้ระบบไอซีที การเรียนการสอนทางไกล ศูนย์การเรียนชุมชน ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อถามเด็กว่า ทำไมได้คะแนนไม่ดี เด็กก็ตอบว่าจะเอาอะไรกับหนู เพราะหนูเรียนกับทีวี แต่ที่น่าสังเกตคือโรงเรียนในเมืองกลับมีนักเรียนห้องละ 50-60 คน นั่งเบียดกัน พ่อแม่เสียแป๊ะเจี๊ยะเป็นแสนๆ ให้ลูกได้เข้าเรียน ซึ่งไม่สมดุลกันกับโรงเรียนในชนบท เพราะฉะนั้น ปัญหาเรื่องเด็กน้อยหรือมาก เป็นเรื่องของประชากรศาสตร์ที่ผู้เกี่ยวข้องต้องติดตามตัวเลขอัตราการเกิดเพื่อวางแผนการจัดการศึกษาให้เหมาะสมต่อไป" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยาย :96: :96: :96: :96: :96: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายต่อว่า นอกจากนี้ จากการได้คุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบว่าขณะนี้มีเด็กตั้งครรภ์ไม่พร้อม และอนาคตอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จึงเป็นปัญหาที่ต้องมาคิดว่าจะจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้อย่างไร ไม่ใช่คำนึงถึงแต่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจ ทั้งตัวเด็กที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม และเด็กที่ถูกทิ้ง เพราะสภาพจิตใจของเขาเหล่านี้จะขาดมาก ดังนั้น ต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลว่าจะประคับประคองและดูแลอย่างไร เพราะบางทีสิ่งที่เขาคิดก็เป็นสิ่งที่เราก็คาดไม่ถึง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายอีกว่า อีกเรื่องสำคัญที่จะต้องสอนในอนาคตคือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือเศรษฐกิจสีเขียว เพราะปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นปัญหาหนัก ดังนั้น ต้องสอนนักเรียนไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า ประหยัดเชื้อเพลิง พลังงาน รู้จักปิดไฟ มีความรู้เรื่องพลังงานทางเลือก ซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ จะต้องย้ำให้ประชาชนรู้จักเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งระดับบุคคล ระดับชุมชน และประเทศ โดยเฉพาะเรื่องสื่อการเรียนการสอนที่มักจะคิดว่าต้องใช้สื่อแพงๆ ทั้งที่ความจริงแล้วสามารถนำสิ่งที่มีในท้องถิ่นมาปรับประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้ในหลายวิชา ans1 ans1 ans1 ans1 ans1 "ทั้งนี้การเรียนรู้ในอนาคตจะเรียนรู้อย่างเดียวไม่พอ ควรต้องให้เด็กเรียนรู้หลายอย่าง จึงจะอยู่รอดได้ เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่ปัจจุบันนี้คนมีอายุยืนขึ้น ดังนั้นต้องให้ผู้สูงอายุสามารถเรียนได้ในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้สามารถทำงานได้ต่อ หรือเรียนเพื่อความเพลิดเพลินก็ได้ เป็นการยากที่จะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ก็อาจจะคาดเดาได้ ดังนั้น ผู้มีหน้าที่จัดการศึกษา ขอให้คำนึงถึงประเด็นโลกยุคใหม่ โลกโลกาภิวัตน์" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายต่อว่า ทั้งครูและนักเรียนต้องรู้ภาษาต่างประเทศมากขึ้น เพื่อจะได้ใช้สื่อสารกับนานาชาติได้ ต้องให้เด็กเป็นสมาชิกชุมชนนานาชาติ เพราะต่อไปต้องทำมาหากินให้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่รังเกียจงาน ที่สำคัญ ทุกคนต้องเอื้อเฟื้อต่อกัน ไม่ใช่หวงวิชา ไม่หวงความรู้ ต้องสนใจซึ่งกันและกัน สิ่งใดดีก็ไม่ควรเปลี่ยน แต่อาจเสริมสื่อการสอน ทำให้นักเรียนที่ได้รับการศึกษาเป็นหลักเพื่อการพัฒนาประเทศ ตรงนี้จะถือว่าเป็นอดีตเพื่ออนาคต ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1415071949 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1415071949) |