สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: sanwhan ที่ ธันวาคม 17, 2009, 04:42:55 pm



หัวข้อ: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: sanwhan ที่ ธันวาคม 17, 2009, 04:42:55 pm
สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี บรรลุเป็นพระอรหันต์ หรือป่าวคะ
แบบว่า ไปเจอลุงคนหนึ่งบอกว่า สมเด็จประทับทรง เชื่อดีหรือป่าวคะ
เพื่อนดิฉัน เชื่อกันมากๆ ลุงคนนี้ออกรายการทีวีด้วยคะ


หัวข้อ: Re: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: sanwhan ที่ ธันวาคม 17, 2009, 04:44:10 pm
รายการ เรื่อจริงจากชีวิตจริง 84000 ออกอากาศ ช่่อง5


หัวข้อ: Re: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: whanjai ที่ ธันวาคม 18, 2009, 03:09:42 pm
(http://www.dhammajak.net/board/files/_paragraph_4_106.jpg)

ให้เข้ากับบรรยากาศเรื่องคะ


หัวข้อ: แด่ผู้ที่ศรัทธาใน สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 18, 2009, 04:15:44 pm
คุณแสนหวานกับคุณหวานใจ ไม่รู้เป็นคู่แฝดกันรึเปล่า

ผมขอ อนุโมทนา กับศรัทธาในสมเด็จโต ของคุณทั้งสอง

ผมได้หาบทความที่เกี่ยวเนื่่องกับคำถามมาให้พิจารณากัน

สงสัยอะไร ไม่เข้าใจตรงไหน ผมยินดีให้คำตอบทุกเมื่อ

เชิญอ่านได้เลยครับ


ชื่อกระทู้   หลวงปู่โตปรารถนาพุทธภูมิ หรือเข้านิพพาน แล้ว

ตั้งกระทู้โดยคุณ เงินไหลมา

ผมได้ยินอาจารย์ท่านนึงที่ฝึกมโนยิทธิ กำลังใจท่านดี จิตแจ่มใส ท่านบอกทีแรกได้ยินประวัติหลวงปู่โตที่เล่าๆกันมาบอกว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิ ท่านก็สงสัย ก็เลยขึ้นไปถามพระครับ(พระในที่นี้คือพระพุทธเจ้า) ท่านก็พาไปพบที่วิมานที่แดนนิพพาน ตอนนี้ท่านลาพุทธภูมิแล้วครับ เข้านิพพานไปแล้ว ถ้าใครอยากพบพี่เขาบอกมาต้องหมั่นฝึกจิตบ่อยๆ ตามแนวมโนยิทธิหรือธรรมกาย ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพาไปไปพบในสิ่งที่สงสัย บารมีเต็มเมื่อไหร่เดี๋ยวท่านจะสงเคราะห์เองครับ ถึงแม้ท่านจะเข้านิพพานแล้วแต่ญาณจิตยังอยู่ บารมีหลวงปู่ยังคอยช่วยลูกศิษย์คนที่นับถือศรัทธาท่านอยู่เหมือนเดิมหรือทุก ท่านคิดเห็นประการใดครับ


ความเห็นที่ ๑ โดยคุณ อ็อดจ.ส.
เมื่อ ประมาณ20กว่าปีมาแล้ว หลวงปู่โตเคยเข้าฝัน(มาโปรด) ผมยังถือว่าท่านยังอยู่ดูแลทุกๆๆคนที่ปฏิบัติธรรมและเป็นคนดีเสมอครับ ขอเพียงระลึกถึงท่าน


ความเห็นที่ ๒ โดยคุณ  somdeth

หลวงพ่อโต อยู่ชั้นดุสิตครับ เหมือนกับ พระเจ้าตากสิน และพระนเรศวร ครับ
ยังไม่นิพพานครับ

ความเห็นที่ ๓ โดยคุณ  cap5123
พระโพธิสัตย์

ความเห็นที่ ๔ โดยคุณ  stangdaeng
หลวงปู่ฤาษีฯ ท่านเทศน์บอกไว้ในประวัติสมเด็จโตว่า "หลวงพ่อโตท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ" ครับ หาฟังได้ครับ

