สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 20, 2014, 10:03:25 am



หัวข้อ: ๑๐๘ หมอดู ดูถูกแค่คนเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 20, 2014, 10:03:25 am

(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xfa1/v/t1.0-9/205384_338117279603066_1933047945_n.jpg?oh=9238beb6c63db025e7a3f2dbdefc08a2&oe=5510716C)

๑๐๘ หมอดู ดูถูกแค่คนเดียว

    นับแต่พระกุมารประสูติ พระเจ้าสุทโธทนราช โปรดให้ทำพระราชพิธีโสรสสรงองค์พระกุมารในสระโบกขรณี โปรดให้ตกแต่งพระราชนิเวศน์ประพรมด้วยจตุรสุคนชาติ และได้โปรยปรายซึ่งบุปผชาติ มีข้าวตอกเป็นคำรบ 5 ตกแต่งข้าวปายาสอันประณีต

    ประชุมกษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี และเสนามุขอำมาตย์ทั้งปวงพร้อมกัน รับสั่งให้เชิญพระราชโอรส อันประดับด้วยราชประสาธนาภรณ์อันวิจิตรมาสู่มหามนฑลสันนิบาต แล้วเชิญพราหมณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญในไตรเพท 108 คน ให้เลือกสรรเอาพราหมณ์ 8 คน ผู้ทรงคุณวิทยาประเสริฐกว่าพราหมณ์ทั้งหมดนั้น ให้นั่งเหนืออาสน์อันสูงแล้วให้เชิญพระราชโอรสไปยังที่ประชุมพราหมณ์ทั้ง 8 คนนั้น เพื่อพิจารณาพระลักษณะพยากรณ์

     :25: :25: :25: :25: :25:

    พราหมณ์ 8 คนนั้นมีนามว่า รามพราหมณ์ 1 ลักษณะพราหมณ์ 1 ยัญญพราหมณ์ 1 ธุชพราหมณ์ 1 โภชพราหมณ์ 1 สุทัตตพราหมณ์ 1 สุยมพราหมณ์ 1 โกณทัญญะพราหมณ์ 1 ใน 7 คนข้างต้น เว้นโกณทัญญะพราหมณ์เสีย เห็นพระลักษณะพระกุมารบริบูรณ์ จึงยกนิ้วขึ้น 2 นิ้ว ทูลเป็นสัญลักษณ์ทำนายมีคติ 2 ประการว่า พระราชกุมารผิว่าสถิตอยู่ในฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ผิว่าออกบรรพชาจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    แต่โกณทัญญะพราหมณ์ผู้เดียวที่มีอายุน้อยและหนุ่มกว่าพราหมณ์ทั้ง 7 นั้น ได้พิจารณาเห็นแท้แน่แก่ใจว่า พระราชกุมารจะต้องได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน จึงได้ยกนิ้วมือนิ้วเดียวเป็นสัญลักษณ์พยากรณ์ เป็นคติเดียวว่า

    พระราชกุมารบริบูรณ์ด้วยมหาบุรุษพุทธลักษณะโดยส่วนเดียว และจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแท้
    ถ้าจะพูดไป การให้หมอดูหรือการดูหมอนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลโน้นมาแล้ว จะพูดว่าหมอดูไม่แม่นก็ไม่ได้ ยังกรณีนี้ก็ดูถูกแม่นทีเดียวที่ท่านโกณทัญญะดูว่าพระสิทธัตถะต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต หรือจะพูดว่าหมอดูแม่นมากทีเดียวก็ไม่ได้อีก เพราะหมอดูตั้ง 108 คน ดูถูกเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ ท่านโกณทัญญะ!


(https://scontent-b-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-prn2/v/t1.0-9/601456_359767250771402_658651419_n.jpg?oh=0a743ce7b13f6f3b2e5b474550b48f3d&oe=54D5BEAB)

