หัวข้อ: ก้าวข้ามความคุ้นเคย...เพื่อเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 25, 2015, 06:53:59 pm (http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/943038.jpeg) ก้าวข้ามความคุ้นเคย...เพื่อเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ - 1001 ผมไปเจอบทความชิ้นหนึ่งจากเว็บ sciencedaily เขียนถึงนักวิจัยจาก MIT ที่เพิ่มแนวคิดของความเสี่ยงเข้าไปในปัญหาเรื่องการวางแผน ซึ่งมีการยกตัวอย่างการใช้ความเสี่ยงเข้าไปวิเคราะห์ และบอกว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเท่กว่า Siriของไอโอเอสในปัจจุบัน ตัวอย่างในบทความน่าสนใจทีเดียวครับ เป็นต้นว่า ถ้าเงื่อนไขของเราเป็น เราต้องการใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น และต้องการแวะพักทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร A ซึ่งต้องใช้เวลานานในการทานอาหารตอนเวลา 12:30 น. คุณจะมีโอกาสเพียงแค่ 66% เท่านั้น ในการทำให้เป็นไปตามเงื่อนไขทั้งหมดได้ แต่ถ้ายอมผ่อนปรนเงื่อนไข เช่น ยอมทานอาหารตอน 13:00 น. เพื่อจะได้ใช้เวลาทานอาหารสั้นลง หรือเปลี่ยนไปทานที่ร้าน B ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า คุณจะมีโอกาสถึง 99% ที่จะทำให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่คุณต้องการได้ :96: :96: :96: :96: เหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ ของมนุษย์ ใช่ไหมครับ ในการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางแบบนี้ แต่ในทางคอมพิวเตอร์แล้วเรื่องนี้ไม่ง่าย ถึงกับต้องเปลี่ยนวิธีการเลยทีเดียว เพราะวิธีการเดิม จะเป็นการหาระยะทางสั้นที่สุด หรือเวลาน้อยที่สุด เพื่อทำงานงานหนึ่งให้สำเร็จ และเราเองก็วนเวียนกับคำตอบการหาระยะทางสั้นที่สุดหรือเวลาน้อยที่สุดเรื่อยมา พยายามแข่งขันกันหาว่า ใครจะหาคำตอบที่เป็นระยะทางสั้นที่สุดหรือเวลาน้อยที่สุดนั้น ได้เร็วกว่ากัน เปลืองทรัพยากรน้อยกว่ากัน แต่หากเราคิดเปลี่ยนจุดมุ่งหมายใหม่ ยอมขยับออกจากความคุ้นเคยของตัวเอง แทนที่จะจบด้วยคำตอบประเภทสั้นที่สุด เร็วที่สุด หรือถูกที่สุด ในกรอบความคิดแบบเดิม แต่หากยอมสละความคุ้นเคยหรือก้าวออกจากโซนปลอดภัยของตัวเอง มาอยู่ในโลกใหม่ ก้าวข้ามออกมาอีกหนึ่งขั้น เพื่อหาคำตอบที่แม้ไม่สั้นที่สุด ถูกที่สุด แต่กลับถูกใจผู้ใช้ที่สุด จนกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เช่นกัน :49: :49: :49: :49: ผมยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ท่านผู้อ่านลองคิดตามดูนะครับ เมื่อสองสามวันก่อน ลูกสาวของผมต้องทำการบ้าน และในการบ้านสั่งว่า “ให้นักเรียนชวนคุณพ่อคุณแม่ออกไปหาดวงดาวบนท้องฟ้า วาดตำแหน่งของดวงดาวที่สว่าง และลองร่างรูปร่างของกลุ่มดาวที่นักเรียนพบลงในหนังสือ” แน่นอนครับว่า ในปัจจุบันมีแอพหลายตัวทีเดียวที่สามารถทำ Augmented Reality เพื่อแทรกภาพดาวขึ้นไปบนท้องฟ้าให้นักเรียนได้ศึกษา แต่โจทย์การบ้านข้อนี้กลับทำให้ครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งชวนกันไปเดินนอกบ้าน แทนที่จะนั่งดูไอแพด หรือโทรทัศน์ แล้วช่วยกันหาดาวบนท้องฟ้า กลับมาวาดลงสมุด ด้วยความที่ผมสายตาสั้นต้องใส่แว่น มองกลางคืนก็ไม่ค่อยชัด ทำให้ผมมองเห็นแต่ท้องฟ้าดำ ๆ มืด ๆ แต่คุณแม่กับคุณลูกก็ช่วยกันหาดาวจนสำเร็จ ans1 ans1 ans1 ans1 บางทีแอพอาจจะช่วยคุณหาดาวบนท้องฟ้าเจอได้ง่าย ๆ แต่การ “มองฟ้า...ไม่เจอดาว” ก็ทำให้คุณรู้สึกในอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีแอพตัวไหนทำได้ ลองมองความรู้สึกของคนให้ช้าและชัดขึ้น คุณอาจสร้างแอพที่เข้าใกล้ความเป็นเพื่อนกับมนุษย์ได้มากขึ้นนะครับ. สุกรี สินธุภิญโญ(sukree.s@chula.ac.th) ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอบคุณภาพและบทความจาก www.dailynews.co.th/Content/IT/295744/ก้าวข้ามความคุ้นเคย...เพื่อเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ (http://www.dailynews.co.th/Content/IT/295744/ก้าวข้ามความคุ้นเคย...เพื่อเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์) |