ความเห็นที่ ๕ โดยคุณ  b_bom1104
พระเจ้าตากสินท่านนิพานแล้วครับส่วนพระนเรศวรท่านลงมาเกิดแล้วครับ

ความเห็นที่ ๖ โดยคุณ  aodbu
หลวง พ่อโตท่านยังห่วงลูกหลานเชื้อพระวงศ์และประเทศชาติ ท่านจึงไม่ได้บำเพ็ญสายอรหันต์ครับ ธรรมะที่คุณอ่านในเวปนี้เกือบ 100 เปอร์เซนต์ก็มาจากตอนที่ท่านมาเทศน์ที่สำนักปู่สวรรค์ครับ สนใจดูตามลิงค์นี้ครับ
http://www.poosawan.org (http://www.poosawan.org)


ความเห็นที่ ๖ โดยคุณ  เงินไหลมา
หลวง พ่อฤาษีลิงดำท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค หลวงปู่บุดดา ถาวโร และอรหันต์อีกหลายองค์ ต่างยกย่องว่าท่านเป็นเลิศยิ่งนักคิดอยากจะรู้อะไรก็รู้หมด ดังนั้นสิ่งไหนที่หลวงพ่อเคยบอกไว้ย่อมเป็นจริงทุกประการ พิสูจน์ได้ด้วยเหตุและผล หากท่านใดที่ยังไม่เชื่อ ก็ต้องลองปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จก่อนจึงค่อยมาพิสูจน์กันการ ที่จะพบพระอริยะเจ้าที่ทรงคุณวิเศษญาณระดับสูงนั้นเป็นเรื่องยาก ทางเดียวที่จะพบได้คือ ต้องหมั่นบริกรรมจิตฝึกกรรมฐานให้เชี่ยวชาญ ให้จิตแจ่มใส ถ้าถามพระ คุยกับพระได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นแหละเราจะเกิดปัญญาตาสว่าง คิดจะรู้อะไรหรือสงสัยอะไร ก็ขึ้นไปถามพระที่แดนนิพพานได้ครับ เหมือนที่หลวงพ่อเคยบอกไว้

ความเห็นที่ ๖ โดยคุณ  ฅนเมืองพริบพรี
มาช่วยยืนยัน นอนยัน อีกอีกว่า
หลวงปู่โต ท่านเข้านิพพานแล้ว ท่านจบกิจเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ

(หลวงพ่อฤาษี ท่านกล่าวไว้ ผมได้ฟังต่อมาจากคุณลุงหมอ สมศักดิ์ สืบสงวนครับ
ด้วยความเคารพ กราบหลวงปู่โต และหลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ ด้วยเศียรเกล้า
ขอตามไปอยู่กับท่านในชาตินี้ด้วยเทอญ สาธุ

ที่มา    http://board.palungjit.com (http://board.palungjit.com)



ชื่อเรื่อง   สมเด็จโตว่า "จำเอาไว้นะ ถ้าไปพบที่ไหนเข้า นั่นแหละพระโพธิ์สัตว์มาบำเพ็ญบารมีละ"

โพสต์โดยคุณ พระที่12

เรื่องเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ

ในคราวหนึ่งมีลูกศิษย์เก่าสองคน ได้ปรึกษากันเพื่อจะไปขอหวยต่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯ คนหนึ่งเข้าไปนวดเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บนหอสวดมนต์ อีกคนหนึ่งแอบฟังอยู่ใต้ถุนคนที่นวดก็พยายามขอหวยต่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯๆ ทำนองนิ่งเสียโดยไม่ยอมพูดว่ากระไรเลย เพราะท่านทราบ ด้วยญาณว่า มีอีกคนหนึ่งแอบอยู่ใต้ถุน เกรงว่าถ้ากล่าวถ้อยคำอันใดออกไปเจ้าคนที่อยู่ใต้ถุนจะเอาไปแทงหวย ครั้นพอคะเนว่าถึงบอกให้ ก็จะไปแทงไม่ทัน ท่านจึงกล่าวขึ้นเปรยๆ ว่า "บอกให้ก็ได้ แต่กลัวหวยจะรอดช่อง" หมายความว่ากลัวเจ้าคนที่อยู่ใต้ถุงจะได้ยินเข้า พอคนที่อยู่ใต้ถุนได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกจากวัดระฆังฯ ไปโดยเร็วตั้งใจจะไปแทงตัว ร. และ ช. แต่ไปไม่ทัน หวยออกเสียก่อนแล้วคือ ร. และตัว ช. นั่นเอง