    การดูหมอมีทั้งเสียเงินค่าดู และไม่เสียเงิน ถึงเสียก็ไม่มากมาย ไม่ถึงกับล่มจมอะไร ฉะนั้นพอพูดถึงดูหมอก็มีคนอยากดูกันเพราะอยากรู้อนาคตของตนเองว่าเป็นอย่างไร
    หมอดู ถึงแม้ว่าจะพูดถูกบ้างไม่ถูกบ้าง คนก็ยังอยากดู เพราะหมอส่วนใหญ่มักจะพูดจาดี มีจิตวิทยาในการพูดให้สบายใจ ใครๆ ก็ชอบหมอดู
    มีพระรูปหนึ่ง ชอบพอกันท่านอยู่วัดมหาธาตุ หลังจากที่ไปอยู่อินเดียมาระยะหนึ่ง กลับมาเมืองไทยท่านไปหัดเรียนวิชาหมอดูจนมีคนยอมรับมากมาย ดูไปดูมาไปดูเอาหญิงม่ายมีสมบัติหลายร้อยล้าน เลยสึก! ยังนึกไม่ออก ท่านสบายขึ้นหรือทุกข์ขึ้น ที่กลายเป็นคหบดีมีฟาร์มกุ้งไป

     st12 st12 st12 st12 st12

    วันหนึ่งเพื่อนบ้านติดกันมาคุยว่า หมอดูที่กรุงเทพฯ อยู่แถว 35 โบว์ล (ตอนนั้น) ดูดี ค่าดูครั้งละ 800 บาท วันหนึ่งหมอจะดูให้คนที่มาหาเพียง 4 คนเท่านั้น เช้า 2 คน ตอนเที่ยงแล้ว 2 คน รวมแล้ววันหนึ่งดูหมอให้เพียง 4 คน ดูเสร็จไปตีเทนนิส รู้สึกรายได้ดี
    ผมพาลูกสาวคนเล็กไปด้วย ดูแล้วก็แค่นั้นแหละ หมดไป 800 บาท ยังนึกอยากให้ดูลูกสาวจะให้สักครึ่งหนึ่งได้ไหม ก็บังเอิญท่านดูให้ฟรี เพราะเห็นว่าพ่อมากับลูกสาว เขาไม่ค่อยจะเห็นภาพเช่นนี้

    เรื่องหมอดูต้องเสียค่าดูแพงก็ที่นี่แหละ ดูเสียเงินที่อื่นก็ไม่เคยเห็นเพื่อนบ้านคะยั้นคะยอว่าแม่น ก็จึงไป
    ข้างบ้านผมปัจจุบันนี้อยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตรกว่าๆ จะได้ มีหมอสตรีท่านหนึ่ง ชื่อ คุณอำพันศรี เพียรพิจารณ์ อายุ 83 ปี เดิมอยู่ที่โพธารามบ้านก็อยู่ใกล้กัน เมื่อมาอยู่ราชบุรีก็มาใกล้กันอีก
    คุณอำพันศรี เป็นหมอดูลายมือ คิดค่าดู 200 บาท ถ้าดูฝ่าเท้าจะคิด 500 บาท รวมเป็น 700 บาท มีทั้งหญิงชายมาดูไม่เว้นแต่ละวัน เขาอยู่คนเดียว ส่วนสามีแยกกันอยู่อีกบ้านหนึ่งกับลูกๆ
    ผมดูลายมือกับเขาไม่เอาสตางค์ จะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ผมเองเฉยๆ เรื่องหมอดู เพราะคิดว่าเราทำดี ปฏิบัติดี ชีวิตก็เป็นไปตามกรรมที่กระทำ ไม่มีอะไรยุติธรรมเท่ากรรม
    คุณอำพันศรีบุคลิกดี พูดจาสุภาพเรียบร้อย ใจเอื้อเฟื้อต่อแขกที่มาดู หมอทุกคนดูไปดูมาก็เป็นมิตรกัน กินข้าวด้วยกัน รักกันเหมือนญาติพี่น้อง ดังนั้นบ้านคุณหมอจึงมีคนไปๆ มาๆ ไม่ขาด!


(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/v/t1.0-9/562043_359767237438070_1358123379_n.jpg?oh=207a022d3ca7a744e10bb0876d0e3d25&oe=54E26534&__gda__=1423706551_3b8099c6d8af8ab48e5138ef81eda5af)

    ฉะนั้น หมอที่นี่ความเป็นอยู่จึงดีมีความสุข เงินค่าดู 200 บาท จึงไม่มากอะไรกับแขกที่ทุกข์มา และก็สบายใจกันกลับไปทุกคน
    ผมไม่ได้มาหาหมอนาน ที่มาก็ต้องการจะถ่ายภาพคนมีอาชีพหมอดู ลงภาพประกอบเรื่อง คุณหมอสุขภาพดีและดูสมบูรณ์ มีสุข
    พูดถึงหมอดู ผมมีเพื่อนรุ่นเดียวกันคนหนึ่ง บ้านเขามีฐานะและเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี เจอผู้ใหญ่จะอ่อนน้อม เขาจึงเข้าคนได้แทบทุกบ้าน เขาชอบศึกษาเรื่องหมอดู!

