หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : โลกุตรธรรม..จิตที่มีบุญ ปราศจากการปรุงแต่ง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 21, 2015, 11:15:11 am (https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/10945599_1529171540694470_8062064157516375208_n.jpg?oh=8f00d68f58649d330cb4cb9caef45572&oe=5566DAD6) สมาธิชาวบ้าน : โลกุตรธรรม..จิตที่มีบุญ ปราศจากการปรุงแต่ง ธรรมขั้นโลกุตรธรรมเป็นการปฏิบัติสมาธิถึงขั้นที่ไม่มีภาษาอันเป็นสมมติบัญญัติโลกเป็นถ้อยคำต่างๆ แต่จิตรู้ด้วยอาการ ซึ่งไม่ต้องมีเป็นภาษาพูดอธิบาย แต่จิตรู้ด้วยอาการของจิต หากฝึกมาดีแล้ว เมื่อพ้นโลกไป จิตจะยังตั้งมั่นอยู่ ยังรู้อยู่ ถึงแม้ไม่มีภาษาพูด เรียกว่าโลกุตรภูมิ จิตของผู้นั้นจะรู้ว่าเคยถูกครอบงำด้วยความคิดของเรา เกิดเป็นตัวเป็นตน ก็เพราะความคิดนี้ไปปรุงไปแต่งให้เราเกิดเป็นตัวเป็นตน สิ่งต่างๆ นี้อยู่ภายใต้อำนาจของความคิดกับการปรุงแต่งของจิตทั้งสิ้น พอจิตรู้อาการอย่างนี้แล้วจะออกจากมิติความคิดความฝันได้อย่างไรนั้น ก็ด้วยปัญญาพระนิพพานนี้แหละ จิตที่เห็นอย่างนี้แล้ว จะดูแต่สิ่งที่เกิดในความฝันนี้ ดูแล้วรู้ว่าจิตอ่อนไหวเข้าไปยึด ไปปรุงเมื่อไหร่ มันก็ไปเกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น เมื่อฝึกจิตมันเกิดปัญญาขึ้นมันก็ปรุงน้อยลง ยึดน้อยลง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ปรุง ไม่แต่ง ทำบ่อยๆ บ่อยๆ เหมือนทำแบบฝึกหัดเยอะขึ้นๆ จะสามารถปล่อยความยึดมั่นถือมั่นลงไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าแบบฝึกหัดจะซับซ้อนแบบไหน มีการปรุงแต่งแรงขนาดไหน จิตที่ถึงพระนิพพานแล้วจะสามารถถอนความยึดมั่นถือมั่นได้ทุกครั้งๆ ไป :25: :25: :25: :25: :25: จิตที่ฝึกมาดีแล้ว พอมาอยู่ในโลกปกติ ต้องเผชิญหน้ากับกิเลสตัณหาอุปาทาน ความอยากมี อยากได้ อยากเป็น ทุกอย่างบนโลก เมื่อเราฝึกจิตพิจารณาเห็นความจริง ไม่หลงเข้าไปยึดติด เพราะจิตที่รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ฝึกอบรมจิตสม่ำเสมอ ไม่ให้หลงโลกเข้าไปคิดว่านี้เป็นของเราจริง คิดว่านั้นจริง ถ้าเราฝึกจิตอบรมอยู่เสมอๆ นี้ จิตรู้เท่าทันว่าสิ่งปรุงแต่งเหล่านั้นเป็นมายาความฝัน ถ้าหลงไปยึดมั่นถือมั่นเมื่อไหร่ อัตตาก็เกิด ทำให้สร้างภพสร้างชาติตามอำนาจความคิดมัน แต่ถ้าอบรมจิตเป็นประจำ จิตที่ถูกอบรมแล้วย่อมไม่หลง อำนาจโลก ก็ดึงไปซ้ายไปขวาไม่ได้ กระทั่งอย่างหยาบอย่างละเอียดก็ดึงมันไปไม่ได้ อำนาจโลกที่ดูให้ใจมันพองโต มันคิดว่าเป็นสุขต่างๆ เหล่านี้มันก็ยับยั้งไว้ในเขตจำกัด ไม่ลุกลามไปให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นถึงอัตตาหรือความเป็นตัวตน ให้เป็นเพียงความพอใจ เช่น กายได้ความเย็นก็พอใจแค่ตรงนั้นไม่ลุกลามไปถึงเป็นเจ้าของกาย จิตที่พิจารณาอยู่ตลอดเช่นนี้ จะไม่พาไปสู่ความทุกข์ เหมือนกับเรารู้ความจริงแล้วพอเรากลับเข้าไปในมิติของความฝันนี้ ความจริงส่วนหนึ่งที่จิตรู้แล้วยังคงตั้งมั่นอยู่ พิจารณาสิ่งต่างๆ ในความฝันนั้นยังเท่าทันอยู่ ถึงแม้ว่าฝันนั้นจะเป็นช่วงที่มีความสุข ความสบาย ความร่ำรวย จิตนั้นมันก็เตือนอยู่ว่าตอนนี้มันเป็นช่วงฝันดีอยู่ ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น ไม่เข้าไปยึดไปครอง เพียงดูอยู่ห่างๆ เฉยๆ อาจจะสนุกไปกับความฝันบ้าง แต่ไม่ลืมธาตุแท้ของจิต รู้แล้วเห็นแล้วก็เพียงพอแค่นั้น st12 st12 st12 st12 st12 ให้พิจารณาเหมือนเรากำลังดูภาพยนตร์ ตอนนี้กำลังสนุก กำลังมีความสุข ก็รู้แต่ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นจริง ทุกอย่างบนโลกมันมาคู่กัน เกิด-ตายก็มาด้วยกัน รัก-เกลียดมาด้วยกัน มีได้มา-สูญเสียก็มาด้วยกัน ทุกอย่างมาเป็นคู่หมด อะไรที่มีความรักมาก หวงมาก สิ่งนั้นก็มีความทุกข์เท่ากับสิ่งที่รัก รักมากก็ทุกข์มากเท่ากัน รักน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่รักเลย วางๆ กลางๆ ก็ทุกข์ วางๆ กลางๆ เท่ากันเสมอ ไม่มีว่ารักมากแล้วทุกข์น้อย อะไรที่รักมาก ถ้ามันพลัดพรากหรือว่าต้องจากไป หรือว่าต้องสูญเสียไปย่อมมีความทุกข์หนักเท่าที่รักนั่นแหละ เพราะฉะนั้นแล้วทุกอย่างจิตไปปรุงแบบไหนไว้ มีแรงสะท้อนเท่ากันเสมอ ดังนั้นแล้วต้องให้ฝึกจิตตนเองไว้ ฝึกให้เราคลายอำนาจโลก ความทุกข์ก็น้อยลง ให้เข้าใจว่าทุกอย่างมันก็เป็นช่วงของความคิด มีความสุขความทุกข์ไป เราปฏิบัติแล้วก็คอยอบรมจิต คนโง่ที่เรารู้ธรรมเห็นธรรมแล้ว ยังคอยปล่อยโอกาสสำคัญชีวิตไป นั่นก็ตามแต่บุญกรรมเขา บางทีเขามีบุญมาแค่นั้น ธรรมะก็ไม่สามารถเข้าไปในจิตใจได้ เพราะว่ามีบุญมาแค่นั้น เกิดมาเสียชาติเกิด สมบัติโลกเป็นแค่นี้ไม่นานก็หมดเวลา แต่ธรรมะที่เป็นของแท้ของจริงที่จะยังคงอยู่เสมอ และป้องกันดวงวิญญาณนี้เมื่อพ้นโลกไปกับสู้อำนาจกิเลสได้ เสมือนอย่างอำนาจเงิน คนรู้จักก็ยอมไปศิโรราบให้อำนาจเงิน ส่วนกุศลกรรมบุญต่างๆ มองไม่เห็น บอกว่าเข้ายังไม่ถึง คนก็ไปยอมอำนาจสมมติบัญญัติโลก บัญญัติขึ้นมาว่าเอากระดาษไปพิมพ์เป็นเงิน แล้วเชื่อกันว่ามีค่า ยอมเป็นยอมตายให้เงิน สมมติร่วมกัน แย่งกัน แต่บุญนั้นมันมีค่าจริง ไม่ใช่สิ่งสมมติ เป็นของจริง อยู่ในจิตวิญญาณของเรา ติดตามไปทุกแห่ง. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/180115/101771 (http://www.thaipost.net/tabloid/180115/101771) หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : โลกุตรธรรม..จิตที่มีบุญ ปราศจากการปรุงแต่ง เริ่มหัวข้อโดย: nongyao ที่ มกราคม 21, 2015, 04:51:14 pm st11 :25:
หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : โลกุตรธรรม..จิตที่มีบุญ ปราศจากการปรุงแต่ง เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มกราคม 22, 2015, 07:55:33 am ขออนุโมทนาสาธุ
หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : โลกุตรธรรม..จิตที่มีบุญ ปราศจากการปรุงแต่ง เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มิถุนายน 01, 2015, 01:48:37 am ความเห็นทั้งหลาย เกี่ยวกับพระธรรม |