ในสมัยนั้น มีหมอนวดอยู่คนหนึ่ง ชื่ออะไรจำไม่ได้เสียแล้ว เป็นหมอนวดประจำองค์เจ้าพระคุณสมเด็จฯ แกชำนาญในเรื่องการนวดมาก และเคยนวดเจ้านายและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาเป็นอันมาก แต่การนวดใครก็ตามไม่เคยประหลาดใจเหมือนนวดเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทั้งนี้ เพราะทุกครั้งที่แกนวดแขนท่าน แกรู้สึกว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ มีกระดูกแขนท่อนล่างเป็นแท่งเดียว แทนที่จะมีกระดูกคู่เหมือนสามัญชนทั่วไป ใน วันหนึ่งขณะที่แกกำลังนวดเจ้าพระคุณสมเด็จฯ อยู่ ตั้งใจจะกราบเรียนถามถึงเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม แกจึงนวดแรงๆ อยู่เฉพาะตรง ที่แขนท่องล่างของท่านอยู่เป็นเวลานาน เจ้า พระคุณสมเด็จฯก็ล่วงรู้ความในใจของตาหมอนวดได้ จึงกล่าวเปรยๆ ถามขึ้นว่า "นวดมากี่ปีแล้ว" ตาหมอนวดกราบเรียนว่า "นวดมา ๑๐ กว่าปีแล้ว" เจ้าพระคุณสมเด็จฯถามต่อไปว่า " เคยเห็นคนมีกระดูกแขนชิ้นเดียวไหม?" ตาหมอนวด กราบเรียนว่า "ตั้งแต่นวดมายังไม่เคยเห็นเลยนอกจาก..." แกจะพูดต่อไปว่านอกจากเจ้าพระคุณสมเด็จฯ แต่เจ้าพระคุณสมเด็จฯชิงพูด เสียก่อนว่า "จำเอาไว้นะ ถ้าไปพบที่ไหนเข้า นั่นแหละพระโพธิ์สัตว์มาบำเพ็ญบารมีละ"

ผู้ เขียนขอเรียนด้วยใจจริงว่า มีความเชื่ออย่างแน่นแฟ้นว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯเป็นพระโพธิ์สัตว์ปางหนึ่ง มาบังเกิดในโลกเพื่อสร้างสมพระบารมี และการที่เชื่อถือทั้งนี้มิได้เกิดจากอุปทาน เกิดจากการศึกษาพิจารณาชีวประวัติของท่านอย่างละเอียด และยังไม่เคยมีความศรัทธาในพระสงฆ์รูปใดเท่า ชาติกำเนิดก็ดี และอัจฉริยภาพทุกประการก็ดี ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯองค์นี้ ซาบซึ้งใจผู้เขียนยิ่งนัก ไม่อาจจะหาพระเกจิอาจารย์ องค์ใดมาเทียบเคียงได้เลย