    การดูหมอเขาไม่ได้เอาสตางค์ใคร อยากศึกษาเรื่องหมอดูว่าจะจริงเท็จแค่ไหน? เจอใครก็จะขอจับดูฝ่ามือ เป็นคนสนใจมาก ด้วยความอยากเรียนรู้ รถยนต์ชนคนตาย 5 คน 10 คน นอนตายอยู่โรงพยาบาล เขาจะขอผู้อำนวยการ ขอดูลายมือศพ! เป็นประจำ
    ตอนอายุผมได้ 34-35 ปี เป็นศึกษานิเทศก์จังหวัดราชบุรี เขามาเจอผมก็คุยกัน เขาจับมือดูเส้นลายมือทันที
    "เฮ้ย วิทย์ นายเป็นคนดังนี่" เขาพูด
    "ดังแค่ไหน ?" ผมถามกลับ
    "คนรู้จักนายทั้งประเทศ พอใจไหม?" เขาบอก
    แล้วก็ชี้เส้นลายมือให้ผมดูว่าเส้นไหน ผมนึกว่าที่ว่าดังถ้าจะมีส่วนเพราะผมเขียนหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ตั้งแต่อายุ 30 ปีแล้ว พอมาอยู่จังหวัดก็เขียนหนังสือวิทยาสาร สมัย อ.เปลื่อง ณ นคร เป็นบรรณาธิการ
    เขาคือ คุณวินัย สถาพร ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว คุณวินัยเคยดูลายมือคุณอารีย์ นักดนตรี ผู้อ่านข่าว TV จะต้องได้รับรางวัลก็ได้จริง! ส่วนเส้นดังสำหรับผมคงเป็นกรรมเก่าที่ผมสร้างไว้ ผมไม่ได้สนใจอะไรกับการดูหมอเท่าไรนัก สู้สร้างกรรมดีไม่ได้ กรรมนั่นแหละแม่นที่สุด

     :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

    ไหนๆ ก็พูดเรื่องหมอดูแล้ว ผมก็จะให้ตำราหมอดูไว้ดูเล่น ตำรับหนึ่งง่ายมาก เมื่อได้แล้วจะดูใครก็ได้ แม่นหรือไม่แม่นก็พิจารณาเอง ตำรานี้ผมจำมา
    หงายฝ่ามือซ้ายขึ้นมา ใช้ 4 นิ้วเท่านั้น นิ้วหัวแม่มือคือ ราชา นิ้วชี้เศรษฐี นิ้วกลางปัญญา นิ้วนางขี้ข้า มี 4 คำ คือ ราชา เศรษฐี ปัญญา ขี้ข้า
    วิธีนับ ใครที่เกิดวันอาทิตย์ ตกราชา จันทร์เศรษฐี อังคารปัญญา พุธขี้ข้า (บริการ) นับหมุนเวียน พฤหัสบดีตกราชา ศุกร์ตกเศรษฐี เสาร์ตกปัญญา
    เดือนก็นับขึ้นต้นที่นิ้วหัวแม่มือ เดือนห้าตกราชา เดือนหกเศรษฐี นับเรื่อยไป
    ปีก็ชวดตกราชา ฉลูเศรษฐี ขาลปัญญา เถาะตกขี้ข้า นับหมุนไป

    ตัวอย่าง น้องสาวผมลูกผู้น้อง เขานั่งขายมะยมดอง ฝรั่ง มะม่วง ฯลฯ แต่เมื่อนับวันเดือนปีแล้วตกเศรษฐี ทั้งหมดคือ วันศุกร์ ปีระกา เดือน 6 ต่อมาเขาแต่งงานกับเพื่อนผม มีรถยนต์บรรทุก 6 คัน
    บางคนนับแล้วตกขี้ข้า เช่น คนเกิดวันพุธ อย่าไปว่าเขาขี้ข้าตรงๆ จะไม่สบายใจ ควรพูดว่าชอบบริการคนอื่น หรือช่วยเหลือผู้อื่น
    อย่างพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายท่าน วันเดือนปีมักตกขี้ข้าเพราะช่วยผู้อื่น
    อย่างไรก็ตาม ชีวิตควรประพฤติธรรมนั่นแหละประเสริฐที่สุด เพราะกรรมดีให้ผลแน่นอน คือ บุญ.

                    ประวิทย์ จำปาทอง


บทความจาก http://www.thaipost.net/tabloid/091114/98710 (http://www.thaipost.net/tabloid/091114/98710)