หัวข้อ: ปัจจัยแห่งบุญ ตอน. สมาธิภาวนา 1. เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 06, 2015, 11:09:00 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_06_01_15_11_11_41.jpeg) ปัจจัยแห่งบุญ ตอน. สมาธิภาวนา 1. หนึ่งในปัจจัยแห่งบุญที่จะกล่าวถึงคือ การปฏิบัติสมาธิภาวนา ซึ่งธรรมะอันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ซึ่งต้องมีผู้ที่มีองค์ความรู้อยู่ในธรรมชาติที่จะบรรยายธรรมนั้น พระนิพพานก็มีอยู่แล้วในธรรมชาติรอการค้นพบจากผู้ที่เป็นมนุษย์มาค้นพบ หรือองค์ความรู้สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว รอการถ่ายทอดไปยังมนุษย์ มนุษย์เมื่อตั้งใจแล้วมารวมกันทำสมาธิภาวนากล่าวอันเชิญองค์ผู้มีความรู้นั้นถ่ายทอดภูมิจิตภูมิธรรมผ่านลงมาให้เราได้รับรู้ ผู้ปฏิบัติได้รับรู้ธรรมะ ธรรมอันใดที่พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้ทรงรู้แล้วเห็นแล้ว รู้แจ้งแท้ตลอดแล้ว ขอธรรมอันนั้นได้ถูกถ่ายทอดผ่านออกมาให้ผู้ที่มาปฏิบัติสมาธิภาวนาได้รับรู้ในภูมิธรรมนั้น ดังคำที่ต้องกล่าวเสมอว่า “ธรรมสวนะ กาโล อะยัมภะทันตา, ธรรมสวนะ กาโล อะยัมภะทันตา, ธรรมสวนะ กาโล อะยัมภะทันตา” หมายถึง ขอธรรมอันเป็นธรรม อันรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ที่รู้แจ้งเห็นจริงโดยพระปัจเจกพระพุทธเจ้า และผู้ที่ตรัสรู้ธรรมเหล่านั้นแล้ว ขอธรรมทั้งหลายจงได้แสดงปรากฏข้าพเจ้าทั้งหลายให้ได้รับรู้ รับเห็น รับทราบ ธรรมเหล่านั้นจงปรากฏขึ้นแก่ดวงจิตของผู้ที่มาปฏิบัติสมาธิภาวนา อบรมจิตใจ :25: :25: :25: :25: :25: ธรรมะเป็นสิ่งที่อาศัยสมมติบัญญัติ เรานั้นก็อาศัยสมมติบัญญัติเพื่อความเข้าใจธรรม รู้ธรรม เห็นธรรม อาศัยสมมติบัญญัติอันเป็นภาษาสมมติมาวิเคราะห์วิจัยธรรมให้ดูให้ฟัง ที่สุดของธรรมะเรียกว่าปัญญาธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา รักษาศีลและกายสะอาดบริสุทธิ์ จิตสะอาดบริสุทธิ์ด้วยศีล จากนั้นใช้สมาธิ อบรมจิตให้เกิดปัญญา แม้ว่าพระนิพพานจะเป็นอาการของความว่าง ความตัดจากการปรุงแต่งทั้งหลายก็ตาม แต่จิตที่มีแต่ความว่างขาดปัญญาก็ไม่ถึงพระนิพพาน ภาวะจิตที่อบรมด้วยสมถะกรรมฐานจนจิตเข้าถึงภาวะของความว่างไร้ตัวตน ไร้ความคิด ไร้สิ่งต่างๆ ไม่มีอะไรเหลือ มีแต่เหลือดวงจิตเฉยๆ นั้นก็ยังไม่ใช่พระนิพพาน เพราะพระนิพพานต้องเกิดปัญญาไม่ใช่อาการว่างที่ขาดภูมิปัญญา st12 st12 st12 st12 st12 การอบรมจิตให้พรากจากความคิดด้วยสมถะกรรมฐานนั้น ผู้ปฏิบัติอาจจะอบรมแล้วพบความว่างได้ คือไม่เกิดปรากฏการณ์ความคิดขึ้นภายในจิต ร่างกายตัวตนไม่พบหายไปหมด ความคิดไม่มี เหลือแต่จิตดวงเดียวอันนั้น เป็นอาการว่างของจิต แต่ก็ยังไม่ใช่พระนิพพาน เพราะเป็นเพียงการอบรมจิตให้ออกจากความคิดให้ออกจากตัวตนเท่านั้น แต่ว่าไม่ใช่พระนิพพานที่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นมาตรฐานในการอบรมจิต ดังนั้น การอบรมสมาธิภาวนาจึงเป็นการอบรมจิตให้ไปในแนวทางที่ถูกต้อง ไปถึงความจริงที่สุด ไม่มีสิ่งมาคิดปรุงแต่งไป ธรรมะคิดปรุงแต่งแบบนั้นไม่ถึงธรรมขั้นสูง เพราะเป็นธรรมะที่จินตนาการแล้วมาตีเรื่องต่างๆ เช่น ตีความพระไตรปิฎก ต่างคนต่างพยายามจะแสดงว่าตัวเองมีภูมิปัญญา มีความรู้ในพระไตรปิฎกมากกว่าคนอื่น วิเคราะห์วิจัยพระไตรปิฎกได้เฉียบแหลมอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นความเป็นธรรมะในลักษณะที่ปฏิบัติไม่ได้อบรมจิตในลักษณะของสมถะกรรมฐาน ไม่เข้าใจจิตเดิมแท้ ไม่เข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าพยายามจะอบรมให้จิตไปรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะ. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/271214/100995 (http://www.thaipost.net/tabloid/271214/100995) หัวข้อ: Re: ปัจจัยแห่งบุญ ตอน. สมาธิภาวนา 1. เริ่มหัวข้อโดย: timeman ที่ มกราคม 06, 2015, 11:40:52 am st11 st12
ในรูปนี้ รู้สึกเหมือน จะเป็น คณะที่ติดตามพระอาจารย์ไปด้วยใช่หรือไม่ครับ :c017: หัวข้อ: Re: ปัจจัยแห่งบุญ ตอน. สมาธิภาวนา 1. เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 06, 2015, 12:32:04 pm (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_06_01_15_11_11_41.jpeg)
ans1 ใช่ ซ้าย คือ พระศรีคเณศร์ ปัญญาปโชโต วัดราชสิทธาราม คณะ 11 ขวา คือ พระนิพนธ์ ฉันทะธัมโม วัดบ้านอ้อย ทั้งสองรูปนี้ ในระหว่างที่เดินทางไปด้วยกัน นั้น ก็ได้ถูกรับการทดสอบ จากพระอาจารย์ โดยพระอาจารย์เลือกไว้จาก พระที่เป็นศิษย์ 85 รูป แล้วคัดที่ว่าจะสอบกรรมฐาน เหลือ เพียง 16 รูป ทานเป็น 2 ใน 16 ที่ คัดไว้ว่า ถ้าสอบผ่านจะถ่ายทอดกรรมฐาน สำคัญให้ ;) |