ในคราวหนึ่ง เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ถูกนิมนต์ให้เข้าไปสวดมนต์ในพระบรมมหาราชวังพระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกำชับกับมหาดเล็ก ผู้ไปนิมนต์ว่า ให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ครองไตรแพรมาให้ได้ (ไตรแพรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระราชทานถวาย เป็นรางวัลในคราวที่เทศน์ว่า - ธรรมะใดมหาบพิตรก็ทรงทราบดีแล้ว-) เพื่อมิให้ด้อยกว่าพระสมณศักดิ์อีกหลายรูป ที่ได้รับการนิมนต์คราวเดียวกันนั้น เพราะพระองค์เห็นว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯครองจีวรรุ่มร่ามและเก่าคร่ำคร่าอยู่ เสมอ (ทรงพระราชดำรัสบ่อยๆว่า "ขรัวโตนี่ยิ่งแก่เข้ายิ่งรุ่มร่ามคร่ำคร่า" ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทราบเข้าก็พูดเปรยๆ เสมอว่า "โตดีกลับหาว่าว่าโตบ้า ที่โตบ้ากลับหาว่าโตดี"

หมายความว่า แต่ก่อนเมื่อท่านยังไม่สำเร็จมรรคผลนั้นจึงย่อมมีความหลงผิด ยังยินดีในลาภสักการ ครองผ้าก็รัดกุมสีสดใส ใครๆ ก็ชมว่า ท่านดี ที่แท้ท่านว่าตัวท่านยังบ้าอยู่ แต่พอท่านสำเร็จมรรคผลเป็นบางอย่างจึงละสิ่งเหล่านี้จดหมด กลับมีคนเข้าใจว่าท่านบ้า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังทรงตรัสว่าท่านรุ่มร่าม) เมื่อใกล้จะถึงกำหนดเวลาสวดมนต์ ยังไม่เห็นเจ้าพระคุณสมเด็จฯมา มหาดเล็ก จึงเร่งนิมนต์อีก ครั้นเมื่อไปถึงวัดระฆังฯเห็นเจ้าคุณพระนั่งอยู่บนกุฎิ ตรงหน้ามีลูกสุนัขตัวหนึ่งนอนทับไตรแพอยู่ มหาดเล็กจึ่งเข้าไปนิมนต์ว่า
"เจ้า พระคุณต้องรีบหน่อยเพราะจวนเวลาเต็มที่แล้ว พระทุกรูปมาพร้อมกันหมดแล้ว ยังขาดแต่เจ้าพระคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จแล้ว พร้อมทั้งเจ้านายฝ่ายนอกฝ่ายในตลอดจนข้าราชการ" เจ้าพระคุณสมเด็จฯชี้ให้ดูลูกสุนัขที่กำลังนอนหลับไตรแพรนั้น มหาดเล็กจึงกราบเรียนให้ไล่ลูกสุนัขตัวนั้นไปเสีย เจ้าพระคุณสมเด็จฯกล่าวว่า "ไม่ได้ดอกจ้ะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเป็นพระโพธิสัตว์หรือเปล่า" (พระโพธิสัตว์เคยเสวยพระชาติเป็นสุนัขดังความปรากฎในเรื่องชาดก)

ใน หนังสือ "ประวัติขรัวโต" ของพระยาทิพโกษากล่าวว่า แม้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะเดินไปตามทางซึ่งมีสุนัขนอนขวางอยู่ก็จะกล่าวว่า "ฉันขอไปทีจ้ะ" แล้วก็ค่อยๆ หลีกไปเสียทางหนึ่ง ปรากฏว่าไม่เคยข้ามสุนัขเลย
จาก: www.lekpluto.org/monk/monk01.htm (http://www.lekpluto.org/monk/monk01.htm)
[/size]


หัวข้อ: Re: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ ธันวาคม 18, 2009, 06:35:46 pm
บทความของคุณ nathaponson   (http://index.php?action=profile;u=2)
ดีจริงๆครับ  อนุโมทนา


หัวข้อ: Re: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ ตุลาคม 19, 2010, 01:34:43 am
คุณ Sanwhan อีกคน ที่ทำงา่นอยู่ที่ เวิร์ดเทรด

 เงียบหายไปเลย กิจการปรับตัวหรือยัง คร้า....

พอได้มาอ่าน กระทู้ เก่า ๆ แล้ว ก็คิดถึงกัน นะ คร้า...

 :25: :25:


หัวข้อ: Re: สมเด็จปู่ พุฒาจารย์ โต พรหมรังษี
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ ตุลาคม 21, 2010, 01:29:42 am
 :25: