สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2014, 08:53:52 am



หัวข้อ: พระ-นิสิต ป.เอก 'มจร' ช่วยชาวบ้าน "ดำนา" ยึดพอเพียง (ชมภาพ)
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2014, 08:53:52 am

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2014/11/14/8cbchcjhaecah7569da6j.jpg)

พระ-นิสิต ป.เอก 'มจร' ช่วยชาวบ้าน "ดำนา" ยึดพอเพียง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 พ.ย.2557 พระครูปริยัติกิตติธำรง ผศ.คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์ กิตติปญโญ ผอ.หลักสูตรพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต  สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม ผอ.หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา น.ท.หญิง ศรีพนา ศรีเชื้อ พร้อมพระนิสิตปริญญาเอกและนักศึกษาปริษาเอกจำนวน 88 รูป/คน ร่วมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิถีชาวบ้าน ลงดำนาปลูกข้าว ที่แปลงนา หมู่ 3 ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ทั้งนี้ มจร เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายที่จะก่อให้เกิดประโยชน์เพื่อการพัฒนาในสาขาอาชีพ การศึกษา ความปรองดอง และความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้นักนิสิตสามารถน้อมนำแนวทางการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยวิถีชาวบ้านและเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยในฐานะที่อยู่ในสถาบันเดียวกัน


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882924.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882925.jpeg)

ด้าน ผศ.ดร.สุรพล กล่าวว่า เพื่อเป็นการจัดการความรู้เกี่ยวกับการทำนาทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การผลิตเบื้องต้น ปลูกข้าวไปจนถึงขบวนการการเก็บเกี่ยวข้าว เนื่องจาก มจร เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีคำสอนพระพุทธศาสนา จึงผนวกกับการหาองค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนามีมุมมองต่อการทำนาของเกษตรกรชาวนาอย่างไร

แต่หลักสำคัญก็คือ ตามแผนพัฒนาเศษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องโครงการเศษฐกิจพอเพียงตามแนวราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญยิ่ง วิถีชีวิตของชาวนาเป็นวิถีชีวิตแบบเศษฐกิจพอเพียง เป็นการน้อมนำพระราชดำริไปปฏิบัติ ปีนี้มหาวิทยาลัยของเรานั้นโชคดี คือมีนิสิตชาวนามาเรียนปริญาเอก เพราะฉะนั้นองค์ความรู้ของชาวนาเขามีเต็มที่


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882926.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882927.jpeg)

     "สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ เป็นสาขาวิชาที่เป็นสหวิทยาการ คือเรียนความรู้หลากหลาย จากหลายองค์ความรู้ การเรียนความรู้ในปัจจุบันหากเรายึดติดกับเพียงแค่ในตำราที่เราเรียนอย่างเดียว โดยที่ไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงจากพื้นที่หรือจากแหล่งความรู้จริงๆ ก็จะมีความรู้ที่น้อย ดังนั้นการให้นิสิตไปลงพื้นที่โดยตรง เขาจะได้ซาบซึ้งว่าการบวนการเริ่มการผลิตข้าว การทำนา การเก็บเกี่ยว ซึ่งกระบวนการทุกอย่างที่ได้รับรู้จากชาวนาโดยตรง ตนเองคิดว่านี้จะเป็นองค์ความรู้จริงๆที่นิสิตจะได้รับจากการได้ลงมือปฏิบัติเอง

     รวมถึงรับรู้สาเหตุที่ทำไมชาวนาถึงเป็นหนี้ ทำไมชาวนาปลูกข้าวแล้วได้ผลผลิตน้อย จำนำราคาข้าวดีหรือประกันราคาข้าวดี เราเข้าไปถามจากชาวนาเลย ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ที่นิสิตปริญญาเอกบางส่วนเป็นข้าราชการ เป็นพระที่อ่านแต่ตำรามาเยอะ แต่ไม่เคยปฏิบัติจริง เมื่อได้ลงไปสัมผัสจริงก็จะทราบถึงปัญหา เพื่อที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้ ไปเผยแพร่ต่อจะเกิดประโชยน์อย่างแท้จริง" ผศ.ดร.สุรพล กล่าว


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882928.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882929.jpeg)

พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์  กล่าวว่า ซึ่งมหาวิทยาลยสงฆ์เป็นมหาลัยทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพราะมหาวิทยาลัยสงฆ์มีการบูรณาการกับศาสน์สมัยใหม่ โดยสาขาสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คือศึกษาทั้งการบริหารและการพัฒนา รวมถึงเศษฐกิจพอเพียงตามแวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน้นการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ที่ผ่านมามีชาวต่างชาวเข้ามาศึกษาสังคมไทย

โดยเขากล่าวว่า สังคมไทยเราทันสมัยแต่ไม่พัฒนา หมายถึงเรามีความเจริญในเรื่องของวัตถุมากมาย เพียงแต่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสังคมไทยจริง นั้นก็คือ สังคมเกษตรกรรม อย่างนิสิตสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ในปีนี้มีตัวแทน คือชาวนาได้เข้ามาศึกษาร่วมกับพระสงฆ์ และข้าราชการ หลากหลายหน่วยงาน ซึ่งเราจะได้เรียนพื้นฐานการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน การทำนาสามารถส่งผลต่อการพัฒนาประเทศได้อย่างไร หากเราสามารถพัฒนาประเทศให้อยู่บนพื้นฐานที่แท้จริง ซึ่งเป็นการยืนอยู่บนขาของตนเอง


(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882930.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882931.jpeg)

   "หลายฝ่ายที่ร่วมกันในครั้งนี้ อยากจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้เรียนรู้จากการฝึกหัดขัดเกลาจริงๆ ด้านหลักพระพุทธศาสนา มี ปฏิยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท โดยปฏิยัติคือเรียนในชั้นเรียน ปฏิบัติคือการลงมือทำจริง และปฏิเวทคือการได้รู้ผลจากการลงมือปฏิบัติ ง่ายๆคือการเรียนรู้ปฏิบัติและสัมผัสผล ทำให้นิสิตซาบซึ้งว่า ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างที่เราได้กิน มาจากความทุกข์ยากลำบากขนาดไหน และจะนำไปสู่การเห็นอกเห็นใจและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมไทยต่อไป" พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์ระบุ

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882932.jpeg)

(http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/882933.jpeg)

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.komchadluek.net/detail/20141114/195914.html (http://www.komchadluek.net/detail/20141114/195914.html)
ขอบคุณภาพจาก www.dailynews.co.th/Content/Article/280844/ดำนา (http://www.dailynews.co.th/Content/Article/280844/ดำนา) (ภาพโดย แสงกฤช จิตสว่าง)